13 พ.ค. 2020 เวลา 21:35 • ธุรกิจ
โรงเรียนเผยอิง 培英学校 — โรงเรียนอายุ 99 ปีที่ผลิต “เจ้าสัว” มากที่สุดในประเทศไทย
ผมเองเป็นเด็กเยาวราชโดยกำเนิด และภูมิใจเสมอที่ได้เรียนและจบจากโรงเรียนแห่งนี้ เผยอิงเป็นโรงเรียนสอน 4 ภาษา คือ ไทย จีนกลาง จีนแต้จิ๋ว และ อังกฤษ ผมยังได้ทักษะการคัดลายมือระดับแชมป์ เขียนพู่กันจีน (ใช้พู่กันไม้ไผ่กับหมึกแท่งฝนบนแท่นหิน เหมือนในหนังจีนโบราณ) เขียนปากกาคอแร้ง (Dip Pen Calligraphy) ติดตัวมาด้วย
ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสกลับไปเยี่ยมย่านนั้น ซึ่งอยู่แถวๆท่าน้ำราชวงศ์ช่วงถนนทรงวาด ความรู้สึกหวนรำลึกถึงวันเก่าๆ หรือ Feelings of Nostalgia ก็จะทำให้ผมต้องยืนอมยิ้มคนเดียวทุกครั้ง แบบเดียวกับความรู้สึกตอนได้ดูหนังเรื่อง “แฟนฉัน” ยังไงอย่างงั้น เสียงเพลงแกรนด์เอ็กซ์ เพลงคู่รวมดาว 18 กะรัตที่พ่อเปิดจากเทป Cassetteให้ฟังก็กลับก้องขึ้นในหูทำให้หัวใจพองฟู ย้อนนึกถึงกิจกรรมยอดนิยมของเด็กสมัยนั้น ซึ่งคงไม่พ้น การพนันเขี่ยติ๊กเกอร์ ทอยตุ๊กกะตุ่น (จะให้แม่นต้องถ่วงน้ำหนักด้วยการพันลวดที่แขน) กระโดดยาง (ผมโดดได้ถึง “อีสูงสุด” แบบยื่นสุดแขน) ชมรมเลี้ยงด้วง เลี้ยงปูเสฉวน ขุดหาหนอนตามร่องพื้นกระเบื้อง ฯลฯ ใครยิ้มตามยกมือขึ้น LoL #โพสดักแก่
และเนื่องจากโรงเรียนนี้ตั้งอยู่กลางย่านเยาวราช ทำให้เหล่า “ตึ่งหนั่งเกี้ย” (唐人仔) หรือ ลูกคนจีน ส่วนมากเลือกที่จะมาเรียนที่ เผยอิง แบบ Top of mind ไม่ต้องเตี๊ยมกัน เป็นผลให้ เหล่า “เจ้าสัว” ดังๆ ล้วนเป็นผลิตผล เป็นศิษย์เก่าจาก เผยอิง ทั้งนั้น ยกตัวอย่างคนที่ทุกคนน่าจะรู้จัก ก็อย่างเช่น ดร.เทียม โชควัฒนา (ผู้ก่อตั้งเครือสหพัฒน์), คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี (ประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือไทยเบฟเวอเรจ), อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่), รวมไปถึง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกรัฐมนตรี) และอีกหลากหลาย “เจ้าสัว” ระดับต้นๆ ของประเทศ ผมเองก็หวังว่าสักวันจะมี เพื่อนๆรุ่นผม จะได้ขึ้น Hall of Fame เป็น “เจ้าสัว” รุ่นต่อไปแบบรุ่นพี่ๆ บ้าง
ในสมัยนั้นผมถือว่าเป็นกลุ่มเด็กเนิร์ด ได้เป็นหัวหน้าชั้น, สอบได้ที่ 1 อยู่หลายปี, ได้ทุนเรียนฟรีอยู่หลายเทอม, และจบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.9 ได้โควต้านักเรียนดีเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยแบบไม่ต้องสอบคัดเลือก (อันนี้ขอเก็บไว้เล่าตอนหน้า) ว่ากันไปแล้ว ชีวิตหลักสี่ของผมก็ผ่านมาหลายสถาบันการศึกษา แต่กลุ่มเพื่อนที่รักที่สนิทสนมกันมากที่สุด กลับกลายเป็นเพื่อนกลุ่มประถมอย่างน่าแปลกใจ ถึงแม้ว่าเพื่อนกลุ่มนี้น่าจะมีความแตกต่างกันในสายอาชีพได้มากที่สุด เพราะมีตัวแปรการเลือกอาชีพแบบ Hybrid ผสมผสานระหว่าง “ตึ่งหนั่งเกี้ย” กับ ความเป็นคนปลาย Gen X, ต้น Gen Y เพื่อนผมเลยมีทั้ง เจ้าของธุรกิจส่วนตัว นักลงทุนเล่นหุ้น อธิการบดีมหาวิทยาลัย ด็อกเตอร์สอนหนังสือ ไปถึงเป็นลูกจ้างมืออาชีพแบบผม แต่พวกเราเองกลับคบหาติดต่อกันมาอย่างเหนียวแน่นตั้งแต่อนุบาลจนถึงทุกวันนี้ จนน่าจะสืบทอดให้รุ่นลูกคบกันต่อไป ผมว่ามันเป็นมิตรภาพที่พิเศษสุด ไม่ซับซ้อน ไม่มีคำถาม ไม่มีเงื่อนไข เพราะยิ่งเราแก่ขึ้น โตขึ้นชีวิตเราก็ยิ่งซับซ้อนขึ้น การคบคนก็เริ่มเงื่อนไขมากขึ้นตามอายุ ทุกคนคิดเหมือนกันไหมครับ
ผมถามตัวเองว่า คอนเน็คชั่นสมัยประถมดียังไง สิ่งที่ได้เรียนในสมัยประถมให้อะไรกับเรา สมัยนั้นเราไม่รู้เลย ว่า 6 ปี ในความทรงจำสีจางๆ จะเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนเรา ตามมาอยู่ใน “ดีเอ็นเอ” ของเราในวันนี้ ในวันที่เราอาจจะได้ทำงานกับบริษัทจีน อีกสามสิบปีถัดมา ในวันที่เราจำเป็นต้องบอกเส้นทางด้วยภาษาแต้จิ๋วกับคนขับแท็กซี่ที่สิงคโปร์ หรืออาจเป็นวันที่เราต้องใช้ทักษะการคัดลายมือเขียนกระดานในงานประเพณีที่ไหนสักแห่ง เราไม่รู้เลยว่า Skill Sets สมัยเด็กๆ เหล่านั้น วันหนึ่งจะกลับมาใช้ประโยชน์ได้ในวันนี้
Steve Jobs ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษาของนักศึกษามหาวิทยาลัย Stanford เมื่อปี 2005 ไว้ว่า “คุณไม่สามารถเชื่อมต่อจุดด้วยการมองไปข้างหน้า คุณสามารถเชื่อมต่อมันก็ต่อเมื่อมองย้อนกลับไปเท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณต้องเชื่อมั่นว่าจุดนั้นจะเชื่อมต่อคุณในอนาคต”
การ “Connecting the dots” ที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตของเขาแบบไม่รู้ตัว เช่น การที่เขาตัดสินใจเรียนการประดิษฐ์ตัวอักษรในสมัยมหาวิทยาลัย กลับได้มาใช้ประโยชน์ในอีก 10 ปีให้หลัง ตอนเขาออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh ให้เป็นคอมพิวเตอร์ที่มี Fonts ตัวอักษรที่สวยงามและมีความหลากหลายที่สุด ให้เราได้ใช้กันจนทุกวันนี้
หรือแม้แต่ความล้มเหลวที่สุดในชีวิตของเขาครั้งหนึ่ง นั่นคือ การถูกไล่ออกจากบริษัท Apple ของตัวเอง กลับทำให้เขามีเวลาทบทวนและทำสิ่งที่อยากทำมานาน อย่างการก่อตั้งบริษัท Pixar สตูดิโอผลิตหนังแอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกในอีก 5 ปีต่อมาและประสบผลสำเร็จอย่างสูงจนถึงปัจจุบัน
ผมบอกตัวเองเสมอว่า “Everything Happens For A Reason” ทั้งเรื่องดีและไม่ดีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ทุกเรื่องคือการลากต่อเชื่อมจุด ไปยังก้าวถัดไปของชีวิต ทุกวิกฤต ทำให้เราเก่ง และเข้มแข็งขึ้น COVID-19 ก็ไม่ได้ต่างกัน อยากให้ทุกคนเห็นคุณค่าของจุดทุกจุดที่เชื่อมให้เป็นเราในวันนี้ ตั้งใจวางจุดต่อไปของตนเองให้ดี และเลือกวางเส้นทางการเชื่อมจุดที่ดีให้กับคนที่เรารัก ทีมงาน หรือ ลูกหลาน เพราะทุกจุดเล็กๆ อาจมีคุณค่าและความสำคัญกับชีวิตเขา มากกว่าที่เราคิด
Rule of Thumb ที่นึกถึงขณะเขียน Blog นี้คือ
Nostalgia Marketing
Steve Jobs — Connecting the dots

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา