28 พ.ค. 2020 เวลา 00:00 • ความคิดเห็น
เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๑ ( บริจาคกัณหาชาลี )
ดูก่อนพ่อชาลีลูกรัก พ่อจงมาเพิ่มพูนบารมีของพ่อให้เต็ม
จงช่วยโสรจสรงหทัยของพ่อให้เย็นชุ่มฉ่ำ ลูกรัก ขอลูกจงทำตามคำของพ่อ
ขอลูกทั้งสองจงเป็นดังยานนาวาของพ่อ ไม่หวั่นไหวต่อสาครคือภพ
เมื่อพ่อข้ามฝั่งคือชาติแล้ว จักยังมนุษย์ และเทวดาทั้งหลายให้ข้ามพ้นด้วย …
มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาแล้วต่างต้องตาย แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเลิศกว่าใครในภพสาม ยังต้องทอดทิ้งพระวรกายดับขันธปรินิพพานไป ดังนั้นเราต้องหมั่นนึกถึงความตายเสมอ จะได้ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต และเร่งขวนขวายสร้างความดีในทุกรูปแบบ สิ่งใดที่ไม่เป็นสาระควรปลดปล่อยวาง ให้ใจหลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นในคน   สัตว์ สิ่งของ อันเป็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา มุ่งแสวงหาสิ่งที่เป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอัตตา คือ พระรัตนตรัยภายในตัวของเรา ให้พิจารณาปล่อยวางอย่างหนึ่ง เพื่อมุ่งเข้าหาอีกอย่างหนึ่ง ที่เป็นสาระแก่นสารที่แท้จริงกันทุกคน
พระเวสสันดรได้กล่าวสุนทรวาจาไว้ว่า
"ดูก่อนพ่อชาลีลูกรัก พ่อจงมาเพิ่มพูนบารมีของพ่อให้เต็ม
จงช่วยโสรจสรงหทัยของพ่อให้เย็นชุ่มฉ่ำ ลูกรักขอลูกจงทำตามคำของพ่อ
ขอลูกทั้งสองจงเป็นดังยานนาวาของพ่อไม่หวั่นไหวต่อสาครคือภพ
เมื่อพ่อข้ามฝั่งคือชาติแล้ว จักยังมนุษย์ และเทวดาทั้งหลายให้ข้ามพ้นด้วย"
 
    ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ หวังจะสร้างบารมีให้แก่รอบเพื่อการตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ทำกันง่ายๆ ต้องอาศัยกำลังใจที่สูงส่งจริงๆ ไม่ใช่ทำเล่นๆ ชาติไหนมีอารมณ์ก็สร้างบารมี ชาติไหนไม่พร้อมก็ไม่สร้าง อย่างนี้ไม่ถูกต้องนัก นักสร้างบารมีผู้เป็นนิยตโพธิสัตว์ที่แท้จริงนั้น ท่านจะสั่งสมบุญทุกวัน ทุกเวลานาที ทุกที่ และทุกภพทุกชาติ คือ เกิดมาสร้างบารมีอย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นถือว่าเป็นเรื่องรอง  เมื่อพูดถึงเฉพาะทานบารมี ท่านยอมสละได้กระทั่งเลือดเนื้อ และชีวิต ท่านทำถึงขนาดนั้น  เพราะฉะนั้นการบริจาคบุตรธิดาเป็นทาน จึงเป็นสิ่งที่เหนือวิสัย ของชาวโลกทั่วไป แต่ไม่เหลือวิสัยของพระโพธิสัตว์
*ครั้งที่แล้ว พระเวสสันดรตรัสว่า จะมอบพระกุมาร และพระกุมารีทั้งสองให้พราหมณ์ชูชกที่เดินทางดั้นด้นมาขอ ฝ่ายพระชาลีราชกุมาร และพระกัณหาชินาราชกุมารีรู้ว่า พระบิดา จะต้องบริจาคตัวให้กับชูชกอย่างแน่นอน ก็ขนลุกชูชัน ตกใจกลัวหวาดหวั่นไปตามๆ กัน พี่ชายรีบจับแขนน้องสาว พากันเสด็จไปหลังบรรณศาลา แล้วหนีไปหลบซ่อนอยู่ที่พุ่มไม้ด้วยความตกใจกลัว ต่างวิ่งไปวิ่งมาหวังว่าจะหาสถานที่ที่ชูชกมองไม่เห็น หาไม่เจอ จากนั้นพากันลงไปยืนอยู่ในสระโบกขรณี เอาใบบัววางไว้บนพระเศียร ยืนขาสั่น น้ำตาไหลอาบแก้มอยู่ในน้ำ
ฝ่ายชูชกไม่เห็นสองกุมาร จึงพูดรุกรานกระทบกระเทียบพระโพธิสัตว์ว่า "พระเวสสันดรผู้เจริญ พระองค์ประทานพระโอรสพระธิดาแก่ข้าพระองค์เพียงด้วยวาจา แต่พระองค์กลับให้สัญญาณโบกไม้โบกมือ ให้พระโอรสพระธิดาหนีไปหลบซ่อนเสีย แล้วมานั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ คนพูดมุสาเช่นพระองค์เห็นจะไม่มีในโลกอีกแล้ว"
พระเวสสันดรทรงดำริว่า เด็กทั้งสองคงจักหนีไปเสียแล้ว จึงเสด็จลุกขึ้นไปหลังบรรณศาลา ทรงรู้ว่าพระโอรสพระธิดาเสด็จไปยืนอยู่ในสระโบกขรณี จึงตรัสเรียกว่า "ดูก่อนพ่อชาลีลูกรัก พ่อจงมาเพิ่มพูนบารมีของพ่อให้เต็ม จงช่วยโสรจสรงหทัยของพ่อให้เย็นฉ่ำ จงทำตามคำของพ่อ ขอเจ้าทั้งสองจงเป็นดังยานนาวาของพ่อ ไม่หวั่นไหวต่อสาคร คือ ภพ พ่อจักข้ามฝั่ง คือ ชาติ แล้วยังมนุษย์และเทวดาให้ข้ามด้วย"
พระชาลีราชกุมารได้ทรงสดับพระดำรัสของพระราชบิดาเช่นนั้น จึงตัดสินใจเด็ดขาด ปรารถนาจะให้ความประสงค์ของพระบิดากลายเป็นจริง ทรงคิดว่า พราหมณ์เฒ่าคนนี้จง ทำตามใจชอบเถิด จะเอาเราไปเป็นข้าทาสบริวาร ทำร้ายร่างกาย หรือทรมานเราอย่างไร ก็จะยอมทนทุกอย่าง แต่เราจะไม่ทำให้พระบิดาลำบากพระทัยเด็ดขาด จากนั้นพระกุมารได้โผล่พระเศียรแหวกใบบัวออกมา ขึ้นจากน้ำ หมอบลงแทบพระบาทเบื้องขวาของพระบิดา สวมกอดข้อพระบาทไว้มั่น ทรงกันแสงด้วยความรักที่มีต่อพระองค์
พระโพธิสัตว์ตรัสถามพระชาลีว่า "ลูกรัก น้องหญิงของลูกไปไหนเสียล่ะ" พระชาลีทูลว่า "ข้าแต่พระราชบิดา ธรรมดาว่าสัตว์ทั้งหลาย เมื่อภัยเกิดขึ้นก็ย่อมรักษาตัว ไม่ปรารถนาที่จะออกมาพบ แม้กระทั่งพระบิดาผู้ให้กำเนิด" พระโพธิสัตว์ทรงปลอบโยนพระธิดาซึ่งยังอยู่ในน้ำว่า "ลูกกัณหาเอ๋ย ลูกจงออกมาเถิด จงมาเพิ่มพูนทานบารมีของพ่อให้เต็ม จงช่วยรดหทัยของพ่อให้เย็นฉ่ำ ขอลูกจงเป็นดังยานนาวาของพ่อ พ่อจักข้ามฝั่ง คือ ชาติ จักยกทั้งมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย ให้ข้ามพ้นจากภัยในสังสารวัฏ"
พระกัณหาชินาราชกุมารีทรงสดับพระดำรัสของพระราชบิดา ก็ตัดสินพระทัยเด็ดเดี่ยวเช่นกัน ได้ขึ้นจากสระน้ำมาหมอบลงแทบพระบาทเบื้องซ้ายของพระบิดา แล้วกอดข้อพระบาทไว้มั่น พร้อมกับกันแสงด้วยความอาลัยอาวรณ์ ไม่อยากจากพระบิดาไป พระเวสสันดรแนะนำพระโอรสว่า "ชาลีลูกรัก ถ้าลูกปรารถนาจะเป็นไท ลูกควรให้ทองคำ ๑,๐๐๐ ลิ่มแก่พราหมณ์ชูชกจึงจะเป็นไทได้ ส่วนน้องสาวของลูกเป็นผู้ทรงอุดมรูป หาหญิงใดในชมพูทวีปเสมอเหมือนได้ยาก ถ้าใครปรารถนาจะทำน้องสาวของเธอให้เป็นไท ก็พึงให้ทาสชาย  ทาสหญิง ช้าง ม้า โค อย่างละ ๑๐๐ และทองคำ ๑๐๐ ลิ่ม    แก่ชูชก น้องของเธอจึงจะเป็นไทได้"
ครั้นพระเวสสันดรโพธิสัตว์ทรงกำหนดราคาพระโอรสพระธิดาอย่างนี้แล้ว ทรงจับพระเต้าน้ำพลางหลั่งน้ำลงในมือชูชก พร้อมกับตรัสว่า "ดูก่อนพราหมณ์ผู้เจริญ ถึงแม้ว่าเราจะรักบุตรธิดามากเพียงไร แต่พระสัพพัญญุตญาณอันประเสริฐ ที่เราปรารถนามานานนับภพนับชาติไม่ถ้วน ย่อมเป็นที่รักยิ่งกว่าบุตรและธิดา ผู้เป็นที่รักกว่าร้อยเท่าพันเท่าแสนเท่า" หลังพระดำรัสแผ่นดินใหญ่หนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ ก็อึกทึกกึกก้องคำรามสั่นสะเทือน
 
    ด้วยเดชแห่งทานบารมีในครั้งนั้น สาครก็กระเพื่อม สิเนรุราชบรรพตก็น้อมยอดลงไปทางเขาวงกต ท้าวสักกเทวราช ทรงปรบพระหัตถ์ มหาพรหมได้ประทานสาธุการ เทวดาทั้งหมด ก็อนุโมทนาสาธุการ ได้เกิดโกลาหลเป็นอันเดียวกันจนถึงพรหมโลก ฟ้าคำรามลั่นพร้อมกับเสียงปฐพีให้ฝนตกลงชั่วขณะ     สายฟ้าแลบในสมัยมิใช่กาล สัตว์จตุบาทมีราชสีห์เป็นต้น ที่อยู่ในหิมวันตประเทศได้บันลือเสียงเป็นอันเดียวกัน ทั่วทั้ง หิมวันต์ก็เกิดเหตุอัศจรรย์อันไม่เคยบังเกิดมีมาก่อน
ครั้นพระโพธิสัตว์เจ้าทรงบำเพ็ญปุตตทานแล้ว เกิดความปีติโสมนัสในใจว่า "โอ ทานของเรา เราได้ให้ดีแล้วหนอ" ทรงทอดพระเนตรดูพระกุมารพระกุมารี ซึ่งมีใจเด็ดเดี่ยวดุจพระองค์ แต่ก็ยังกันแสงอยู่ ด้วยความคิดถึงพระบิดาที่จำต้องจากไป ฝ่ายชูชกเข้าไปป่าเอาฟันกัดเถาวัลย์ถือมาผูกพระหัตถ์ขวาของพระชาลีกุมารและพระหัตถ์ซ้ายของพระกัณหาชินากุมารี ถือปลายเถาวัลย์ไว้ แล้วเฆี่ยนตีต่อหน้าพระเวสสันดร สั่งให้ทั้งสองหยุดร้องไห้ จากนั้นก็ฉุดดึงพระกุมารทั้งสองออกจากป่าไป
นี่เป็นตอนหนึ่งของการบริจาคปุตตทาน คือ พระโอรส และพระธิดาเป็นทาน เมื่อพวกเราได้ยินได้ฟังแล้ว อย่าเข้าใจผิด คิดว่า การสละลูกเป็นทานเป็นการทรมานหรือโยนความทุกข์ ให้กับลูก เพื่อหวังความสุขให้กับตนเองหรือเพื่อหวังอะไรอย่างอื่น เพราะพูดถึงเรื่องการให้ทานเพื่อจะมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทานที่พระองค์ทำในครั้งนี้ เป็นมหาทานบารมีที่จะทำให้บารมีของพระองค์เต็มเปี่ยม
ส่วนพระโอรส และพระธิดาไม่ได้ถูกพระเวสสันดรขับไล่ หรือบีบบังคับให้พราหมณ์ชูชกเพราะความรังเกียจ แต่เป็นความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย ทั้งพระบิดาและพระโอรสพระธิดาที่จะทำความปรารถนาของพระบิดาให้เต็มเปี่ยม อีกทั้งพระโอรสพระธิดาทั้งสองก็มีชาติเชื้อของนักสร้างบารมีด้วย มีธาตุของผู้มีพระนิพพานเป็นเป้าหมายเหมือนกัน และก็เคยสร้างบารมีร่วมกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว
เพราะฉะนั้น ต้องใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรองกันให้ดี จะได้ไม่สับสนหรือเข้าใจผิด เมื่อเข้าใจถูกต้อง จะได้ชื่นชมในวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของพระโอรสพระธิดาทั้งสอง ที่หวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการยังความปรารถนาของพระโพธิสัตว์ให้เต็มเปี่ยม คือได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในอนาคตกาล
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. เวสสันตรชาดก เล่ม ๖๔ หน้า ๖๙๔

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา