Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Learning Visual Diary
•
ติดตาม
23 พ.ค. 2020 เวลา 12:28 • ธุรกิจ
LVD#62 คมความคิดจากความสำเร็จ 50ปี แต่ก็ดีใจได้วันเดียว (Review ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว (1/2))
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะมาชวนคุยถึงหนังสือที่ผมพึ่งอ่านจบไปมาดๆ นั่นก็คือ หนังสือเล่มดังของเจ้าสัวใหญ่แก่งอาณาจักร ซี พี คุณธนินท์ เจียรวนนท์ "ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว" โดยหนังสือเล่มนี้ได้ถ่ายทอดประสบการณ์และข้อคิดของท่านตลอดการทำงานมากกว่า 50 ปี เพื่อสร้างอาณาจักร CP อย่างที่เรารู้จักกัน ซึ่งถือว่าไม่ง่ายเลยที่เราจะได้รับข้อคิดจากบุคคลระดับนี้ และนี่คือองค์ความคิดของเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่ถูกกลั่นมากกว่า 80 ปี ลองตามมาดูครับ
1
คือมันอย่างนี้ครับ...
สำหรับการแชร์ข้อคิดจากหนังสือเล่มนี้ ผมคิดว่ามีประเด็นที่น่าสนใจเป็นจำนวนมากครับ แต่เพื่อความกระชับผมจะขอสรุปออกมาเป็น 13 ข้อคิด โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ปรัชญาธุรกิจ ปรัชญาครอบครัวและบริหารคน และ ปรัชญาชีวิตส่วนตัว ในหนังสือไม่ได้แบ่งตามนี้ อันนี้ผมแบ่งของผมเอง ลองพิจารณาดูครับ
ปรัชญาธุรกิจ
1. ต้องครบวงจร
ครบวงจร ถือเป็นหนึ่ง signature ของการทำธุรกิจของ CP เลยก็ว่าได้ โดยหลักคิดนี้มีต้นกำเนิดจากความคิดที่ว่า ในประเทศกำลังพัฒนา (ไทยก็ใช่นะครับ) เกษตรกรมักจะไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี ไม่มีเงินทุน ไม่มีตลาด ทำให้ไม่มีอำนาจต่อรอง ธุรกิจของพวกเขาเลยต้องพึ่งดินฟ้าอากาศ และรับความเสี่ยงจากความผันผวนทั้งหมด แนวคิดธุรกิจครบวงจรจึงเกิดขึ้น เพราะถ้าเกษตรกรโตไม่ได้ก็ไม่ทำงาน ถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีผลผลิตและสินค้า และก็ไม่มีการขายและธุรกิจในที่สุด ถ้าพิจารณาให้ดี CP เป็นธุรกิจแรกๆในไทยที่ให้ความสำคัญกับการสร้าง Ecosystem มากๆตั้งแต่หลายสิบปีที่แล้ว ผ่าน Platform ที่เรียกว่า Contract Farming ที่สร้าง Win Win Win solution
- เกษตรกรได้รับเทคโนโลยีและไม่ต้องรับความผันผวนด้านราคาจากการประกันราคา
- CP ได้สินค้าที่มีมาตรฐานและขยายตัวอย่างรวดเร็ว
- ผู้บริโภคก็จะได้สินค้าราคาถูกลงจาก Economy of Scale
"ระบบครบวงจรเป็นการแบ่งหน้าที่ให้คนที่ไม่มีทุน ไม่มีตลาด ไม่มีเทคโนโลยี แต่มีแรงงาน มีที่ดิน ก็มาออกที่ดิน ออกแรงงาน และให้คนมีทุนมาออกทุน มีเทคโนโลยีมาออกเทคโนโลยี และเป็นผู้หาตลาด"
2. หลัก 3 ประโยชน์
หลัก 3 ประโยชน์ มาจาก สังคม(ประเทศ)ได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ บริษัทจึงได้ประโยชน์
โดยแกนกลางของหลักการนี้ คือ ความจริงใจ เพราะการที่เราจะเข้าไปทำธุรกิจใหม่ คำว่า "ใหม่"อาจจะไม่ค่อย friendly กับคนเก่าเท่าไร ดังนั้น ต้องให้สังคมรับรู้ว่า สังคมเองที่จะได้ประโยชน์ เพราะถ้าสังคมหรือคนไม่ให้ความสนับสนุนธุรกิจก็ไม่มีวันเติบโต และยังโดนต้านด้วย
คุณธนินท์เล่าว่า ตอนที่ CP เข้าไปช่วยรัฐบาลจีนแก้ปัญกาเรื่องการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ CP เช่าที่ดินจากรัฐบาลแบะจัดสรรให้เกษตรกรถึง 1,600 ครัวเรือน โดยสมัยนั้น การกู้ต้องมีเงินทุนส่วนตัวถึง 30% CP ได้เสนอให้รัฐบาลจัดสรรเงิน 15% และ CP จะจัดสรรเงินทุนอีก 15% การระดมทุนโครงการนี้จึงเกิดขึ้นได้
