12 พ.ค. 2020 เวลา 13:22 • ประวัติศาสตร์
*** สงครามการค้าจีน-อเมริกา ***
ตลอดปี 2018 ที่ผ่านมา จีน และ อเมริกา ได้ทำสงครามการค้ากันอย่างดุเดือด หลายฝ่ายเชื่อว่ามันล่วงเลยลามปามไปเป็นเหตุของการจับกุมผู้บริหารหัวเหว่ย และการแบนสินค้าแอปเปิลในจีน นับว่าศึกของสองมหาอำนาจนี้เข้มข้นน่ากลัวกว่าครั้งใดในอดีต มีผลกระทบต่อแทบทุกชีวิตบนโลก ...แต่มันเกิดขึ้นได้อย่าง? เป็นไปอย่างไร? บทความนี้จะอธิบายแบบง่ายๆ ให้ฟังนะครับ
สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อจากนี้ เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันคือ มวยคู่บิ๊กที่สุดของโลกก็ว่าได้
ปัจจุบันโลกเรานั้นปกครองด้วยสามมหาอำนาจได้แก่ อเมริกา รัสเซีย และจีน ข่าวความขัดแย้งต่างประเทศที่เราอ่านแต่ละวัน มักเกี่ยวข้องกับการชิงความเป็นใหญ่ของสามฝ่ายนี้ทางใดทางหนึ่ง
พวกเขาแบ่งเป็นสองเล็ก หนึ่งใหญ่ คืออเมริกามีอำนาจเศรษฐกิจ และทหารเหนือกว่าจีนกับรัสเซียมาก แต่ก็กำลังถูกตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ
27 ปีก่อนอเมริกานำค่ายทุนนิยมเอาชนะฝ่ายคอมมิวนิสต์ในสงครามเย็น กลายเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกแต่เพียงผู้เดียว จีน รัสเซียต่างเพลี่ยงพล้ำบาดเจ็บ
พวกคอมมิวนิสต์ค่อยๆ เรียนรู้ว่า ระบบเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์นั้นสู้ทุนนิยมไม่ได้ เติ้งเสี่ยวผิงผู้นำจีนในยุค 80s ประกาศว่า "แมวสีอะไรก็จับหนูได้เหมือนกัน" แปลว่าต่อให้ต้องใช้วิธีแบบทุนนิยมที่เราเคยชิงชัง แต่ถ้าเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศเจริญรุ่งเรือง เราก็จะใช้!
การปฏิรูปของเติ้งรวมเอาข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ที่สร้างความร่ำรวย กับระบบการปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียว ที่ทำให้รัฐบาลมีอำนาจเฉียบขาด
ชาวจีนนับถือนิสัยขยันอดทน และมีหัวการค้า เมื่อใช้เศรษฐกิจแบบทุนนิยมก็ย่อมก้าวหน้า การปกครองแบบเผด็จการยังลดการแก่งแย่งระหว่างประชากรจำนวนมหาศาล ช่วยคุมให้ประเทศมั่นคง คนทั้งหลายเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
การปฏิรูปดังกล่าวทำให้จีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนกลับมามีสถานะมหาอำนาจของโลก ใกล้ๆ ที่รัสเซียฟื้นตัวขึ้นมาเช่นกัน
ปัจจุบันจีนมี "สีจิ้นผิง" และรัสเซียมี "วลาดิมีร์ ปูติน" เป็นผู้นำเข้มแข็ง เนื่องจากทั้งสองเล็กกว่าอเมริกาจึงมักจับมือกัน อารมณ์คล้ายเล่าปี่ซุนกวนยังไงต้องจับมือต้านโจโฉ
...ที่พูดมาดูเป็นภาพอันสวยงาม แต่ลึกๆ แล้ว จีนใช้เคล็ดลับอะไรพัฒนาการค้า กับวิทยาการมาแข่งกับเจ้าแห่งแบรนด์ และเทคโนโลยีอย่างอเมริกาได้ในเวลาอันสั้นนะ?
เรื่องทั้งหมดอาจจะเริ่มมาจากภาพๆ นี้...
...ภาพนี้...
ภาพนี้...
และภาพนี้...
ในจีนนั้นเราสามารถปลอมได้ตั้งแต่ วอลนัท..
...ไข่...
