10 พ.ค. 2020 เวลา 04:00 • ข่าว
* การล่าวาฬที่ไอซ์แลนด์อาจถึงคราวสิ้นสุดลง
นับตั้งแต่ลงนามเข้าร่วมสัญญาควบคุมการล่าวาฬของคณะกรรมการล่าวาฬระหว่างประเทศ International Whaling Commission (IWC) เมื่อปี 1986 เป็นเวลากว่า 15 ปีที่ประเทศไอซ์แลนด์ไม่ได้ล่าวาฬเพื่อการพาณิชย์เลยจะกระทั่งตัดสินใจยุติสัญญาลงเมื่อปี 2003 แต่หลังจากนั้น ไอซ์แลนด์ก็ยังเป็นประเทศที่มีการล่าวาฬน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นและนอร์เวย์ ซึ่งตั้งแต่ปี 2003 มีการล่าวาฬไปทั้งหมด 1,505 ตัว โดยวาฬมิงค์ (Minke whale) และ วาฬฟิน (Fin whale) เป็นวาฬสองประเภทที่ถูกล่ามากที่สุด
2
thejakartapost.com
แต่เป็นเวลา 2 ปีติดกันแล้วที่สองบริษัทใหญ่ในการล่าวาฬของไอซ์แลนด์ไม่ได้ออกเรือ
Gunnar Bergmann Jonsson กรรมการผู้จัดการของบริษัท IP-Utgerd ที่ล่าวาฬมิงค์เป็นหลักให้สัมภาษณ์ว่าทางบริษัทได้เลิกล่าวาฬอย่างถาวรแล้ว เหตุผลแรกเป็นเพราะในปี 2017 รัฐบาลไอซ์แลนด์ได้ประกาศเพิ่มพื้นที่ในการอนุรักษ์วาฬชายฝั่งอีก 2 พื้นที่ ทำให้บริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการออกล่าแต่ละครั้งสูงขึ้นเพราะต้องเดินทางไปไกลกว่าเดิม รวมกับสถานการณ์ของโควิด 19 ช่วงนี้ที่ต้องทำตามกฎ social distancing บริษัทจึงเห็นว่าธุรกิจนี้ไม่คุ้มที่จะลงทุนอีกต่อไป
ในวันเดียวกัน Kristjan Loftsson ผู้บริหารของ Hvalur บริษัทที่เชี่ยวชาญในการล่าวาฬฟินก็ประกาศหยุดออกล่าวาฬในปีนี้อีกเช่นกัน เนื่องมาจากสถานการณ์โรคระบาด ถึงแม้ Hvalur ยังไม่ได้ประกาศยุติกิจการ แต่เมื่อปีที่แล้ว Hvalur ก็ไม่ได้ออกเรือล่าวาฬ โดยให้เหตุผลว่า ลูกค้าวาฬฟินรายใหญ่ของบริษัทอย่างประเทศญี่ปุ่นมีความต้องการเนื้อวาฬลดลง
สมัยที่ยังเข้าร่วม IWC ญี่ปุ่นไม่ได้ล่าวาฬเพื่อการพาณิชย์ก็จริง แต่มีการล่าโดยอ้างว่าเป็นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในทะเลแอนตาร์กติกมาโดยตลอด ถึงกับเคยโดนประเทศออสเตรเลียยื่นฟ้องต่อศาลโลกว่าญี่ปุ่นเอางานวิจัยมาบังหน้าในการออกล่าวาฬที่ทะเลแอนตาร์กติค จนปีที่แล้วญี่ปุ่นขอถอนตัวจาก IWC ทำให้สามารถกลับมาล่าวาฬเพื่อการพาณิชย์ได้อีกครั้ง แต่ด้วยกฎหมายระหว่างประเทศทำให้ล่าได้เฉพาะในเขตน่านน้ำจำเพาะของตัวเองเท่านั้น
sciencemag.org
ถึงอย่างไรก็ตาม การที่ญี่ปุ่นตัดสินใจออกจาก IWC อาจเป็นสัญญาณว่าการออกเรือเพื่อไปล่าวาฬไกลถึงแอนตาร์กติคไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ทั้งนี้ยังมีรายงานว่าความนิยมในการบริโภคเนื้อวาฬของคนญี่ปุ่นลดลงทุกปี และช่วงที่ผ่านมามีเนื้อวาฬเหลือค้างในสต็อคเพราะขายไม่ออกอยู่ราว 4000 ตัน
ในขณะที่เนื้อวาฬไม่ใช่อาหารจานหลักของชาวไอซ์แลนด์และการส่งออกวาฬก็ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน พบว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวออกเรือชมวาฬ (whale watching) กลับกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในประเทศไอซ์แลนด์
ตั้งแต่ปี 2012 จนถึง 2016 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมทริปชมวาฬมีจำนวนมากขึ้นประมาณ 15% - 34% ทุกปี หมู่บ้านริมชายฝั่งทางเหนืออย่าง Hauganes ที่มีประชากรแค่ 137 คน กลับมีนักท่องเที่ยวเพื่อมาชมวาฬเพิ่มขึ้นจาก 4,000 คนในปี 2015 เป็น 17,000 คน ในปี 2018
จากสถานการณ์ทั้งหมดอาจกล่าวได้ว่ากำลังมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในประเทศไอซแลนด์ เมื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างการชมวาฬกำลังได้รับความนิยมมากกว่าการออกล่าวาฬ
“การออกล่าวาฬด้วยกล้องนั้นนอกจากจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ยังทำให้พื้นที่แถบชายฝั่งมีการพัฒนาและมีเงินหมุนเวียนอีกด้วย ซึ่งประเทศไอซ์แลนด์กำลังจะมุ่งไปทางนั้น” กล่าวโดย Patrick Ramage ผู้จัดการองค์กรอนุรักษ์ทางทะเล IFAW
References >>

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา