18 พ.ค. 2020 เวลา 16:04 • ประวัติศาสตร์
*** ขบวนผู้อพยพอเมริกากลาง ***
ไม่นานนี้มีพาดหัวข่าว "ขบวนผู้อพยพขู่สหรัฐให้ยอมรับพวกตนเข้าประเทศ หรือต้อง 'จ้าง' ให้กลับบ้านด้วยค่าจ้าง 1.6 ล้านบาทต่อคน!" ...ท่านอาจเคยผ่านตาเรื่องมีกองคาราวานนับพันนับหมื่นเดินทางไปอเมริกาเพื่อขอเข้าประเทศ ...เรื่องราวนั้นเกิดขึ้นอย่างไร? เหตุใดจึงพัฒนาไปถึงขั้นคำข่มขู่ในพาดหัวข้างต้นได้? บทความนี้จะสรุปให้ฟังง่ายๆ นะครับ...
ผมติดตามข่าวต่างประเทศอยู่หลายข่าว ข่าวเรื่องขบวนผู้อพยพอเมริกากลางนี้เป็นข่าวนึงที่ผมยิ่งตามก็ยิ่งเอามือก่ายหน้าผาก
เราจะเรียกภาพนี้ว่าอย่างไรดี "ความศรัทธานับพันนับหมื่น?" "ความน่าเวทนานับพันนับหมื่น?" "ความบิดเบี้ยวนับพันนับหมื่น?"
...แต่เรื่องทั้งหมดอาจจะเริ่มมาจากภาพๆ นี้
ปูพื้นว่ากลุ่มประเทศอเมริกากลางเช่นฮอนดูรัส นิคารากัวนั้น มี GDP ต่อหัวน้อยกว่าไทยประมาณสามเท่า ชาวบ้านมากมายตกอยู่ในภาวะลำบากยากจน
พวกเขามีปัญหารัฐบาลคอรัปชัน นอกจากนั้นการช่วงชิงกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติก็ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาสังคมตามมา
1
แต่ประเทศเขาตั้งอยู่ใกล้มหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งมี GDP ต่อหัวมากกว่าไทยราวสิบเท่า
นักเลงอันธพาลในประเทศเหล่านี้ (รวมทั้งเม็กซิโก และอเมริกาใต้) ประกอบอาชีพหลักคือขนยาไปขายอเมริกา ได้รายได้มหาศาล
พวกราชายาเสพย์ติดมีอิทธิพลแข่งกับรัฐบาลได้ พวกเขาเอาเงินซื้อทั้งรัฐบาลและประชาชน จนได้รับการยอมรับ สามารถใช้ชีวิตหรูหราบ้าบอ
ที่เม็กซิโกมีเคสลูกสาวเจ้าพ่อเคยใส่ชุดแก๊งโชว์ ยังไปเป็นนักร้องได้ เกิดสื่อบันเทิงเช่นหนังเพลงที่มีเนื้อหาสรรเสริญแก๊งค้ายาได้รับความนิยมไปทั่ว
เด็กยากจนเติบโตมาในสภาพเช่นนี้ ที่กล้าหน่อยก็พากันเป็นนักเลง จนเหล่าแก๊งใหญ่โตยึดครองประเทศ วันๆ ถ้าไม่ข่มเหงชาวบ้าน ก็เข่นฆ่ากันเองแย่งผลประโยชน์
ฮอนดูรัสมีอาชญากรรมรุนแรง ชาวบ้านถูกแก๊งรังแก รัฐบาลช่วยไม่ได้ ต้องลำบากยากจน สิ่งแวดล้อมมีแต่มลพิษ หลายคนเหมือนตกอยู่ในนรก...
นั่นทำให้หลายคนพยายามหลบหนีเข้าอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย...
พวกเขาเข้ามาเป็นแรงงานราคาถูก หวังว่าไม่ให้ถูกจับได้ วันหนึ่งคลอดลูกหลานในอเมริกา ลูกนั้นก็อาจจะได้รับการยอมรับเป็นพลเมือง มีอนาคตที่ดี
ก่อนหน้านี้พวกเขาหลบเข้าอเมริกาหลายวิธี ถูกจับได้บ้างไม่ได้บ้าง เดือนตุลาคมที่ผ่านมาฮอนดูรัสเกิดข่าวลือว่าถ้าอพยพไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆ จะสามารถเข้าอเมริกาได้...
มีคนฮอนดูรัสรวมตัวกันเดินทางร้อยกว่าคน มีกลุ่มการเมืองปล่อยข่าวเท็จเกลี้ยกล่อมคนมามากมาย มีคนเข้าร่วมเพิ่มจำนวนเป็นหลายพันอย่างรวดเร็ว
รู้ตัวอีกทีพวกเขาก็กลายเป็นคาราวานใหญ่ มีคนจากหลายประเทศมาเข้าร่วม...
พวกเขาเรียกตัวเองว่า "เวีย ครูซิส เดล ไมแกรนเต" หรือ "ผู้อพยพที่เดินตามทางแห่งกางเขน"
คำว่า "ทางแห่งกางเขน" นี้ ภาษาไทยเรียกว่า "มรรคาศักดิ์สิทธิ์" หมายถึงช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตพระเยซู ที่เดินทางไปสู่การตรึงกางเขนเพื่อไถ่บาปแก่ชาวโลก
คนอเมริกากลางเคร่งศาสนามาก พวกเขาเชื่อว่าการตรากตรำเดินทางนี้ เป็นการเสียสละเพื่อตามรอยพระเยซู เพื่อไถ่บาปให้แก่... อืม... ให้แก่ใครก็ไม่รู้สินะ
ในการไปอเมริกานั้นต้องผ่านกัวเตมาลา และเม็กซิโก รัฐบาลชาติรายทางก็พยายามหยุดยั้ง เช่นเม็กซิโกส่งตำรวจมาตรึงชายแดนกัวเตมาลา
...แต่เรากลัวเสียที่ไหนล่ะเฮ้ย! เราจะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคอันชั่วร้ายที่มาทดสอบ!
ย๊าก! พลังแห่งกองทัพธรรม เราจะสู้กับกระบองและแก๊ซน้ำตา เพื่อพระเยซู!
รุกเดือดข้ามแม่น้ำซูชิเอเตเพื่อเข้าสู่เม็กซิโก!
ข้ามสะพานไม่ไหวก็ถ่อแพล่องมา!
1
วิธีคิดประมาณผู้ก่อการร้าย ISIS ...คือใครไม่เห็นด้วยกับเรามันคือคนชั่วที่ไม่ได้นับถืออิสลาม
...พวกตำรวจนี่ก็เหมือนกัน ดูสิมันรังแกเด็ก เป็นมารศาสนา เลยต้องสู้กันบาดเจ็บมากมาย
ในที่สุดน้ำน้อยก็แพ้ไฟ รัฐบาลเม็กซิโกต้องยอมเจรจาผ่อนปรน ยอมให้มันเดินทางกันเข้ามาดีๆ อย่าให้ชาวบ้านเดือดร้อน
ชัยชนะที่กัวเตมาลาและเม็กซิโกนั้นเลื่องลือไปทั่ว ทำให้ชาวอเมริกากลางนานาประเทศพากันอพยพเพิ่มเติมกันเข้ามาไม่ขาดสายเป็นหลายกลุ่ม
แต่ประธานาธิบดีอเมริกาก็มิใช่ชนชั้นธรรมดา ทรัมป์โกรธเกรี้ยวกับข่าวนี้มาก ออกโรงขู่ว่าหากเม็กซิโก กัวเตมาลายอมให้พวกนี้ผ่านมาถึงอเมริกาง่ายๆ จะตัดเงินช่วยเหลือ
ปธน. เม็กซิโกตอนนั้น ชื่อเอนริเก เปญญา นิเอโต ฟังแล้วก็กลัวเหมือนกัน...
นิเอโตออกโปรแกรม "Estás en tu casa" หรือ "You are at home" ผ่อนปรนให้ผู้อพยพที่ผ่านเกณฑ์สามารถอยู่ในเม็กซิโก รัฐบาลจะช่วยเหลือเรื่องบ้านเรือน, ให้มีสิทธิ์ทำงาน, ให้สวัสดิการรักษาพยาบาล, และให้สวัสดิการการศึกษาแก่บุตรหลาน ทั้งหมดนี้ขอเพียงอย่าคิดไปอเมริกา ...ตูไม่อยากมีปัญหากับทรัมป์
ที่ผ่านมาเหล่าผู้อพยพก็ไม่ใช่ไม่ลำบาก พวกเขาต้องอดมื้อกินมื้อ นอนกลางดินกินกลางทราย ถูกแก๊งค้ายาข่มเหงรังแก มีรายงานว่าถูกนักเลงลักพาไปค้ามนุษย์ก็ไม่น้อย...
แต่ลำบากมาถึงจุดนี้แล้วจักยอมแพ้ได้เล่า?! อเมริกานั้นเปรี้ยวใจกว่าเม็กซิโกเยอะ! เราต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ไปอเมริกาเท่านั้น!
คาราวานบางส่วนแยกตัวไปปีนรั้วข้ามเข้าอเมริกา
ฟ้าสูงแผ่นดินกว้าง พรมแดนเม็กซิโก-อเมริกานั้นช่างยาวไกล ยากป้องกันหมด ในที่สุดก็มีคนหลุดๆ เข้าสหรัฐได้บ้าง
อย่างสาวคนนี้ชื่อเซอราโน เฮอร์นันเดสตั้งครรภ์ระหว่างเดินทางอพยพ แล้วมาคลอดหลังจากแอบข้ามพรมแดนมาแล้วพอดี เธอดีใจมากที่เด็กคนนี้เกิดที่ "อเมริกา"
"ด้วยศรัทธาต่อพระเจ้า ...ฉันบอกอยู่เสมอว่าลูกของฉันต้องได้คลอดที่อเมริกา ...แล้วมันก็เป็นจริง โอ ปาฏิหาริย์"
แต่คนอีกมากมายก็ยังติดอยู่ฟากขะโน้น ข้ามไม่ได้มาหลายเดือนแล้ว ลำบากมากเลย ...ขอความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม...
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 ธ.ค. 2018) ผู้นำคนหนึ่งชื่อนาย อัลฟอนโซ เกร์เรโร อูลยัว ได้นำผู้อพยพส่วนหนึ่งมาเรียกร้องว่า "ขอเรียกร้องให้สหรัฐยอมให้พวกเราเข้าประเทศ มิฉะนั้นจะต้อง 'จ้าง' ให้พวกเรากลับบ้านด้วยค่าจ้างคนละ 1 ล้าน 6 แสนบาทต่อคน!"
"สำหรับคนรวยขี้งกอย่างพวกแกอาจจะคิดว่านี่เป็นเงินเยอะ แต่มันเทียบไม่ได้เลยก็ค่าใช้จ่ายที่เราต้องใช้สำหรับการตั้งต้นชีวิตใหม่ในประเทศกากๆ อย่างฮอนดูรัส และยิ่งเทียบไม่ได้กับการที่ประเทศแกเคยกดขี่ข่มเหงรังแกปล้นชิงฮอนดูรัสมามากมายในอดีตกาล"
ทรัมป์ก็โกรธไปสิ! เอาทหารมาตรึงชายแดนมากมายแต่ก็ยังกันได้ไม่หมด...
จากบทความเก่าของผม ในฝรั่งเศสเมื่อเกือบพันปีก่อนเคยมีบาทหลวงชื่อปีเตอร์ เดอะ เฮอร์มิต ออกป่าวประกาศแก่ประชาชนว่า หากพวกเขาเดินทางไปทางสงครามครูเสดที่เยรูซาเล็มแล้วจะได้รับการไถ่บาปจากพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน
ปีเตอร์ชูธงกางเขนคุณธรรมรวมคนได้กว่าสี่หมื่น แต่เนื่องจากวางแผนไม่ดีทำให้ขาดแคลนเสบียงตั้งแต่กลางทาง
พวกเขาแก้ปัญหาโดยการปล้นชิงหมู่บ้านชาวคริสต์ไปตลอดทาง อ้างว่ากำลังหาปัจจัยทำเพื่อพระเจ้าอยู่ นี่เสียสละมาลำบากนะเนี่ย
พวกเขาทำจนเศรษฐกิจของชาติคริสต์ในยุโรปตะวันออกพังทลาย แล้วพอได้เจอมุสลิมประเทศแรกก็ถูกตีแตกอย่างง่ายดาย เพราะผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมตัวมาสู้ตามแบบ แต่เตรียมตัวมารับปาฏิหาริย์จากพระเจ้า
กองคาราวานแห่งอเมริกากลางนี้ก็เช่นกัน ตอนที่พวกเขาปีนรั้วชายแดนนั้น พวกเขาคิดว่ากำลังทำดี กำลังเสียสละเพื่ออนาคตของลูกหลานอยู่
การปิดตามองเหตุผลดีชั่ว แล้วหาข้ออ้างหลอกตัวเองว่ากำลังทำในสิ่งที่ชอบธรรมนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะผู้ที่คิดว่าตนเองกำลังทำสิ่งที่ชอบธรรม สามารถสร้างความผิดพลาดขึ้นมากมายโดยขาดสติ
1
...หากผลตอบรับเป็นทางบวก ก็จะหลงปลื้มปิติโดยไม่สนบาปที่ตนเองก่อขึ้น
...หากผลตอบรับเป็นทางลบ ก็จะโทษฟ้าดิน ก่อกรรมทำเข็ญได้มากขึ้นอีก
...พวกเขาอาจลืมตระหนักว่าสุดท้ายความชั่วร้ายที่พวกเขาก่อขึ้นก็จะตกกับสิ่งที่พวกเขาอยากปกป้องมากที่สุดนั่นเอง...
::: ::: :::
สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตามเพจ The Wild Chronicles - เชษฐา https://www.facebook.com/pongsorn.bhumiwat ได้เลยจ้า
sources:
bbcดอทcom
cbsnewsดอทcom
washingtonpostดอทcom

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา