26 พ.ค. 2020 เวลา 10:45 • การศึกษา
ใครๆ ก็บอกว่ายุคนี้ "ข้อมูล" เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งเราเก็บมัน มันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นไปทุกที พอเวลาผ่านไปมันก็ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย แล้วแบบนี้มันจะสำคัญจริงๆ หรอ
หรือ "ข้อมูล" อย่างเดียวมันไม่พอ จะต้องอาศัย "เทคนิค" หรือ "ทักษะ" อะไรมาจัดการหรือเปล่ากับยุคสมัยที่ข้อมูลล้นโลกนี้
เด็กมัธยม: พี่ๆ ทำไมเขาว่าแหล่งการผลิตโลกอยู่ที่ประเทศจีน อยากรู้แล้วว่ามันจะใหญ่ขนาดไหน
เราจะ "เล่า" ยังไงให้น้อง "เข้าใจ" และ "เห็นภาพ" นี้กัน ลองดูตัวอย่างของบทสนทนาระหว่าง นักธุรกิจ และ เด็กมัธยมนี้กันครับ
เด็กมัธยม: พี่ครับ ผมเห็นข่าวบ่อยมากว่า "ฐานการผลิตโลก" ตอนนี้อยู่ในประเทศจีน ผมชักสงสัยแล้วสิครับว่า
ประเทศที่เป็น "ฐานการผลิตของโลก" จะใหญ่ขนาดไหน มีหน้าตาเป็นยังไง
นักธุรกิจ: ได้สิ "น้อง" พี่มีรูปนึงที่จะแสดงให้ "น้อง" ดู
เราเรียกเทคนิคนี้ว่า Data Visualization ด้านล่างนี้กันเลย
นักธุรกิจ: เป็นไง
เด็กมัธยม: โหยยย เท่มากเลยย ว่าแต่ภาพนี้จะสื่ออะไรหรอครับ
นักธุรกิจ: ฮ่าๆ ภาพนี้คือภาพแสดงแผนที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลก (Map of the World's Manufacturing Output) ในปี 2018
เรามาเริ่มตรงกรอบเล็กๆ กันก่อน
ขนาดวงกลมจะหมายถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ขนาดยิ่งใหญ่แสดงถึงมีผลผลิตมาก
แทบสีจากสีน้ำเงินอ่อน ถึง น้ำเงินเข้มหมายถึง %Share เทียบกับผลผลิตของทั้งโลกรวมกัน เช่น สีน้ำเงินเข้ม คือ ประเทศนั้นมีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 10% ของโลกขึ้นไป
หรือเปรียบเทียบก็คือ ถ้ามีสินค้าการผลิต 100 ชิ้น จะมี 10 ชิ้นที่ถูกผลิตจากประเทศนี้ของการผลิตทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลก
ที่นี้พอเข้าใจหรือยัง
เด็กมัธยม: ก็พอได้แล้วครับ
นักธุรกิจ: โอเค ถัดมาเรามาดูในแต่ละทวีปกัน พี่ขอตัดรูปบ้างส่วนออกนะ เราจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
สักเกตที่มุมขวาบนจะเห็น ทวีปเอเชีย และตัวเลข 52% นั้นแสดงให้เห็นว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกครึ่งหนึ่งเกิดขึ้นที่ทวีปเอเชีย
ดูถัดมาทางซ้ายเราจะเห็น ทวีปยุโรป ซึ่งทวีปนี้มีผลผลิตรองลงมา ที่ 22%
และ 18% เกิดขึ้นที่ทวีปอเมริกาเหนือ
เด็กมัธยม: แล้วไงต่ออะพี่
นักธุรกิจ: ทีนี้เรามาดูว่า ทำไม เขาถึงเรียกจีนว่า "เป็นฐานการผลิตโลก"
ที่จริงเราน่าจะสังเกตเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าขนาดของประเทศจีน มีขนาดใหญ่มาก และมีตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมมากถึง 4Trillion U.S. (4 ล้านล้านดอนลาร์สหรัฐ) ซึ่งถ้าคิดเป็น %Share จะมากถึง 28.37% ของทั้งโลก
อเมริกา ซึ่งในภาพจะมีขนาดเป็นอันดับ 2 มีตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม 2.3Trillion U.S. หรือ 16.65% ของทั้งโลก
ทีนี้เราน่าจะเห็นภาพมากขึ้นแล้วนะครับ
เด็กมัธยม: ครับพี่
นักธุรกิจ: เอาละ เราเห็นภาพทั้งหมดนี้แล้ว รู้สึกมันง่ายขึ้นใช่ไหม
เด็กมัธยม: ใช่ครับ
นักธุรกิจ: เอาละทีนี้ พี่จะให้เราทำเองบ้าง สนใจไหม
เด็กมัธยม: ไม่เอาอะ
นักธุรกิจ: ฮ่าๆ ว่าแล้วว่าเราจะต้องปฎิเสธ แต่พี่จะบอกเราให้นะการทำอะไรพวกนี้ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ในยุคปัจจุบัน
การแปลงข้อมูลที่ซับช้อน ยุ่งยาก และมากมายมหาศาล ให้เกิดเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนเข้าใจง่ายๆ มันสำคัญและมีประโยชน์มากเลยนะ
เอาละครั้งนี้พี่จะอธิบายให้ฟังว่ากว่าที่เขาจะทำรูปนี้ขึ้นมาได้ ให้เราเข้าใจง่ายๆ ต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง
เริ่มแรก เขาต้องไปรวบรวมผลผลิตของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อทำเป็นตารางแบบด้านล่างนี้
หลังจากนั้นเขาก็ต้องออกแบบว่า เขาจะแสดงข้อมูลทั้งหมดในตารางนี้ออกมาให้เห็นเป็น "ภาพ" ง่ายๆ ได้อย่างไร บางครั้งเขาจะเรียกการทำแบบนี้ว่าการทำ Data Visualization
สังเกตดูว่าเขาเลือกใช้รูป "เกียร์" เป็นภาพที่สื่อถึงอุตสาหกรรม และยังสื่ออีกว่าแต่ละเขี้ยวของเกียร์ หรือฟันเฟืองจะคอยหมุนและขับเคลื่อนให้กับเกียร์อื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ หมุนไปด้วย
เด็กมัธยม: แล้วทำไมผมต้องรู้ด้วยละครับ
นักธุรกิจ: เพราะนี้เป็นหนึ่งในทักษะที่โลกยุคใหม่นี้จะเป็นที่ต้องการ ซึ่งถ้าเรามีทักษะนี้เราสามารถสร้างรายได้เองได้เลยละ
ดูภาพข้างบนนี้ จากด้านซ้ายที่สมัยก่อนมีการเก็บข้อมูลอาจจะเป็นกระดาษ รายงาน มันยังเป็นข้อมูลที่จัดสรรค์ได้ง่าย และอยู่ในวงจำกัด
หลังจากที่เรามี Internet เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาคือการเกิด Web ต่างๆ ขึ้นมามากมาย และที่รู้จักกันดีในตอนนี้คือเกิดเป็น Social Media ต่างๆ เช่น Facebook Youtube
ทำให้เกิดเป็นข้อมูล Log Files ขึ้นมามากมายที่มาจากการจัดเก็บข้อมูลไว้โดยระบบ
ซึ่งในยุดนี้เราอาจเรียกมันว่า "ยุคของ Big Data"
ถัดจากนี้ไป จะพบว่า "ข้อมูล" ถูกสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่หยุด และจะยิ่งมากมายยิ่งขึ้น หนำซ้ำข้อมูลพวกนี้มีแนวโน้มที่จะไม่รู้ซ้ำว่ามันจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีกไหม ซึ่งมันจะถูกเรียกว่า Dark Data
ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ "เรา" สามารถแปลง Dark Data เหล่านี้ให้เกิดเป็น "ภาพ" ที่เราเข้าใจได้ เหมือนเช่น "ภาพผลผลิตอุตสาหกรรมของโลก" ที่เราคุยกันมาถึงตรงนี้
เรารู้สึกแล้วใช่ไหมว่ามันทั้งมีคุณค่าสำหรับเรา และทำให้เราเข้าใจ สื่อสารกันได้ง่ายขึ้น เพียงใช้เวลาไม่กี่นาที แต่เบื้องหลังที่กว่าจะได้ข้อมูลนี้มาผ่านกระบวนการต่างๆ มามากมาย
และแน่นอนว่ามันจะย้อนกลับมาที่ตัวเรา ถ้าเราสามารถเข้าใจและเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกันได้ สิ่งนี้จะเป็น "ทักษะ" ที่ทำให้เราสร้างรายได้ได้ และยังเป็นที่ต้องการในยุคที่จะมีข้อมูลล้นโลกนั้นเอง
โลกกำลังผลิตข้อมูลต่างๆ จำนวนมหาศาลอยู่ตลอดเวลา แพร่กระจายไปทั่วโลก และยังรวดเร็วมากขึ้นยิ่งกว่าเมื่อก่อน
"ทักษะ" ที่จำเป็นอาจไม่ใช่วิธีการสร้างข้อมูลอีกต่อไป แต่อาจเป็นการเชื่อมโยงข้อมูล และแสดงข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ให้สามารถสื่อสารได้ง่าย และเห็นภาพมากขึ้น
เพราะโลกกำลังขับเคลื่อนไปด้วยข้อมูล และผู้ที่ตีความหมายของข้อมูลได้ จะเป็นผู้ที่โลกต้องการ
เข้าใจทักษะการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน เพื่อปรับตัวสู่ทักษะใหม่ๆ ที่โลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ได้ที่: https://www.blockdit.com/articles/5ec0fa8394a3b90cb33f81ce

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา