5 พ.ค. 2020 เวลา 04:24 • ประวัติศาสตร์
'นกโดโด้' มนุษย์ใช้เวลาไม่ถึงร้อยปีในการทำให้พวกมัน 'สูญพันธุ์ไปจากโลก'
มันเป็นนกขนาดใหญ่ ที่มีขนาดพอๆ กับห่านที่เลี้ยงตามบ้าน พบได้เฉพาะที่เกาะมอริเชียสในมหาสมุทรอินเดีย นกโดโด้นั้นบินไม่ได้และเคลื่อนไหวเชื่องช้า จนถูกเรียกว่า doudo (เป็นภาษาโปรตุเกสมีความหมายว่า โง่เง่าและดูตลก) เดินต้วมเตี้ยมหาอาหารและวางไข่บนพื้นดิน โชคดีที่บนเกาะมอริเชียสไม่มีสัตว์นักล่าที่ขนาดใหญ่กว่านกโดโด้ พวกมันจึงแพร่พันธุ์ได้เป็นจำนวนมากโดยไม่มีภัยรบกวน
WIKIPEDIA PD
แต่ต่อมาไม่นาน การสูญพันธุ์ของพวกมันก็มาถึง เมื่อมนุษย์ค้นพบเกาะมอริเชียสในปี 1598 และได้ใช้เป็นที่หยุดพักระหว่างเดินเรือ ในสมัยนั้นการเดินเรือจะมีเสบียงแบบง่ายๆ เช่น ขนมปังแข็งๆ เนื้อแห้งที่เหนียวจนแทบเคี้ยวไม่ได้ เมื่อมนุษย์ได้เจอกับนกโดโด้ที่มีจำนวนมากบนเกาะ ฉากการล่าก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA CC BALLISTA
ด้วยความที่นกโดโด้มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น วิธีการจับให้ได้คราวละมากๆ ก็คือการจับให้ได้ก่อนหนึ่งตัว และปล่อยให้ตัวที่จับมาได้ร้องเสียงดังๆ นกโดโด้ที่เหลือก็จะออกมาตามเสียงร้องกันมากมาย หลังจากนั้นก็จับกันไปแบบยกฝูง
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA PD
มีบันทึกของนักเดินได้กล่าวถึงรสชาติของพวกมันว่า "มีรสชาติออกจะขมๆ ที่สำคัญเนื้อยังเหนียว" แต่แม้ว่ารสชาติจะแย่แค่ไหน นกโดโด้ก็ถือว่าเป็นอาหารจานเด็ดประจำเกาะที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องกินให้ได้สักครั้ง ใช่ว่าจะมีแต่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่กินนกโดโด้ สัตว์อื่นๆ ที่ติดมากับเรือเช่น หมา แมว และหนู ก็ร่วมล่าด้วยเช่นกัน
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
กระทั่งในปี 1693 นกโดโด้บนเกาะมอริเชียสก็ได้สูญพันธุ์ไปในที่สุด
WIKIPEDIA CC GNOMONIC

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา