*พระนางผุสดีเป็นที่รักของพระเจ้าสัญชัยมาก พรทั้ง ๑๐ ประการที่เคยขอไว้ พระนางก็สมหวังทุกอย่าง เหลือเพียงอย่างเดียว คือ พระนางปรารถนาจะได้พระโอรสผู้มีบุญญาธิการ เมื่อท้าวสักกเทวราชทรงรู้ว่า ความปรารถนาของพระนางยังไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ และด้วยบุญบันดาลที่ทำให้พระโพธิสัตว์ ได้มาเสวยทิพยสมบัติอยู่ในดาวดึงสเทวโลกพอดี อีกทั้งพระโพธิสัตว์กำลังจะมาสร้างบารมี ในโลกมนุษย์เช่นกัน ท้าวสักกะจึงเข้าไปหาพระโพธิสัตว์ และแจ้งว่า ควรจะจุติไปบังเกิดเป็นพระโอรสของพระนางผุสดี เพื่อจะได้สร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
พระโพธิสัตว์เห็นเป็นโอกาสดี จึงเลือกไปเกิดในครรภ์ของพระนางผุสดี ส่วนเทพบุตร ๖๐,๐๐๐ องค์ ซึ่งเคยเป็นบริวารของท่าน ก็ไปเกิดในบ้านของเหล่าอำมาตย์ ๖๐,๐๐๐ คนในกรุงเชตุดร เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า ขณะพระโพธิสัตว์อยู่ในครรภ์พระมารดา พระนางผุสดีทรงใคร่ปรารถนา จะสร้างมหาทานบารมี จึงรับสั่งให้สร้างโรงทาน ๖ แห่ง คือ ที่ประตูเมืองทั้ง ๔ แห่ง กลางเมือง ๑ แห่ง ประตูพระราชวังอีก ๑ แห่ง ทรงสละพระราชทรัพย์เป็นทานถึง ๖๐๐,๐๐๐ กหาปณะทุกวัน
พราหมณ์ผู้รู้นิมิตทั้งหลายได้ทูลพยากรณ์ว่า ที่พระนางทรงทำเช่นนี้ เพราะท่านผู้ยินดียิ่งในทาน มาอุบัติในพระครรภ์ของพระราชเทวี ส่วยอากรของพระราชาก็ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยได้ แม้พระราชาในชมพูทวีปทั้งสิ้นต่างส่งเครื่องบรรณาการมาถวายพระเจ้าสัญชัยทุกวัน ทั้งนี้ด้วยบุญญานุภาพของพระโพธิสัตว์นั้นเอง ขณะพระนางผุสดีทรงพระครรภ์ครบ ๑๐ เดือนบริบูรณ์ ทรงมีพระประสงค์จะชมเมือง จึงกราบทูลพระราชสวามี จากนั้นได้ทรงรถพระที่นั่งอันประเสริฐ ทำประทักษิณพระนคร ขณะนั้นเอง ลมกรรมชวาตก็ปั่นป่วน พระราชาทรงให้ทำพลับพลาสำหรับประสูติทันที
ครั้นพระโพธิสัตว์ออกมาจากครรภ์ของพระมารดา เพียงลืมพระเนตรทั้งสองได้เท่านั้น ก็เหยียดพระหัตถ์ออกมาพลางกล่าวกับพระมารดาว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า หม่อมฉันจะบริจาคทาน มีทรัพย์อะไรพอที่จะให้ลูกบริจาคได้บ้าง” พระชนนีตรัสตอบว่า “ลูกรัก ลูกจงบริจาคทานตามอัธยาศัยเถิด” จากนั้น ก็วางถุงเงินถุงทองในพระหัตถ์ของพระกุมารที่กำลังแบอยู่
พระประยูรญาติได้ขนานพระนามว่า เวสสันดร เพราะประสูติในถนนของพ่อค้า ในวันที่ท่านประสูตินั้น ช้างพังเชือกหนึ่งซึ่งสามารถเหาะได้ ได้นำลูกช้างเผือกขาวปลอดมาถวายและจากไป ฝ่ายพระราชาได้ประทานนางนม ๖๔ นาง แต่ละนาง ล้วนมีรูปร่างพอดี ไม่สูงเกินไป ไม่เตี้ยเกินไป