...เชียงใหม่...
...ปารีส...
ที่ผ่านมาชาวจีนทำโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่างหนักหน่วงกว้างขวาง แต่ เห๊อะ ...ทรัพย์สินทางปัญญาแปลว่าอะไรนะ? อั๊วะไม่เข้าใจ อั๊วะฟังลื้อไม่ออก...
ไม่เพียงเท่านั้นความที่จีนมีแรงงานราคาถูก จึงมีหลายบริษัทอยากมาลงทุน แต่จีนก็จะบังคับให้บริษัทเหล่านั้นต้องร่วมทุนกับบริษัทจีน ผู้ลงทุนต่างประเทศหลายคนเชื่อว่าเทคโนโลยีของพวกเขาถูกขโมยไปผ่านกระบวนการนี้
การแข่งขันการค้ากับจีนยังขาดความโปร่งใส เพราะรัฐบาลมีอำนาจแทรกแซงทุกอณูของประเทศ ...อำนาจดังกล่าวสามารถเห็นได้จากเรื่องที่วันหนึ่งมีคนบอกว่าสีจิ้นผิงนี้ดูไปคล้ายหมีพูห์...
คนฮากันตรึม มีคนเอาภาพนายสีไปเปรียบเทียบกับหมีพูห์อย่างกว้างขวาง
หากเรื่องนี้เกิดที่อื่นคงเป็นโจ๊กล้อนายกธรรมดา ...แต่ที่จีนนี้ อยู่ๆ หมีพูห์ก็ถูกลบออกไปจากทุกสิ่งทุกอย่าง
การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา, การขโมยเทคโนโลยี, ตลอดจนอำนาจแทรกแซงของรัฐบาล ทำให้จีนถูกมองว่าร่ำรวยจากการทำการค้าแบบไม่แฟร์
แต่อั๊วะแคร์ซะที่ไหนล่ะ... แมวสีอะไรก็จับหนูได้เหมือนกัน... อั๊วะจะยึดครองโลก!
นี่ทำให้อเมริกาโกรธมาก!
อเมริกาพิจารณาว่าจีนนั้นมีศักยภาพมากกว่ารัสเซียมาก และเป็นคู่แข่งจริงจังเพียงหนึ่งเดียวในการช่วงชิงสถานะผู้นำโลก ที่ผ่านมาอเมริกาจึงพยายามจำกัดอำนาจของจีนทั้งทางการเมืองและการค้า โดยการสร้างพันธมิตรปิดล้อมจีน (ส่วนไทยเราใช้นโยบายนกสองหัวสลับๆ กันสวามิภักดิ์ทั้งจีนและอเมริกา ได้ประโยชน์จากการแข่งขันนี้มาเรื่อยๆ)
อย่างไรก็ตามหลายปีนี้อเมริกากักจีนไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ...คนอเมริการวยแล้ว แรงงานมีราคาแพง ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีนมาก
นับวันอเมริกายิ่งขาดดุลการค้าจีนหนักหน่วง ยิ่งกว่าขาดดุลชาติไหนๆ
ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของอเมริกาคือ โดนัลด์ ทรัมป์นั้นมีพื้นฐานเป็นนักธุรกิจผู้โชกโชน ตอนหาเสียงเขาชูจุดขายเหนือคู่แข่งคือฮิลลารีข้อใหญ่ๆ ข้อหนึ่งว่า "คิดหรือว่าคุณนายอย่างฮิลลารีจะไปสู้กับพวกผู้นำเขี้ยวลากดินจากประเทศคู่แข่งได้?"
ผู้ที่แก่กล้าพอจะสู้กับ ปู และ พูห์ ได้จะต้องเป็นคนอย่างทรัมป์เท่านั้น!
ตลอดช่วงเป็นประธานาธิบดี ทรัมป์ทำตัวคุ้มดีคุ้มร้าย มีบุคลิกบ้าระห่ำรุนแรง พร้อมระเบิดตัวตายเสมอ
แต่ก็เพราะอย่างนี้ เวลาทรัมป์บ้าขึ้นมาแล้วคนไม่ค่อยกล้าแลก ทำให้เขาสามารถสร้างข้อตกลงการค้าที่อเมริกาได้เปรียบมากมาย เช่นที่ทำกับแคนาดา และเม็กซิโก
ในศึกจีนนั้น ทรัมป์โจมตีที่จีนขาดความสง่างามมานาน เช่นจนปัจจุบันนี้ จีนก็ยังเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก หรือ WTO ในฐานะ "ประเทศกำลังพัฒนา"
การมีสถานะประเทศกำลังพัฒนา ทำให้จีนอยู่ใต้กฎเกณฑ์ที่ได้เปรียบ และได้รับการช่วยเหลืออย่างมาก
ฝ่ายอเมริกาบอก กำลังพัฒนาบ้านแกสิ! ดูขนาดตึกรามบ้านช่อง แกพัฒนาจะยึดครองโลกอยู่แล้ว!
จีนบอกว่านี่ฉันเป็นประเทศกำลังพัฒนาจริงๆ นะ ดูสิคนของฉันยากจน ไม่มีเสื้อใส่ปิดพุง
อเมริกาบอกอย่ามาตอแหล ที่ผ่านมาแกใช้ทุกวิถีทาง รวมทั้งอุบายสาวงามในการล้วงความลับเพื่อนบ้าน อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ! (มีความเชื่อว่าจีนฝึกสายลับหญิงงามไว้ล้วงความลับจริง แต่ประเด็นคือรูปนี้ผมลงไว้ล้างตาจากคอมโบรูปพุงที่ผ่านมานะครับ)
product-tagแท็กสินค้าpencilแก้ไข
โดนโจมตีด้านความสง่างามรัวๆ แต่จีนก็ไม่หวั่นไหว เราละทิ้งความแคร์ไปตั้งแต่ยุคปฏิวัติวัฒนธรรมแล้ว ดูได้จากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเรา
ทรัมป์ยังบีบคั้นจีนต่อไป โดยประกาศห้ามขายสินค้าอเมริกาทุกชนิดให้ ZTE แบรนด์มือถือค่ายดังของจีน นั่นรวมถึงระบบปฏิบัติการ Android ที่เป็นหัวใจสำคัญด้วย
เหตุผลที่ยกมาอ้างคือ ZTE ไปขายของให้อิหร่าน ซึ่งถูกอเมริกาแบนเพราะรบกับซาอุฯ บริวารของอเมริกา ยิ่งตอนนี้ซาอุฯ สู้ไม่ค่อยได้ยิ่งต้องช่วย
แต่เชื่อว่าเหตุผลที่แท้จริงคือทรัมป์คิดว่าบริษัทจีนนั้นมักมีรัฐบาลคุม และอาจถูกสั่งให้ฝังโปรแกรมบางอย่างในมือถือ มาขโมยข้อมูลของผู้ใช้ในอเมริกาได้
เรื่องนี้ทำให้จีนตื่นตัวว่าตนยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากอเมริกามากเกินไป จึงมุ่งพัฒนาเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ซึ่งเก็งว่าจะมีอิทธิพลในอนาคต
ที่ผ่านมาจีนก็ทำได้ดีมาก เช่นผู้สื่อข่าวคนนี้มิใช่มนุษย์ แต่เป็น AI นะครับ
ทรัมป์พยายามยิงจีนต่อ วิธีหลักที่เขาใช้คือการ "ตั้งกำแพงภาษี" หรือเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนแพงๆ
สิ่งนี้ทางหนึ่งเพื่อบีบให้จีนจัดการกวดขันเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา อีกทางหนึ่งเพื่อลดการขาดดุล สร้างโอกาสให้อุตสาหกรรมของอเมริกาฟื้นกำลัง (เพราะลดภาระที่ต้องแข่งขันกับสินค้าสุดถูกจากจีน) เป็นการเอาใจชนชั้นแรงงานอเมริกาที่เป็นฐานเสียงของทรัมป์ด้วย
แม้จีนสามารถขึ้นภาษีตอบโต้ได้เหมือนกัน แต่ทรัมป์เชื่อว่าตนเองมีพลังมากกว่า เพราะในปี 2017 อเมริกานำเข้าจากจีนราว 5 แสนล้านเหรียญ ส่งออกจีนเพียง แสนล้านเหรียญกว่าๆ มีช่องว่างให้ขึ้นภาษีถึง 3 แสน 7 หมื่นล้านเหรียญ หรือราว 12 ล้านล้านบาทนะครับ
ทรัมป์ขึ้นภาษีตั้งแต่เหล็ก อะลูมิเนียม ไปจนถึงสินค้าอุปโภค บริโภค เช่นจอทีวี แบตเตอรี่ เครื่องมือแพทย์
กำแพงภาษีนี้ไม่ใช่ไม่มีผลร้ายต่ออเมริกา เพราะอุตสาหกรรมอเมริกายังพึ่งพาการผลิตจากจีนมาก เช่น Apple Watch ที่ผลิตจากจีนนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อเมริกาไม่กล้าขึ้นภาษี
เรื่องนี้ทำให้ระยะสั้นชาวอเมริกันต้องลำบากซื้อของแพงขึ้นหลายอย่าง (เพราะคนนำเข้าต้องขึ้นราคาตามภาษี) ระยะยาวอุตสาหกรรมต้องลำบากย้ายฐานไปประเทศอื่น
จีนนำเข้าจากอเมริกาน้อย มีพลังกดดันน้อยกว่า แต่อย่าลืมว่าจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของอเมริกามีหนี้อยู่ถึง 1.138 ล้านล้านเหรียญ
จีนตอบโต้โดยเลือกขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอเมริกาเช่นถั่วเหลือง จำเพาะสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อเมริกาซึ่งเป็นฐานเสียงของทรัมป์เช่นกัน
แม้โดยรวมอเมริกามีพลังมากกว่าจีนก็จริง แต่ผู้นำจีนไม่ต้องมากังวลเรื่องเลือกตั้งเหมือนผู้นำอเมริกา ทรัมป์ยิ่งทำให้คนรำคาญมากจะยิ่งสูญเสียฐานเสียง ส่วนสีนั้นชิลล์ๆ ยังไงก็ได้ พูห์เป็นเผด็จการ
ทรัมป์มีการเจรจากับสีเรื่อยๆ ปัจจุบันตกลงว่าเราสงบศึกกันชั่วคราวเถอะ จะเลื่อนการตั้งกำแพงภาษีสู้กันไป 90 วัน (หมดเขตราวๆ กลางมีนา 2019)
แต่ระหว่างนั้นกลับมีข่าวที่เหมือนไม่เกี่ยว แต่ก็เกี่ยวกันขึ้น คืออยู่ๆ มีการจับกุมนาง เมิ่งว่านโจ ผู้บริหารหัวเหว่ยระหว่างเปลี่ยนเครื่องบินที่แคนาดา!
การนี้เหมือนเตรียมการมาอย่างดี เชื่อว่าต้องอเมริกาต้องวางแผนมาก่อน แล้วกดดันแคนาดาให้ร่วมมือ
หัวเหว่ยเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน อเมริกากดดันแคนาดาจับเมิ่ง เพราะเหตุผลว่าแอบค้าขายกับอิหร่าน (อีกแล้ว)
แต่วิเคราะห์กันว่าเหตุผลที่แท้จริงก็คืออเมริกาต้องการใช้สิ่งนี้มาเป็นเครื่องมือในข้อตกลงทางการค้าที่ทำกับจีนนั่นแหละ! (ทรัมป์บอกว่าเขาช่วยเมิ่งได้นะถ้าจีนตอบรับข้อตกลงทางการค้าที่เขาเสนอ)
จีนก็มิใช่ชนชั้นธรรมดาสามัญ เมื่อแกเล่นนอกเกมส์ฉันก็เล่นได้เหมือนกัน! มีข่าวจีนจับคนสำคัญของแคนาดาไปสองคน เชื่อว่าตอบโต้เรื่องเมิ่ง
รวมทั้งชาวจีนผู้รักชาติต่างแบนสินค้าแอปเปิล สร้างความเสียหายมากมาย
ศึกสองมหาอำนาจนี้ยังคงดำเนินต่อไป สร้างผลกระทบทั้งดีร้ายแก่ชาวโลกวงกว้าง เราในฐานะคนนอก คงต้องติดตามต่อไป เพื่อปรับตัวให้ถูกกับการเคลื่อนไหวของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองนี้
::: ::: :::
สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตามเพจ The Wild Chronicles - เชษฐา https://www.facebook.com/pongsorn.bhumiwat ได้เลยจ้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา