9 พ.ค. 2020 เวลา 09:00 • ไลฟ์สไตล์
“...มันเป็นยังไงไหนเล่าสิ๊...”
ถ้าไม่สบาย เจ็บป่วย หรือได้รับอุบัติเหตุเป็นเรื่องปกติที่เราต้องไปหาคุณหมอ และแน่นอนเราต้องพูดคุย เล่าอาการให้คุณหมอฟังเพื่อประกอบการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง
ในชีวิตนี้น้อยครั้งมากที่วินดาจะไปหาคุณหมอ เพราะถ้าไม่สบาย ปวดหัว ไอ เป็นไข้ น้ำมูกไหล ก็มักจะซื้อยามากินเอง ไม่เกิน 2 อาทิตย์ก็หายสบายเป็นปกติค่ะ
จะมีไปหาคุณหมอจริงจังก็นับครั้งได้ที่เลขตัวเดียว และครั้งนี้ก็ถือว่าจำเป็นต้องไป เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆค่ะ
อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดคอขาดบาดตายอะไร แต่สร้างความเจ็บปวด และรำคาญใจให้วินดามาหลายวัน ดูท่าแล้วจะไม่หายเอาง่ายๆ
มันทำให้วินดาเดินไม่ถนัด ขาลงน้ำหนักไม่ได้ทั้ง 2 ข้าง ทุกคนนึกภาพตามสิค่ะว่าท่าเดินจะประหลาดขนาดไหน
ถ่ายตอนหายแล้ว ดีใจที่เดินได้ปกติค่ะ😄
จากความรีบเดินไม่ดูทาง และถือของทั้ง 2 มือ
ทำให้วินดาก้าวพลาดขาแพลงทั้ง 2 ข้างเลยค่ะ ใช่ค่ะ!!! ทุกคนอ่านไม่ผิด "ขาแพลงทั้ง 2 ข้าง" ไม่รู้โชคชะตาหรือความประมาท
คือวินดาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านประจำแถวบ้าน ซึ่งร้านจะอยู่บริเวณหัวมุมถนน ทางเข้า-ออกร้านเลยจะมีหลายประตู เข้าหน้า-ออกข้าง, เอาข้าง-ออกหน้า, เข้าข้าง-ออกข้าง (ไม่ต้อง งง นะคะ เอาเป็นว่า เข้า-ออก ได้มากกว่า 1 ประตูค่ะ)
โดยปกติวินดาจะเข้าหน้า-ออกข้างค่ะ เพราะถ้าสั่งไปกินที่บ้านจะเข้าหน้าร้าน สั่งเสร็จก็เข้าไปนั่งรอในร้าน พอได้ก๋วยเตี๋ยวก็จะเดินออกข้างร้านได้เลยสะดวกดีค่ะ
แต่ครั้งนี้พื้นที่ประตูข้างมันไม่เหมือนเดิม มันมีออฟชั่นเสริมเพิ่มเข้ามานั่นคือ "ก้อนอิฐ" วางอยู่ตรงกลางทางออกเลยค่ะ ปกติถ้าวินดาก้าวข้ามธรณีประตู เท้าก็จะแตะพื้นเลย แต่นี่เท้าซ้ายก้าวปุ๊บแตะขอบอิฐ ข้อเท้าพลิกปั๊บ ด้วยสัญชาตญาณขาขวาตามมาติดๆต้องก้าวมา แต่ดั๊นนนน...องศาคำนวณผิดความเคยชินยังไม่น่าถึงพื้น องศาเท้าไม่ได้ ขาขวาเลยกระแทกพื้นแล้วทรงตัวไม่อยู่พากันพลิกอีกข้างจะได้เท่าเทียม😖
คราวนี้ท่าสวยเลยค่ะ ตัดภาพมาวินดานั่งลงไปกองกับพื้น แขน 2 ข้างชูถุงก๋วยเตี๋ยวที่จะซื้อกลับบ้านไปให้สมาชิกที่รอคอยอยู่ เรียกว่า ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีทีเดียวค่ะ ช๊อตนี้นึกทีไรขำในสัญชาตญาณการรักษาของกินของตัวเองทุกที คือ ไม่มีถุงไหนเสียหายหรือหล่นพื้นเลยนะคะ "ภูมิใจ"
ตอนนั้นความอายวิ่งหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ค่ะ เหลือไว้แต่ความชา เจ็บ และปวด ตามลำดับเลยค่ะ วินดานั่งกองอยู่กับพื้นแบบนั้นสักพัก 2 นาทีน่าจะได้ เพราะลุกไม่ขึ้น พยุงตัวเองไม่ได้ ไหนจะถุงก๋วยเตี๋ยวอีก (ตอนหลังมาคิดอีกทีหรือที่เราชูขึ้นเพราะมันร้อน สัญชาตญาณเลยไม่ให้มันต้องมาโดนตัวเรานะ 555)
ไม่น่าเชื่อนะคะ 2 นาทีนี้ไม่มีใครเดินมาหรือเห็นวินดาเลย (ตอนเกิดเหตุการณ์วินดาไม่ได้ส่งเสียงเลยค่ะ เพราะพูดไม่ออก) อาจเป็นเพราะมันเป็นข้างร้าน ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเข้าหน้าร้าน สั่งแล้วก็ยืนรอ หรือไม่ก็เข้ามานั่งกินในร้าน ซึ่งโต๊ะไม่ได้อยู่แถบที่วินดานั่งกองอยู่ แถมตรงนั้นก็มีลังกระดาษวางทับๆกันอยู่ บังวินดาที่ไม่ได้อยู่ในระดับสายตาใคร
2 นาทีผ่านไปวินดารวบรวมพลังฮึดเกาะประตูยืนขึ้นและเดินกระเพกๆกลับบ้านพร้อมก๋วยเตี๋ยวร้อนๆกลับไปฝากสมาชิกค่ะ ถึงบ้านก็เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง และด้วยความขี้เกียจไปหาหมอก็ขอทายา ดูอาการเองไปก่อน
แต่ 2-3 วันผ่านไปมันไม่ดีขึ้นเลยค่ะ มันบวม เขียว ช้ำ เส้นเลือดปูด เวลาอาบน้ำก็ต้องเอาเก้าอี้เข้าไปนั่งอาบ จะเดินไปไหนก็ต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวให้เกาะเดินไปไม่ว่าจะกำแพง โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง คว้าอะไรได้ก็ยึดไว้หมดเพราะลงน้ำหนักเท้าไม่ได้เลย จะคลานก็กลัวคนที่บ้านจะตกใจไปกันใหญ่ค่ะ
เย็นวันที่ 3 วินดาเลยยอมไปหาคุณหมอดีกว่าค่ะ ไปถึงห้องตรวจคุณหมอให้นั่งบนเตียง ให้เล่าอาการและจับข้อเท้าพลิกดู ประโยคที่คุณหมอถามหลังจากนั้นก็คือ "ไปพลิกท่าไหนมาถึงเป็นทั้ง 2 ข้างแบบนี้" แล้วคุณหมอก็คิ้วขมวดเหมือนกำลังพยายามนึกภาพอยู่ (ในใจวินดาก็คิดว่าท่าอะไรยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยค่ะคุณหมอ)
วินดาเล่าให้คุณหมอฟังคร่าวๆ เสร็จแล้วคุณหมอก็แนะนำให้เวลานอนเอาหมอนหนุนเท้า 2 ข้างให้สูงขึ้น มีเวลาก็แช่น้ำอุ่น แล้วก็กินยา ทายาด้วย วินดาลาคุณหมอออกมาพร้อมเสียงหัวเราะของคุณหมอค่าาาา😆
หลังจากหาคุณหมอแล้ว วินดาก็ปฏิบัติทุกอย่างตามที่คุณหมอสั่ง อาการก็ค่อยๆดีขึ้นจนหายเป็นปกติเดินได้ วิ่งคล่องก็เดือนกว่าๆเอ๊งงงงค่ะ เข็ดไม่ลืมเลยหละค่ะงานนี้
พอหายแล้วตอนนั้นเดินใหญ่เลยค่ะ กระหายการเดินสุดๆ🏃🏻‍♀️🏃🏻‍♀️🏃🏻‍♀️
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นจากความ "ประมาท" ของวินดาเองล้วนๆเลยค่ะ เพราะเดินไปตามความเคยชิน ไม่มองทางให้ดี อะไรที่อยู่เหมือนเดิม มันอาจจะไม่เหมือนเดิมก็ได้ ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนไม่ประมาท ดูแลตัวเองดีๆกันด้วยนะคะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวแบบวินดา😁
***เรื่องนี้เมื่อปีที่แล้วค่ะ***
แล้วพบกันใหม่นะคะ👋🏻
#windasharing
โฆษณา