สำหรับผมหลัก 3 ประโยชน์ จะดูอุดมคติไปหน่อย แต่ผมว่ามองอีกแง่หนึ่ง มันคือต้นแบบของกลยุทธ์แบบ Freemium อย่างหนึ่งนะครับ การให้ก่อนเพื่อดึง user หรือเกษตรกรมาเข้า platform นั่นเอง สุดท้ายต้องดูว่าคนที่เข้ามาใน platform อยู่ได้ในระยะยาวใหม พัฒนาเป็นการตลาดแบบ Inclusive ซึ่งผมมองว่าข้อนี้ CP ก็ทำได้ดีครับ
3. โอกาสไม่รอตอนเราพร้อม
เรื่องหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้ผมในหนังสือเล่มนี้คือ ทราบว่า CP เป็นบริษัทต่างชาติแห่งแรกที่ได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจในประเทศจีน ในวันที่ทุกคนยังมองว่า จีนไม่พร้อม แต่คุณธนินท์กลับมองว่า ก็ต้องเข้าไปสร้างความพร้อมให้จีน ทำให้ CP เป็นหนึ่งใน Partner สำคัญของจีนตั้งแต่นั้นมา ถ้าจีนพร้อม แล้ว CP อยากจะลงทุนตอนนั้น ก็อาจจะไม่ได้ลงทุน ดังนั่น จังหวะจึงสำคัญที่สุด
เช่นเดียวกับ 7-11 ครั้งเริ่มต้น บริษัทแม่ที่ US ก็วิเคราะห์ว่าไทยยังไม่พร้อม เพราะมองว่ารายได้ต่อหัวของคนไทยต่ำเกินไป แต่คุณธนินท์มองว่า ต้องเข้าใจว่าพื้นที่ชุมชนเรามีความหนาแน่นกว่า ค่าครองชีพเราก็ต่ำกว่า รายได้ 10us ใช้ที่ไทยได้ของมากดว่า 20เท่า ดังนั้น ที่ US มีคนเข้าร้าน 1 คน ที่ไทยจะมี 10 คน วิธีคิดนี้ทำให้ 7-11 ถือกำเนิดขึ้น ไม่ต้องรอพร้อมแต่ต้องเข้าใจโจทย์และสถานการณ์จริงๆ ผมสรุปเป็นสมการข้างล่างครับ
ความไม่พร้อม + ความเข้าใจ = โอกาส
4. บทเรียนจากวิกฤติ ต้นแบบ Fail Forward
คุณธนินท์เล่าถึงครั้งวิกฤติค่าเงินบาท ตอนนี้หนี้ของ CP ส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินตราต่างประเทศ เรียกว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่หนี้ บทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้มี 3 ข้อครับ
1. ตัดสินใจต้องเร็ว ตัดขายธุรกิจบางส่วน ตอนนั้น CP เลือกขายโลตัสและแม็คโคร เพื่อรักษาธุรกิจหลัก
2. ต้องขยายธุรกิจที่เหลืออยู่ด้วย CP ไม่หยุดขยายสาขา 7-11 เพราะมองว่าเป็นอนาคต สองข้อแรกรวมกันเท่ากับ ลดภาระพร้อมกับสร้างรายได้ จึงจะแก้หนี้ได้
3. มีหนี้ต้องคืน เพราะ Credit สำคัญที่สุด ข้อนี้ตรงตัวครับ เสียเงินเหลือเครดิตยังกลับมาได้ เสียความน่าเชื่อถือยังไงก็ดำเนินธุรกิจยาก
5. กำไรจากอากาศหลัก 3 สูง หนึ่งต่ำ
ประสิทธิภาพช่วยให้เราสามารถดึงกำไรจากอากาศได้ เพราะประสิทธิภาพช่วยลดต้นทุนต่อหน่วย ของชิ้นเดิมขาย 100 ต้นทุน 50 กำไรก็ 50 แต่ต้นทุนเหลือ 30 กำไรก็กลายเป็น 50+20 และ +20 คือกไรจากอากาศที่มาจากประสิทธิภาพ แล้วประสิทธิภาพมาจากไหน ก็มาจากเทคโนโลยี เทคโนโลยีย่อมเกิดจากการลงทุน เมื่อเทคโนโลยีดีขึ้น คุณภาพก็สูงขึ้น ต้นทุนก็ต่ำลง
3 สูง 1 ต่ำ เท่ากับ ลงทุนสูง เทคโนโลยีสูง คุณภาพสูง ต้นทุนต่ำ
สำหรับวันนี้ ผมขอจบที่ปรัชญาด้านธุรกิจเท่านี้ก่อน จริงๆในหนังสือยังมีเรื่องอีกมากที่ทรงคุณค่ามากๆ บางท่านอาจรู้สึกว่าเนื้อหาบางส่วนมันเรียบง่ายมากเกินไป ผมเชื่อว่าในชีวิตการทำงานจริงๆของคุณธนินท์คงมีรายละเอียดมากกว่านี้มากๆๆ เพียงแต่ท่านย่อยมาเป็นรูปแบบให้พวกเราย่อยง่ายแล้ว สูงสุดก็คืนสู่สามัญ เพราะทำจริงจึงอธิบายได้ง่ายครับ
ตอนหน้าเราจะมาคุยถึงข้อคิดด้านที่เป็น soft skill กับปรัชญาครอบครัวและบริหารคน และปรัชญาชีวิตส่วนตัว รับรองว่าลึกล้ำครับ อย่างที่บอกไม่ง่ายที่คนอายุ 80 อีกทั้งประสบความเร็จระดับนี้จะมากลั่นความคิดให้เราฟังนะครับ ดังนั้น ต้องไม่พลาดตอนต่อไป โปรดติดตามครับ
Happy Learning
ขอบคุณครับ
ชัชฤทธิ์
15 บันทึก
19
7
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Book Review ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว
15
19
7
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย