7 พ.ค. 2020 เวลา 11:02 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ซีรีส์ภาคปกติของ "นิโคล่า เทสลา" ชายผู้สร้างอนาคตโลกยุคใหม่ : ตอนที่ 1 ชะตาชีวิตของผู้เสียสละ (2/3)
แม้ว่าจะได้รับการศึกษาสูง แต่เทสลาก็ไม่มีหัวทางด้านธุรกิจ บางทีอาจเป็นเพราะครอบครัวและตระกูลของเขาไม่เคยมีใครทำธุรกิจ พ่อของเขาเป็นลูกของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับกองทัพนโปเลียน และเคยได้รับการศึกษาทางด้านการทหารมาก่อนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ทางด้านศาสนา ลุงของเขาคนหนึ่งเป็นศาสตราจารย์ทางด้านคณิตศาสตร์ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นพันเอกในกองทัพ เทสลาเคารพในสรรพความรู้ต่างๆ ในฐานะที่มันมีคุณค่าในตัวของมันเอง โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงว่ามันจะช่วยให้หาเงินได้เท่าไหร่
ขณะที่เทสลาเรียนอยู่ที่ Real Gymnasium ที่เมืองคาร์ลสตัดท์ เขาต้องอยู่ไกลจากการดูแลของพ่อ ดังนั้นเพื่อไม่ให้อยู่ไกลหูไกลตาผู้ใหญ่เขาจึงต้องไปพักอาศัยอยู่กับลุงซึ่งเป็นนายพันที่เกษียณแล้วและมีบ้านอยู่ในเมืองนั้น
คาร์ลสตัดเป็นเมืองที่เป็นที่ลุ่มหนองน้ำที่มีฝูงยุงชุกชุมและเป็นแหล่งของโรคมาลาเรีย หลังจากที่เทสลามาอยู่กับลุง ณ บ้านหลังนั้นชีวิตของเทสลาได้รับอิทธิพลจากป้าเป็นอย่างมาก มีการพูดติดตลกว่าบางทีที่เทสลามีร่างกายแข็งแรงปราศจากการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ คงเป็นเพราะถูกป้าจำกัดอาหาร ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบทางเดินอาหารของเทสลาไม่เคยได้รับอาหารเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ ป้าของเขามักทำให้เขาหิวตลอดเวลา ซึ่งเทสลาได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับป้าเขาว่า
"ป้าของผมเป็นผู้หญิงประหลาด เธอว่องไวและปราดเปรียว เป็นภรรยาของท่านนายพัน ที่เคยมีชีวิตผ่านช่วงสงครามมาแล้วหลายครั้ง ผมไม่เคยลืมสามปีที่ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ผมจะต้องอยู่ในกฎระเบียบที่สุดแสนจะเข้มงวดราวกับอยู่ในภาวะสงคราม ผมรู้สึกว่าตนเองเหมือนนกขมิ้นที่จะต้องคอยถูกป้อนข้าวป้อนน้ำ อาหารทุกมื้อจะถูกจัดเตรียมด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูง มีการปรุงรสอย่างพิถีพิถัน แต่ปริมาณที่ได้นั้นน้อยเกินจะบรรยาย หมูแฮมที่ป้าหั่นนั้นบางซะยิ่งกว่ากระดาษทิชชู่ เวลาที่ลุงเอาอะไรอร่อยๆ มาให้ผมกิน ป้าจะคว้าออกไปจากหน้าผม แล้วก็พูดยั่วยวนให้ผมเกิดอาการหิวและอยากกินแบบสุดๆ เช่น 'ระวังหน่อยนิโก้ เรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะตะกละตะกลามไม่ได้' ป้าไม่เคยรู้เลยว่าเขาทำแบบนั้นทำให้ผมอยากกินแทบบ้า ผมต้องทนอยู่ที่นั่น ในครอบครัวซึ่งเต็มไปด้วยกฎระเบียบและศิลปะการลิ้มรส"
ความเป็นอยู่ที่อดอยากและกฎระเบียบทางทหารในบ้านของลุงช่วยให้เทสลาพัฒนาความสามารถในการควบคุมตัวเอง ผสมกับลักษณะภายนอกของเทสลาที่เหมือนกับคนที่ไม่ค่อยแข็งแรงเป็นลักษณะที่อยู่กับเขาตลอดชีวิต เทสลาไม่เคยไว้ใจผู้หญิงเนื่องจากความฝังใจในตอนที่เขาอยู่กับป้า ซึ่งใช้กลวิธีต่างๆ ทำให้เขากินอยู่ไม่ค่อยอิ่มท้อง แต่ว่าเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะใช้พลังจิตในการข่มความทุกข์ทรมานจากความหิว เพื่อบรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการ
ทุกคนก็จะมีอาจารย์อย่างหนึ่งคนที่เป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาเล่าเรียนไม่เว้นเทสล่า ที่คาร์ลสตัดท์เขาโชคดีที่ได้เรียนฟิสิกส์กับศาสตราจารย์โปชล์ (Professor Poeschl) ซึ่งเป็นคนที่ชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาให้แก่นักเรียนเพื่อกระตุ้นแรงบันดาลใจในการศึกษาเล่าเรียน เขาสอนวิชาฟิสิกส์ทั้งเชิงทฤษฎีและการทดลอง เทสล่าเขียนบันทึกบรรยายศาสตราจารย์โปชล์ไว้ว่า '...ชายผู้ชาญฉลาดคนหนึ่งที่ชอบสาธิตหลักการทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ด้วยอุปกรณ์ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ในจำนวนนั้นผมจำอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งได้ มันมีลักษณะเป็นทรงกระบอกกลมหุ้มด้วยแผ่นฟอยล์บางๆ เมื่อแท่งทรงกระบอกดังกล่าวถูกติดตั้งเข้ากับมอเตอร์ที่อยู่นิ่ง มันสามารถทำให้มอเตอร์หมุนได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ผมได้เห็นในวันนั้นสร้างความประทับใจและแรงบันดาลใจกับผมมาก สำหรับผมแล้วนั่นผมถือว่าเป็นปรากฏการณ์ลึกลับที่ผมต้องการทราบแรงมหัศจรรย์ดังกล่าว'
บทเรียนหนึ่งที่ทำให้เทสลาประทับใจอย่างยิ่ง คือวันหนึ่งศาสตราจารย์โปชล์ได้นำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากปารีสมาแสดงให้นักเรียนของเขาดู เขาสาธิตให้ดูว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสามารถทำงานเป็นมอเตอร์ได้อย่างไร?
ในช่วงต้นๆ ของยุคไฟฟ้า แบตเตอรี่ถือเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าแหล่งเดียวที่สามารถนำมาใช้งานได้ ซึ่งมันจะให้ไฟฟ้ากระแสตรงเท่านั้น ดังนั้นในยุคแรกที่มอเตอร์ถูกประดิษฐ์ขึ้น มันจะถูกจ่ายไฟโดยแบตเตอรี่ เมื่อไมเคิล ฟาราเดย์สร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องแรกขึ้น เขาพบว่าถ้าเขาให้ขดลวดหมุนเป็นวงกลมในสนามแม่เหล็กจะทำให้เกิดไฟฟ้ากระแสสลับที่แปลกประหลาดไหลผ่านขดลวดดังกล่าว แต่ไม่มีใครสามารถใช้ไฟฟ้ากระแสสลับที่เกิดขึ้นมาขับมอเตอร์ได้ ต่อมามีการค้นพบว่าถ้าเอาสวิตช์ทางกลมาติดที่ปลายขดลวดจะสามารถปรับทิศทางของไฟฟ้าให้ไปข้างหน้าหรือถอยหลังได้ ดังนั้นจึงสามารถแปลงให้มันเป็นไฟฟ้ากระแสตรงได้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า Gramme ที่ศาสตราจารย์โปชล์ซื้อมาจากปารีส ก็มีการใช้งานสวิตช์ดังกล่าว ซึ่งเรียกสวิตช์นี้ว่า คอมมิวเตเตอร์ (Commutator)
เครื่องจักรกลนี้สามารถใช้ได้ทั้งเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและมอเตอร์ แต่เมื่อศาสตราจารย์โปชล์ใช้มันเป็นมอเตอร์ เทสลาได้ตั้งข้อสังเกตว่า แปรงเหล็กที่เชื่อมต่อไฟฟ้าเพื่อทำให้คอมมิวเตเตอร์เคลื่อนที่มีการสปาร์กและเกิดเสียงดัง เขาพูดในสิ่งที่เขาคิด โปชล์ตอบว่า แน่นอนแต่คงจะเป็นไม่ไปได้ที่จะหมุนมอเตอร์โดยไม่ใช้วิธีการนี้ ถูกต้องแล้วที่ว่าเมื่อเกิดการสปาร์กแล้วจะทำให้มอเตอร์มีประสิทธิภาพต่ำลง และมันจะมีประสิทธิภาพมากกว่านี้มากถ้าสามารถกำจัดการสปาร์กนี้ออกไปได้
อาจารย์ที่ดีควรจะเคารพในความคิดเห็นของผู้เรียน ศาสตราจารย์โปชล์ก็เป็นเช่นนั้น เขาได้สละเวลาหนึ่งคาบเต็มเพื่ออธิบายแก่เทสลาว่าทำไมไฟฟ้ากระแสสลับจึงไม่สามารถใช้งานกับมอเตอร์ได้ ในช่วงท้ายของการเรียนวิชานี้ศาสตราจารย์โปชล์กล่าวว่า บางทีในอนาคตคุณเทสลาอาจค้นพบในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่เคยทำให้มอเตอร์หมุนได้ด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งเปรียบเสมือนกับการเอาแรงดึงดูดของโลกซึ่งเป็นแรงในคงที่ในทิศทางเดียวมาแปลงเป็นการหมุน ซึ่งมันเป็นความคิดที่เป็นไปไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตามเทสลามั่นใจอย่างมากว่าสามารถทำได้ เขาให้เหตุผลว่าถ้าไฟฟ้ากระแสสลับเกิดจากการเคลื่อนที่แบบเป็นวงกลม (circular motion) แล้วการเคลื่อนที่แบบเป็นวงกลมก็สามารถทำให้เกิดไฟฟ้ากระแสสลับได้เช่นกัน
แม้ว่าการศึกษาที่สุดวิเศษจะจบลง แต่เทสลาก็ยังคงสนุกกับการศึกษาเล่าเรียน แต่หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตหลังจากเขาจบการศึกษาไม่นาน เขาคาดว่าแม่ของเขาคงไม่สามารถส่งเสียให้เขาได้เรียนสูงขึ้นต่อไปได้ เขาจึงต้องออกมาหางานทำ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา