22 พ.ค. 2020 เวลา 07:18 • ประวัติศาสตร์
เมื่อเครื่องบินสหรัฐที่บรรทุกอาวุธนิวเคลียร์เต็มลำ ตกลงยังกรีนแลนด์และเกือบทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
ในปีค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) สหรัฐอเมริกาได้ส่งฝูงเครื่องบินรบ มาลาดตระเวนน่านฟ้าในแถบกรีนแลนด์ เพื่อป้องกันการโจมตีจากสหภาพโซเวียต
แต่เรื่องร้ายแรงนี้เกิดขึ้นในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) เมื่ออากาศในเครื่องบินลำหนึ่งนั้นเย็นเกินไป นักบินจึงทำการเปิดเครื่องทำความร้อน และอยู่ๆ ก็เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นบนเครื่อง
นักบินและลูกเรือรีบใส่หน้ากากอ๊อกซิเจน ก่อนที่ผู้บัญชาการซึ่งอยู่บนเครื่อง จะรีบติดต่อฐานเพื่อขอลงจอดฉุกเฉิน แต่เครื่องบินก็ได้พุ่งลงยังพื้นน้ำแข็งทางตะวันตกของกรีนแลนด์ ก่อนที่ลูกเรือบนเครื่องจะได้รับการช่วยเหลือท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ อุณหภูมิอยู่ระหว่าง -27 ถึง -31 องศาเซลเซียส
แต่ถึงจะช่วยลูกเรือได้ แต่ปัญหาต่อมาก็คือ บนเครื่องบินที่กระแทกพื้นและจมหายไปใต้พื้นน้ำแข็งนั้น ได้บรรทุกระเบิดปรมาณูถึงสี่ลูก และมีความรุนแรงกว่าระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่าถึง 239 เท่า
เรียกได้ว่าทำให้ครึ่งโลกหายไปได้เลยทีเดียว
อุณหภูมิในคืนนั้นยิ่งลดต่ำลง ทำให้การดำน้ำเพื่อกู้ระเบิดทำได้ยาก อีกทั้งฟ้าก็มืดสนิท และก็มีความกังวลว่ากัมมันตภาพรังสีในระเบิดอาจจะแพร่กระจายออก
แต่สุดท้ายในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) ก็ได้มีการกู้ระเบิดทั้งสี่ลูกขึ้นมาได้
นับเป็นโชคดีอย่างมากที่ระเบิดปรมาณูทั้งสี่ลูกไม่เกิดระเบิด เนื่องจากบนเครื่องก็ได้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งเสี่ยงมากที่จะระเบิด และโชคดีที่เครื่องตกลงบนพื้นน้ำแข็ง ไม่ใช่พื้นดิน ซึ่งช่วยลดแรงกระแทกลงไปอีก
หากระเบิดทั้งสี่ลูกนั้นระเบิดขึ้นมาจริงๆ บางทีประวัติศาสตร์มนุษยชาติอาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
โฆษณา