9 พ.ค. 2020 เวลา 16:33 • ธุรกิจ
3 Mins Reading
มาเรียนรู้ 20 คำศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับการตลาดกัน ! - ตอน 1/2
20 Marketing Specific Term and Meaning, You should know !
เราเชื่อว่าการตลาด (Marketing) เนี่ย เพื่อนๆน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก หลายๆคำศัพท์เฉพาะเนี่ย ก็เป็นที่รู้กันในวงกว้างง
งั้นบทความนี้เราขอ หาคำศัพท์เฉพาะที่ใช้ในเชิงการตลาดในทุกๆด้าน พร้อมความหมายมาให้เพื่อนๆอ่าน และ เข้าใจเพิ่มขึ้นสนุกๆกัน !
มาเริ่มกันนนนเล้ยย !
ในตอนท้ายถ้าเพื่อนๆไม่ขี้เกียจนับกัน เราอยากรู้ว่า จากคำที่เราเลือกหามา เพื่อนๆรู้จักทั้งคำละความหมายกันกี่ข้อน้าา ??
1. A/B Testing
คำนี้เราจะได้ยินบ่อยเลยละ มันคือ Digital marketing terms การทดสอบระหว่างระบบ 2 ระบบ หรือมากกว่า เพื่อหาผลลัพท์ที่ดีที่สุดนั้นเอง
ให้เห็นภาพง่ายๆจากภาพด้านล่าง
เค้าจะเอาวิธี มา 2 วิธีการ เช่นอาจจะ ทำคอนเท้นใหม่ หรือ ใส่ข้อมูลเพิ่มเข้าไปที่แตกต่างกัน แล้วทำการแทรคผลลัพท์ว่า Conversion rate อันไหนดีกว่ากัน
3
A/B Testing from www.marketingoops.com
2. Bounce Rate
อ๊าาห์ อันนี้เราใช้พูดถึงบ่อยๆในบทความก่อนๆเนอะ !
หมายความว่า จำนวนของผู้เข้ามาเยี่ยมชมเวปไซต์นั้นๆ แล้วก็ออกแบบไม่ได้มี Interaction ใดๆ นั้นเอง
การที่มีเจ้า Bounce rate นี้เยอะ.... นั้นไม่ใช่สัญญานที่ดีเลย แสดงว่า เว็ป หรือ หน้าเพจ ของเพื่อนๆต้องไม่น่าสนใจเท่าที่ควรเลยละ T^T
3. Bottom of the Funnel (BOFU)
คำนี้มาจาก Stage of Buying process ที่จะมีด้วยกัน 3 process คือ
- Top of Funnel (TOFU) >> เป็น stage แรกเริ่มที่ลูกค้าจะได้รู้จัก หรือมาเจอสินค้าของเพื่อนๆ ก็คือ Awareness นั้นเอง เพราะงั้นจุดนี้การที่เราทำ Content ดีๆ เนี่ย ชนะสำหรัขั้นตอนแรกแน่นอน
- Middle of Funnel (Mifu) >> หลังจากที่ลูกค้าเปิดใจให้กับสินค้าเพื่อนๆแล้ว เค้าก็จะเริ่มค้นหาต่อละว่า โอเค มันดียังไง ? เค้าจะได้ประโยชน์อย่างไร ? รีวิวมีเยอะไม๊ กี่คะแนน ? หรือ ก็คือ Consideration นี่เอง
- Bottom of Funnel (BOFU) >> สุดท้ายยยย เมื่อลูกค้าตัดสินใจละว่า ชั้นต้องการ และต้องซื้อสินค้านี้นั้น ! เค้าก็จะมาเลือกแล้วว่า ในสินค้าประเภทนี้ มีเจ้าไหนขายบ้าง อาจจะไปดูที่เจ้าอื่นเทียบกับของเพื่อนๆ หรือ Decision
เราว่าเพื่อ generate ลูกค้าเนี่ย ขั้นนี้เจ้าไหนมี Value add มูลค่าเพิ่มเติมของสินค้า น่าจะจูงใจลูกค้าได้ที่สุดด
from Moreminimore.com
4. Cold Calling and Cold E-mail
เพื่อนๆหลายๆคนน่าจะรู้จักวิธีนี้
นี่คือวิธีที่บริษัทขายประกัน(แบบตรง) กับ บัตรเครดิตชอบใช้ ก็คือเป็นการสุ่มโทรจากรายชื่อหรือเลขโทรศัพท์ที่เราไปลงทะเบียนไว้ (บางที่เค้ามีการเก็บข้อมูลลูกค้า หรือ ขายยยข้อมูลสมาชิกเลยละ) โดยที่ไม่ได้มีการบอกเราล่วงหน้า หรือ ลูกค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าเป็นใครแล้วได้เบอร์มาจากไหน
ศัพท์ที่เค้าใช้เรียกเหล่า Prospect หรือลูกค้าแบบสุ่มเนี่ย คือ "Lead" (อ่าาาห์ ฟังดูขายตรงมาก 5555 แต่ ขายตรงน่ะเอาจริงๆรวยน้าเพื่อนๆ)
5. Content Management System (CMS)
เพื่อนๆที่เขียนบทความหรือชอบอ่าน อาจจะคุ้นเคยกับ Wordpress
ใช่แล้วละะะ นี่คือรวมเหล่าซอฟแวร์ที่ช่วยเพื่อนๆทำคอนเท้น ให้เพื่อนๆเขียนได้ง่ายขึ้น และบางอันก็เป็น Platform เลยละ ไม่ใช่แค่แอพธรรมดา
from Blissmarcom.com
6. Conversion Rate
เจ้าตัวนี้เป็นอีก 1 ปัจจัยหัวใจสำคัญของ Marketing เรียกได้ว่า เป็น 1 ในการวัดผลเลยก็ได้ มันนคือ การที่เราเปลี่ยนจากผู้เข้าชมให้กลายเป็นผู้ซื้อนั้นเอง ตรงตัวเลย Converse เค้าให้กลายเป็นลูกค้าเรานั้นเอง
จริงๆไม่ใช่แค่ทาง การตลาดนะ ทางฝั่งการขายเนี่ย ก็นับ Conversion เป็น Success rate เหมือนกัน
นี่ๆเพื่อนๆ เค้ามีสูตรให้ด้วยนะ แต่ง่ายมาก 55555 เอาง่ายก็คือ %CR = (จำนวนการซื้อ / จำนวนคลิกทั้งหมด) คูณ 100
7. CPL and CPC
- Cost Per Lead >> ตรงตามชื่อเลย แล้วก็ Lead ก็คือผู้เข้าชมนั้นเอง สมมุตว่าเพื่อนๆ ตัวอย่างเช่นบริษัทจัดหาผู้ซื้อ (Lead) เค้าคล้ายๆ headhunter อะ เหมือนเราให้ความต้องการว่า เออ ชั้นอยากได้ Lead คนที่สนใจจะซื้อประกัน บริษัทเหล่านี้ก็จะไปจัดหาให้ แต่ Qualified Lead ไม๊ อันนั้นก็อีกเรื่องนะ
- Cost per Click >> ก็ อันนี้ยกตัวอย่างเป็น Ads ดีกว่า เพื่อนๆ Search Google คำว่า "Book Hotel" ละ เจอเว้ปที่มีสัญลักษณ์ Ad แล้วเพื่อนๆคลิกเข้าไป เค้าก็จะเสียตังค์ 5555
แค่เพื่อนๆคลิกลิ้งนี้ Hotels.com ก็ต้องจ่ายค่า Click กับ Google แว้ว (แต่อันนี้เราไม่ทราบราคานาจา แห่ะๆ)
8. Customer Relationship Management (CRM)
เจ้า CRM เค้าคือ Software ที่ทำงานอำนวยความสะดวกทางการตลาดและการขายให้กับบริษัทเพื่อนๆ (ที่มี่การจัดการข้อมูลที่ค่อนข้างเยอนะ)
เช่น การเก็บรายชื่อและประวัติลูกค้า (Contact store), การ Logging การทำงานของพนักงานโดยเฉพาะถ้าต้องการสื่อสารกันในหลายๆแผนก, การ Track ยอดการขาย หรือแม้แต่การเสนอขาย, ไปลังเก็บข้อมูลของเมล์ ทำให้แผนกอื่นๆสามารถเห็นได้ว่า พนักงาน คนนี้เคยคุยอะไรไปกับลุกค้าแล้วบ้าง
ตัวอย่าง ผู้ให้บริการ CRM ที่น่าสนใจ : Salesforce, Hubspot
Hubspot - Sales Tracking Pipeline อันนี้สามารถแทรคการขายได้เบย
Salesforce - อันนี้ เป็นตัวอย่าง Activiti logging Dashboard เราสามารถเห็นประสิทธิภาพของการทำงานของแต่ละคนได้น้ะ
9. Customer Lifetime Value (CLV)
อ่าาาห์ อันนี้ เราจะพยายามอธิบายให้ดีที่สุดนะ อันนี้เรามาเรียบเรียงเป็นสำนวนเราเอง ขอให้เพื่อนๆไม่งง 555
มันคือ จำนวนเงินทั้งหมดที่ลูกค้าจะจ่ายให้กับสินค้า หรือ บริการของบริษัทเพื่อนๆตลอดชีวิต เพื่อที่จะคำนวนดูว่า เอ..ต้นทุนที่ลงไปคุ้มไม๊น้า ?
เช่น สมมุติตัวอย่าง ร้านกาแฟ เพื่อนๆสามารถคำนวนเงินที่จะได้จากลูกค้าต่อแก้วต่อวันต่อรอบ เราก็สามารถมาคิดคู่กับต้นทุนต่อแก้ว
ให้เห็นภาพมากขึ้น สมมุติเอาเป็นร้านขายรองเท้า
- เพื่อนๆขายรองเท้าวิ่งมาราธอนคู่ละ 1000 บาท เน้นขายนักวิ่งซึ่งต้องมีการซื้อเป็นประจำ 4 คู่ต่อปีซึ่งการแข่งขันต่อ 1 คน คิดเป็นราวๆ ลงแข่ง 8 ปี (หลังจากนี้น่าจะแก่แล้ว) เพราะงั้นมูลค่า CLV คือ 100THB per pair of shoes X 4 pairs per year X 8 years = 1000x4x8= 32,000 THB
นั้นก็คือ ถ้าต้นทุนเพื่อนๆ ต่อข้างเนี่ย 800 บาท (รวมค่า Marketing เฉลี่ยต่อคู่แล้ว) แล้วสำหรับรองเท้ายี่ห้อ A รุ่น 2020 เนี่ย.... เพื่อนๆสามารถดูได้ว่า ณ ตอนนี้ มีลูกค้า เท่าไร เฉลี่ยอย่างไรบ้าง เราจะต้องผลิตมาเพิ่มมากไหม หรือ ควร Promote เพิ่มไม๊อย่างไร ?
10. Loss Aversion
เอางี้ อันนี้เราขอเปิดด้วยภาพก่อน
จาก economichelp.org
Loss Aversion อยู่ในเรื่องของ Behavioral Economic หรือ เชื่อมโยงกับ Prospect Theory จริงๆมันแอบลึก แต่เราจะพยายามอธิบายในสำนวนของเรา ให้เพื่อนๆเข้าใจนะ (ไม่เข้าใจบอกได่นะแงงง ยินดีเขียนอธิบายใหม่ 555)
- ตัวอย่าง A, เพื่อนๆมีเงินอยู่ 100,000 บาท ลงทุนไป ขาดทุน 20% เหลือ 80,000 แน่นอนละ ถึงไม่หมดตัว แต่ก็ไม่มีใคร Happy
- ตัวอย่าง B, เพื่อนๆมีเงินอยู่ 100,000 บาท แต่ใจไม่ถึง ลงทุนไปแค่ 1,000 ได้มา 20% เป็น 200 บาท โอเคร มันได้น้อยมากๆน้ะ รวมกับต้นทุนที่ไม่เสียอะไรเลยเป็น 1,200 บาทเอง..... ถ้าเราพูดถึงในความรู้สึกเนี่ย เพื่อนๆต้อง Happy ได้มากกว่าเสียในตัวอย่าง A. แน่ๆ
เจ้าตัวนี้มันเน้นที่ความรู้สึกล้วนเลยๆ มันเหมือนกราฟข้างบนเค้าจะบอกแค่ FEEL Losses at reference point เหมือน กะว่าถ้าขาดทุนเกิน 100 บาทนะ โหวว โค่ดรู้สึกแย่เบย ไรงี้
เป็น 1 ในการตลาดและเศรษฐศาตร์เชิงจิตวิทยา ส่วนใหญ่เค้าจะเอาไว้ใช้ เหมือนคำนวน CLV ข้อที่ 9 นี้ละ เอาไว้ดูว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ความรู้สึกเสียเท่าไร ถึงจะไม่คุ้มกับการซื้อของลุกค้า ประมาณนี้
เป็นไงกันบ้างเพื่อนๆ รู้จักกันครบทุกคำและความหมายทั้ง 10 ตัวนี้เลยไม๊น้าา ?
หวังว่าเพื่อนๆคงได้รับอาหารความรู้กันไม่มากก็น้อยน้าาา (คิดว่าหลายๆคนอาจจะรู้อยู่แล้งแน่เลย 555)
ติดตาม 11-20 ในฉบับหน้าน้าาาา เด่วตามมาติดๆ ! ^_____^"
โฆษณา