25 พ.ค. 2020 เวลา 06:39 • การศึกษา
จ้างหมอดูมาสะเดาะเคราะห์แต่ชีวิตไม่ดีขึ้น มีความผิดจริงหรือ?
-ผมขออธิบายก่อนว่า ความเชื่อเรื่องโชคลางและพิธีกรรมทางศาสนานั้นเป็นเรื่อง''ส่วนตัว'' จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่ที่ตัวคุณเอง หลายคนพร้อมที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งความสบายใจของตัวเอง
**แต่ก็ต้องยอมรับว่าในประเทศไทยมีมิจฉาชีพที่หากินจากความเชื่อของคนจนร่ำรวยจำนวนมาก เราจะเห็นได้ว่าหมอดูหลายคนรวยกว่าหมอรักษาโรคเสียอีก เพราะอะไรนั้นหรอ ''คนส่วนใหญ่ไม่ได้ป่วยทางกายหรอก แต่เขาป่วยทางใจ'' ใครพูดอะไรก็เชื่อเขาไปซะหมด ยอมจ่ายจนหมดตัวก็มีมาแล้วหลายครั้ง
***กรณีดังกล่าวนี้ หากบุคคลที่กล่าวอ้างว่ามีความรู้ความสามารถพิเศษเปลี่ยนแปลงโชคซะตาและชีวิตคนได้ซึ่งมิได้มีอย่างที่ตนอ้าง เป็นการอ้างเพื่อเรียกรับเอาเงินจากคนที่หลงเชื่อ ก็ย่อมเป็นการหลอกลวง ถือเป็นการกระทำ ''ความผิดฐานฉ้อโกง''
***และหากบุคคลดังกล่าว ได้หลอกลวงคนไปทั่ว ไม่ได้เฉพาะเจาะจงถึงกลุ่มบุคคลใดเป็นพิเศษ ก็ถือเป็นการกระทำ ''ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน'' อีกด้วย >>>บรรดาผู้ที่ถูกหลอกลวงทั้งหลายสามารถแจ้งความเอาผิดได้ครับ
-แนะนำให้ถ่ายคลิปไว้ด้วยยิ่งดีครับเพราะ ไว้เป็นหลักฐาน หมอดูส่วนใหญ่ทุกวันนี้เป็นไรไม่รู้เป็นโรคกลัวกล้องมักไม่ให้ถ่าย
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2530) จำเลยทั้งสองทำน้ำมนต์ขายแก่ประชาชนโดยคิดค่าครูคนละ 12 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสองรู้ว่าน้ำมนต์นั้นไม่ใช่ยารักษาโรค แต่จำเลยทั้งสองกลับอวดอ้าง ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าน้ำมนต์นั้นศักดิ์สิทธิรักษาโรคได้อันเป็นการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1477/2549) จำเลยบอกประชาชนว่าตนสามารถทำพิธีสะเดาะเคราะห์รถน้ำมนต์ให้หมดปัญหาเรื่องเงินสามารถปลดหนี้ได้ ทั้งยังอ้างว่าทำให้หายเจ็บป่วยได้ ประชาชนหลายคนหลงเชื่อและได้จ่ายเงินค่าพิธีบวงสรวงไป การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นการหลอกลวงผู้เสียหาย และเป็นการฉ้อโกงประชาชน
#ฝากกดไลท์กดแชร์และติดตามเพจด้วยนะครับ จะนำสาระดีๆแบบนี้มาอัพเดตให้เพื่อนๆได้รู้ตลอดนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา