8 พ.ค. 2020 เวลา 02:30 • ประวัติศาสตร์
โซกุชินบุตสึ - การบำเพ็ญเพียรเพื่อให้กลายเป็นมัมมี่
วันนี้เราจะเดินทางไปที่จังหวัดยามางาตะ บนเกาะฮนชู ทางภาคเหนือของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่มีมัมมี่พระนับสิบรูป คนญี่ปุ่นเรียกมัมมี่เหล่านี้ว่า "โซกุชินบุตสึ" หรือ ผู้ที่บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นให้ร่างกายกลายสภาพไปเป็นมัมมี่
ย้อนกลับไปราว 1000 ที่แล้ว ณ จังหวัดวากายาม่า มีภูเขาลูกหนึ่งเป็นที่ตั้งของวัด ซึ่งต่อมาเรียกว่าภูเขาโกย่า ในวัดนี้มีพระที่นับถือนิกายชินงอน (เป็นพุทธสายวัชรยาน) ชื่อ คุไค
https://www.insidejapantours.com/japanese-destinations/mount-koya/
พระคุไคค้นพบการบรรลุธรรมรูปแบบใหม่ นั่นคือการบำเพ็ญเพียรให้ตนเองเป็นอมตะเพื่อรอวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จกลับโลกอีกครั้งหนึ่ง
https://www.ancient-origins.net/news-history-ancient-traditions/sokushinbutsu-and-ancient-japanese-monks-mummified-to-death-012938
การบำเพ็ญเพียรดังกล่าวมีระยะเวลานานถึง 10 ปี เชื่อกันว่ามีพระนับร้อยรูป พยายามทำให้ตนเป็นอมตะ แต่ปัจจุบันพบร่างมัมมี่พระเพียง 16-24 รูปเท่านั้น
พระที่ตั้งใจจะบำเพ็ญเพียร จะเริ่มต้นทดสอบความอดทนในช่วง 1000 วันแรก โดยระหว่างนี้ จะฉันอาหารจำพวกถั่ว และเมล็ดพันธุ์พืช เพื่อกำจัดไขมันออกจากร่างกาย
เมื่อครบ 1000 วันแรกแล้ว จะเปลี่ยนอาหารไปเป็นเปลือกและรากของต้นไม้ (เรียกว่า โมกุจิคิเกียว (mokujikigyo) แปลว่า ‘กินต้นไม้’ ) กำหนดฝึกจิต นั่งวิปัสนากรรมฐาน ทำสมาธิจนครบอีก 1000 วัน
ในระยะสุดท้ายของขั้นที่ 2 นี้ จะให้ฉันน้ำชาที่มีส่วนผสมของยางจากต้นต้นอุรุชิ (Urushi tree) และเกลือจากน้ำพุร้อนศักดิ์สิทธิ์ การดื่มชามีพิษจะทำให้อาเจียน และสูญเสียของเหลวในร่างกายอย่างรวดเร็ว
"ยางจากต้น Urushi tree" - (http://en.urushi-joboji.com/joboji/sunakoda)
มีการนำเกลือนี้ไปวิเคราะห์ พบว่าเกลือนี้มีสารหนูเป็นปริมาณมาก ซึ่งสารหนูน่าจะมีส่วนทำให้แบคทีเรียไม่สามารถเข้ามาทำลายร่างกายหลังเสียชีวิตไปแล้ว ร่างกายจึงไม่เน่าเปื่อย
ขั้นสุดท้าย จะถูกนำไปปล่อยทิ้งไว้ในสุสานที่มีขนาดเท่ากับตัวของพระ นั่งสมาธิอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะหมดลมหายใจ ในสุสานยังมีกระดิ่งสำหรับให้พระส่งเสียงบอกโลกภายนอกว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
https://chinchorromummies.wordpress.com/2010/11/16/japanese-mummies/
วันใดที่เสียงกระดิ่งเงียบหายไปแล้ว พระลูกวัดจะปิดปากสุสานอย่างแน่นหนา รอจนครบอีก 1000 วัน จึงค่อยเปิดดูว่าร่างของพระได้กลายเป็นมัมมี่หรือไม่
ถ้าศพแห้งและไม่เน่าเปื่อย ก็จะได้รับการเคารพบูชาอย่างสูง ถือเป็นมัมมี่พระที่ศักดิ์สิทธิ์บรรลุธรรมอย่างแท้จริง และได้รับการแต่งองค์ทรงเครื่องของพระชั้นสูง
ในปี 1877 รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามทำพิธีกรรมนี้ และหลังจากนั้นการบำเพ็ญเพียรในรูปแบบนี้ก็กลายเป็นเพียงตำนานของประเทศสืบไป
https://chinchorromummies.wordpress.com/2010/11/16/japanese-mummies/
https://chinchorromummies.wordpress.com/2010/11/16/japanese-mummies/
https://cvltnation.com/mummified-still-alive-sokushinbutsu/
https://www.tsuruokacity.com/post/how-to-go-to-the-sokushinbutsu-mummies-in-asahi
แนบคลิป:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา