24 พ.ค. 2020 เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๓ ( กำเนิดพระเวสสันดร )
เมื่อใดเรายังเป็นทารกมีอายุ ๘ ขวบ แต่เกิดมา เมื่อนั้นเรานั่งอยู่ในปราสาท
คิดจะบริจาคทานว่า เราจะพึงให้หทัย ดวงตา เนื้อ เลือด และร่างกาย
เมื่อใครมาขอเรา เราก็ยินดีมอบให้ เมื่อเราคิดถึงการบริจาคทานอันเป็นความจริง
หทัยก็ไม่หวั่นไหว ตั้งมั่นอยู่ในกาลนั้น แผ่นดินซึ่งมีเขาสิเนรุ และหมู่ไม้เป็นเครื่องประดับ ก็หวั่นไหว …
“ธรรมกาย”  เป็นกายแห่งการตรัสรู้ธรรม เป็นหลักของพระพุทธศาสนาและของโลก ถ้าเราได้เข้าถึง เราจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่สมบูรณ์ทั้งภายนอกและภายใน จะรู้ซึ้งในคุณของ พระรัตนตรัยว่า เป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของมวลมนุษยชาติ  จะหายสงสัยในอานุภาพอัน ไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย อีกทั้งจะเปลี่ยนจากผู้ไม่รู้ มาเป็นผู้รู้แจ้ง ทำให้เข้าใจโลกและชีวิต ได้อย่างถูกต้อง สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข สร้างบารมีเพื่อมุ่งไปสู่อายตนนิพพาน ดังนั้นเราจึงควรที่จะปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายกันทุกๆ คน
มีธรรมภาษิตที่พระเวสสันดรได้กล่าวไว้เป็นอมตวาจาว่า
 
            “เมื่อใด เรายังเป็นทารก มีอายุ ๘ ขวบ แต่เกิดมา เมื่อนั้น เรานั่งอยู่ในปราสาท คิดจะบริจาคทานว่า เราจะพึงให้หทัย ดวงตา เนื้อ เลือด และร่างกาย เมื่อใครมาขอเรา เราก็ยินดีมอบให้ เมื่อเราคิดถึงการบริจาคทานอันเป็น ความจริง หทัยก็ไม่หวั่นไหว ตั้งมั่นอยู่ในกาลนั้น แผ่นดินซึ่งมีเขาสิเนรุ และหมู่ไม้เป็นเครื่องประดับ ก็หวั่นไหว”
ครั้งที่แล้วได้เล่าถึงปฐมเหตุของการที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดกว่า เกิดจากการที่พระองค์ ทรงทำลายทิฏฐิมานะของเหล่าประยูรญาติ ด้วยการแสดงปาฏิหาริย์ ให้เจ้าศากยราชตระกูลได้เห็นด้วยตาเนื้อ และเกิดเหตุอัศจรรย์คือฝนโบกขรพรรษได้ตกลงมา ท่ามกลางมหาสมาคม  พระพุทธองค์จึงตรัสเล่าว่า แม้ในอดีตฝนโบกขรพรรษก็เคยตกลงมาในท่ามกลางสมาคมของพระญาติเช่นกัน
 
            เมื่อพระนางผุสดีเทพกัญญารับพร ทั้ง ๑๐ ประการ จากท้าวสักกะแล้ว นางได้จุติจากดาวดึงสพิภพ มาบังเกิดในพระครรภ์อัครมเหสีของพระเจ้ามัททราช มีพระนามว่า ผุสดี ตามนามเดิม เพราะเมื่อพระนางประสูติ มีพระสรีระราวกับว่าประพรมด้วยจุณแก่นจันทน์ ครั้นเติบโตได้อายุ ๑๖ ชันษา ทรงเป็นผู้มีรูปโฉม งดงามกว่าหญิงใดพระเจ้าสีวีมหาราชทรงนำพระนางผุสดี มาเป็นอัครมเหสีของสัญชัยราชกุมารทรงอภิเษกให้พระนางผุสดีเป็นใหญ่กว่าเหล่านารีหมื่นหกพัน
*พระนางผุสดีเป็นที่รักของพระเจ้าสัญชัยมาก พรทั้ง ๑๐ ประการที่เคยขอไว้ พระนางก็สมหวังทุกอย่าง เหลือเพียงอย่างเดียว คือ พระนางปรารถนาจะได้พระโอรสผู้มีบุญญาธิการ เมื่อท้าวสักกเทวราชทรงรู้ว่า ความปรารถนาของพระนางยังไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ และด้วยบุญบันดาลที่ทำให้พระโพธิสัตว์ ได้มาเสวยทิพยสมบัติอยู่ในดาวดึงสเทวโลกพอดี อีกทั้งพระโพธิสัตว์กำลังจะมาสร้างบารมี ในโลกมนุษย์เช่นกัน   ท้าวสักกะจึงเข้าไปหาพระโพธิสัตว์ และแจ้งว่า ควรจะจุติไปบังเกิดเป็นพระโอรสของพระนางผุสดี เพื่อจะได้สร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป 
 
            พระโพธิสัตว์เห็นเป็นโอกาสดี จึงเลือกไปเกิดในครรภ์ของพระนางผุสดี ส่วนเทพบุตร ๖๐,๐๐๐ องค์ ซึ่งเคยเป็นบริวารของท่าน ก็ไปเกิดในบ้านของเหล่าอำมาตย์ ๖๐,๐๐๐ คนในกรุงเชตุดร เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า ขณะพระโพธิสัตว์อยู่ในครรภ์พระมารดา พระนางผุสดีทรงใคร่ปรารถนา จะสร้างมหาทานบารมี จึงรับสั่งให้สร้างโรงทาน ๖ แห่ง คือ ที่ประตูเมืองทั้ง ๔ แห่ง กลางเมือง ๑ แห่ง ประตูพระราชวังอีก ๑ แห่ง ทรงสละพระราชทรัพย์เป็นทานถึง ๖๐๐,๐๐๐ กหาปณะทุกวัน 
 
            พราหมณ์ผู้รู้นิมิตทั้งหลายได้ทูลพยากรณ์ว่า ที่พระนางทรงทำเช่นนี้ เพราะท่านผู้ยินดียิ่งในทาน มาอุบัติในพระครรภ์ของพระราชเทวี ส่วยอากรของพระราชาก็ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยได้ แม้พระราชาในชมพูทวีปทั้งสิ้นต่างส่งเครื่องบรรณาการมาถวายพระเจ้าสัญชัยทุกวัน ทั้งนี้ด้วยบุญญานุภาพของพระโพธิสัตว์นั้นเอง ขณะพระนางผุสดีทรงพระครรภ์ครบ ๑๐ เดือนบริบูรณ์ ทรงมีพระประสงค์จะชมเมือง จึงกราบทูลพระราชสวามี จากนั้นได้ทรงรถพระที่นั่งอันประเสริฐ ทำประทักษิณพระนคร ขณะนั้นเอง ลมกรรมชวาตก็ปั่นป่วน  พระราชาทรงให้ทำพลับพลาสำหรับประสูติทันที
 
            ครั้นพระโพธิสัตว์ออกมาจากครรภ์ของพระมารดา เพียงลืมพระเนตรทั้งสองได้เท่านั้น ก็เหยียดพระหัตถ์ออกมาพลางกล่าวกับพระมารดาว่า    “ข้าแต่พระแม่เจ้า หม่อมฉันจะบริจาคทาน มีทรัพย์อะไรพอที่จะให้ลูกบริจาคได้บ้าง” พระชนนีตรัสตอบว่า “ลูกรัก ลูกจงบริจาคทานตามอัธยาศัยเถิด” จากนั้น ก็วางถุงเงินถุงทองในพระหัตถ์ของพระกุมารที่กำลังแบอยู่ 
 
            พระประยูรญาติได้ขนานพระนามว่า เวสสันดร เพราะประสูติในถนนของพ่อค้า ในวันที่ท่านประสูตินั้น ช้างพังเชือกหนึ่งซึ่งสามารถเหาะได้ ได้นำลูกช้างเผือกขาวปลอดมาถวายและจากไป ฝ่ายพระราชาได้ประทานนางนม ๖๔ นาง แต่ละนาง ล้วนมีรูปร่างพอดี ไม่สูงเกินไป ไม่เตี้ยเกินไป
เมื่อทรงอายุได้ ๔ ขวบ พระราชาทรงให้ทำเครื่องประดับสำหรับพระราชกุมารราคา ๑๐๐,๐๐๐ กหาปณะ พระราชกุมารผู้มีใจรักในการให้ทาน ได้ใช้เครื่องประดับมาประดับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็เปลื้องเครื่องประดับนั้นแก่นางนมทั้งหลาย ไม่ทรงรับเครื่องประดับที่เหล่านางนมถวายคืนอีก เหล่านางนมได้กราบทูลเรื่องราวที่เกิดขึ้น พระราชาก็ให้ทำเครื่องประดับชิ้นใหม่ประทานให้พระโอรส
เมื่อพระชนม์ ๘ ชันษา พระราชกุมารได้เสด็จขึ้นไปยืนอยู่บนปราสาท ทรงดำริว่า เราให้ทานภายนอกอย่างเดียว ทานนั้นหายังเราให้ยินดีไม่ เราใคร่จะให้ทานภายใน แม้ถ้าใครๆ พึงขอหทัยของเรา เราจะพึงให้ผ่าอุระประเทศนำหทัยออกให้แก่ผู้นั้น ถ้าเขาขอจักษุทั้งสองของเรา เราก็จะควักจักษุให้ ถ้าเขาขอเนื้อในสรีระ เราจะเชือดเนื้อจากสรีระทั้งสิ้นให้จนหมด แม้ใครๆ พึงขอโลหิตของเรา เราก็จะให้โลหิต หรือหากใครๆ พึงกล่าวกับเราว่า ท่านจงเป็นทาสของข้า เราก็ยินดียอมตัวเป็นทาสของผู้นั้น
เมื่อพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ทรงคำนึงถึงทานที่อยากทำด้วยใจบริสุทธิ์เช่นนี้ มหาปฐพีซึ่งหนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ ก็ดังสนั่นหวั่นไหว ดุจช้างตัวประเสริฐตกมันอาละวาดคำรามร้อง     เขาสิเนรุราชก็โอนไปมาดุจหน่อหวายโอนเอนไปมา ฟ้าก็คะนองลั่น ตามเสียงแห่งปฐพี ทำให้ฝนลูกเห็บตกลงทั่วผืนดิน สายอสนีบาต ที่มีในสมัยมิใช่กาล ก็เปล่งแสงสว่างไสว สาครก็เกิดเป็นคลื่นปั่นป่วน ท้าวสักกเทวราชปรบพระหัตถ์ ท้าวมหาพรหมให้สาธุการ เสียงโกลาหลเป็นอันเดียวกันได้มีตลอดถึงพรหมโลก
เมื่อพระโพธิสัตว์มีพระชนม์ได้ ๑๖ ชันษา ทรงศึกษาศิลปวิทยาทุกอย่าง พระราชบิดาทรงเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่จะประทานราชสมบัติแก่พระบรมโพธิสัตว์ จึงทรงปรึกษาพระนางผุสดี และพระประยูรญาติ จากนั้นได้นำราชกัญญานามว่า มัทรี ผู้เป็นราชธิดาของพระเจ้าลุงจากมัททราชสกุล ให้เป็นอัครมเหสี ให้เป็นใหญ่กว่าสตรี ๑๖,๐๐๐ นาง จากนั้นทรงมอบราชสมบัติให้กับพระเวสสันดร
พระเวสสันดรทรงอาศัยความเป็นผู้มีโชคนี้ สละทรัพย์วันละ ๖๐๐,๐๐๐ กหาปณะ ตั้งแต่ครองราชสมบัติไม่เคยขาด พระองค์ได้ประทับบนคอช้างเพื่อเสด็จทอดพระเนตรโรงทานทั้งหมด เดือนละ ๖ ครั้ง เป็นประจำอีกด้วย ทำให้ชื่อเสียงอันดีงามของพระองค์ขจรขจายออกไปทั่วชมพูทวีป สมัยต่อมา พระนางมัทรีประสูติพระโอรส ชื่อชาลีราชกุมาร เมื่อพระราชกุมารนั้นทรงเดินได้ พระนางก็ทรงประสูติพระธิดาพระนามว่า กัณหาชินา
สมัยนั้น ในกาลิงครัฐเกิดฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล การเก็บเกี่ยวไม่ดี ข้าวยากหมากแพง ทำให้ชาวเมืองอดอยาก    อีกทั้งยังมีโจรชุกชม พระราชาทรงแก้ปัญหาด้วยการทรงสมาทานศีล รักษาอุโบสถศีล ๗ วัน ถึงกระนั้น ฝนก็ยังไม่ตก ชาวเมืองจึงกราบทูลว่า "ข้าแต่สมมติเทพ ถ้าพระองค์ไม่สามารถให้ฝนตก พระราชโอรสของพระเจ้าสัญชัยในกรุงเชตุดร พระนามว่า เวสสันดร ผู้ยินดียิ่งในการบริจาคทาน พระองค์ทรงมีมงคลหัตถีขาวล้วน ซึ่งไปถึงที่ใดฝนก็ตก ณ สถานที่นั้น ขอพระองค์ได้ส่งพราหมณ์ไปขอมงคลหัตถีกับพระเวสสันดรที่กรุงเชตุดรเถิด พระเจ้าข้า" พระราชาทรงเลือกพราหมณ์ ๘ คน และรีบส่งไปขอมงคลหัตถี ที่กรุงเชตุดรทันที
ขอจบตอนกำเนิดพระเวสสันดรไว้เพียงเท่านี้ก่อน พราหมณ์ทั้ง ๘ ท่าน จะใช้วาจาเกลี้ยกล่อม และให้พระเวสสันดรยอมบริจาคมงคลหัตถีด้วยวิธีการใด จะนำมาเล่าในคราวต่อไป ให้หมั่นทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาอย่าได้ขาดกันทุกวัน
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. เวสสันตรชาดก เล่ม ๖๔ หน้า ๖๐๘

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา