6 พ.ค. 2020 เวลา 09:24 • บันเทิง
เรื่องสั้น ฉันไม่ใช่นางเอก (อีกต่อไป) ตอน ๓ (จบ)
ภุชงค์จับมือของหล่อนที่กำลังจะยกแก้วเบียร์ขึ้น “พอเถอะอร เดี๋ยวเมา แล้วใครจะไปส่งคุณ”
อรฤดีเหลือบมองดูเขา หล่อนแค่นหัวเราะเอ่ยว่า “ถ้าคุณไปส่งไม่ได้ ก็ไม่ต้องสนใจหรอก อรกลับเองได้ ยังไงคุณก็ทิ้งอรไปแล้ว”
“อร พอเถอะ เราตกลงกันแล้วนะ นี่เป็นการพบกันครั้งสุดท้าย ไหนว่าคุณเข้าใจดีแล้วไงล่ะ เราจะไม่พูดเรื่องเหตุผลอะไรอีกแล้ว”
อรฤดีลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินออกไป เขาฉุดหล่อนไว้ “เดี๋ยวก่อน รอผมเช็กบิลก่อน แล้วผมจะไปส่งคุณ”
หล่อนหรี่ตาพูดอย่างเศร้าสร้อย “ภุชงค์ คุณรู้มั้ย อรรู้สึกว่าวันนี้คุณจริงใจกับอรมากที่สุด น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงแค่วันเดียว เวลาที่ผ่านมาคุณหลอกลวงทั้งหมด”
ทั้งสองเดินออกจากภัตตาคาร หญิงสาวเดินเซไปมาขณะที่ชายหนุ่มจำใจประคองหล่อนไว้ ผมสีดำหอมกรุ่นทำให้ความคิดของเขากระเจิดกระเจิง
อรฤดีอยู่ในชุดสีดำ เสื้อแขนกุดสีดำ กระโปรงดำ แถมรองเท้าดำ และกระเป๋าถือยังสีดำอีกด้วย ผิวกายขาวอมชมพูของหล่อนจึงถูกขับออกมาโดดเด่นดูช่างเย้ายวนใจ ภุชงค์ชักจะชอบสีดำ เขารู้สึกถึงความลึกลับ หรือว่าอาจจะเป็นสีแห่งความอาลัยอาวรณ์ที่หล่อนบ่งบอกให้เขารู้ บางทีคืนสุดท้ายของเขาและหล่อนอาจจะต่อเนื่องไปยาวนานกว่านี้
เขาพาอรฤดีไปที่ลานจอดรถ หยุดยืนที่รถยนต์ของหล่อน
“เดี๋ยวผมขับรถให้ ขอกุญแจด้วย” เขาพูดเสียงเรียบ แต่ในใจมีบางสิ่งลุกโชนขึ้น
“คุณจะไปส่งอรจริงๆ หรือ” หญิงสาวตาปรือมองเขา
“จริงสิ ส่งคุณถึงบ้านแล้วผมค่อยกลับมาเอารถที่นี่ เถอะน่า หยิบกุญแจให้ผม”
อรฤดีเปิดกระเป๋าสีดำ ล้วงหยิบวัตถุสีดำออกมา แต่มันไม่ใช่กุญแจรถ ภุชงค์ตาลุกโพลงรีบผละออกจากหล่อน รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว “นี่ . . . คุณคิดจะทำอะไร”
หญิงสาวยิ้มเยือกเย็น ท่าทางเมามายหายเป็นปลิดทิ้ง หล่อนเก็บวัตถุนั้นไว้ตามเดิม เปลี่ยนเป็นล้วงหยิบกุญแจรถขึ้นมายื่นให้เขา
“รับไปสิคะภุชงค์”
เขานิ่งเฉย ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี แต่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ปืนจริงหรือเปล่า”
“จริงสิคะ เอาไว้ป้องกันตัว ตกลงคุณจะไปส่งอรมั้ย” อรฤดียื่นกุญแจค้างอยู่ ขณะที่ภุชงค์ยังคงนิ่งเฉย
“หรือว่าไม่กล้าไปส่ง” หล่อนมองเขาอย่างเยาะเย้ยแล้วหันไปไขประตูรถยนต์ เมื่อเห็นภุชงค์ทำอะไรไม่ถูก อรฤดีก็หัวเราะลั่นจนสาสมใจ ก่อนจะสตาร์ตเครื่องและขับรถออกไปอย่างช้าๆ
ภุชงค์งัวเงียลุกขึ้นจากที่นอน เขาหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งคืน ภาพของอรฤดียังติดตาอยู่ไม่จางหาย
เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ทำให้เขาหวาดหวั่น ไม่มั่นใจว่าอรฤดีจะกลับมาตอแยอีกหรือเปล่า หล่อนดูแปลกๆ จนยากจะวางใจได้ อารมณ์ของหล่อนไม่ค่อยมั่นคง บางทีก็คร่ำครวญ บางทีก็เคียดแค้น เขาเดาใจหล่อนไม่ถูก เรื่องที่น่าห่วงคือหล่อนจะทำร้ายตัวเอง หรือที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือหล่อนกำลังคิดจะฆ่าเขา ไม่ว่าอะไรก็ตามเขาไม่ต้องการพัวพันกับเรื่องของหล่อนอีกแล้ว
ด้วยสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ภุชงค์ตัดสินใจแต่งงานกับดาริกาและย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดทางภาคใต้โดยทันที
2 ปีต่อมา ภุชงค์พบอรฤดีอีกครั้งในศูนย์การค้ากลางเมืองหาดใหญ่ หล่อนดูสวยผุดผาดจนแปลกตา กิริยาท่วงท่าก็อ่อนหวานน่ารัก ไม่หลงเหลือคราบนางร้ายที่เขาเห็นในครั้งหลังสุดเลย และอรฤดียังพูดคุยกับเขาอย่างไม่ถือสากับเรื่องเก่าๆ ในอดีต หล่อนดูดีจนเขารู้สึกละอายใจ ความคิดของภุชงค์เริ่มสับสน ในใจรู้สึกแปรปรวน
แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้ง จู่ๆ ดาริกาก็โผล่มา เธอเกือบเข้าใจผิดว่าภุชงค์แอบติดต่อกับอรฤดีอีก โชคดีมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งอุ้มเด็กน้อยเดินเข้ามาพอดี เขาเป็นสามีของอรฤดีเอง ส่วนเด็กก็เป็นลูกชายวัยหนึ่งขวบของทั้งสอง อรฤดีคงมีความสุขกับชีวิตคู่ของหล่อนอย่างแน่นอน ภุชงค์นึกแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ เขาช่างตามืดบอดมองไม่เห็นความดีงามของอรฤดีเลย
ส่วนดาริกาน่ะหรือ ทุกวันนี้เธออยู่ข้างกายเขาตลอด ติดตามเขาเหมือนเงาตามตัว เขาไม่อยากจะพูดถึงเลย ผู้หญิงอะไรเที่ยวอาละวาดปากร้ายไปทั่ว แถมซ่อนปืนพกไว้ในกระเป๋าถือ เธอส่งเสียงแดกดันย้ำเขาเสมอว่า
"อย่าให้รู้นะว่า คุณไปแอบมีผู้หญิงใหม่ที่ไหน ฉันไม่เอาไว้แน่ ไอ้บทนางเอกโง่ๆ งี่เง่าน่ะหรือ ฉันเล่นไม่เป็นหรอก รู้ไว้ซะด้วย" (จบ)
บทส่งท้าย :
ในเมื่อเขาแทบจะกลายเป็นสิ่งเดียวในชีวิต ที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้
เธอพร้อมจะสละทุกอย่างที่มี...เพื่อจะทำให้เขาและเธอได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
อาจเพราะ "ความรัก" แบบนี้กระมัง
ที่ทำให้เธอได้เรียนรู้ ปรับตัว
และเปลี่ยนไป . . . มากเหลือเกิน
โฆษณา