28 พ.ค. 2020 เวลา 14:02 • ประวัติศาสตร์
Taking Up The Runes by
Diana L. Paxson
1 การพยากรณ์ด้วยอักษรูนส์ ผ่านหูตาข้าพเจ้ามาได้สัก 2 ปีแต่มิได้คิดจะศึกษาด้วยเห็นว่าขัดกับทัศนะพื้นฐานของข้าพเเจ้าที่เห็นว่าเป็นกระบวนการพยายามทำสัญลักษณ์ให้ศักสิทธิ์เพื่อประโยชน์แก่วงการไสยศาสตร์และพิธีกรรมเนื่องจากอักษร Runes ที่พวกยุโรปเหนือโบราณใช้ ไม่ใช่อักษรภาพ (Pictographic) แบบทางตะวันออก เช่นอียิปต์ เมโสโปเตเมีย ทวีปอเมริกา หรือจีน แต่เป็นตัวอักษรแสดงเสียง (Phonetic) แบบที่พวกยุโรปใช้กันทั่วไปตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
แต่ละตัวอักษรจึงไม่มีความหมายในตัวเองตามรูปที่เห็น แต่ความหมายเกิดจากเสียงอ่าน ที่ผสมกับอักษรตัวอื่นๆซึ่งสามารถแปรเปลี่ยนไปตามบริบทของสังคมในแต่ละยุคสมัย สรุปก็คือความหมายที่ให้กำกับอักษรรูนส์แต่ละตัวขึ้นกับเรื่องเล่าในแต่ละยุคสมัยขึ้นกับว่าใครเป็นผู้เล่า
2 ยิ่งพอได้มาอ่านหนังสือการพยากรณ์ด้วยอักษรรูนส์ฉบับแปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยอยู่เล่มหนึ่งซึ่งคนแปลก็ไม่ได้อ้างอิงว่าแปลมาจากตำราเล่มไหน พบว่าเนื้อหาแทบทั้งหมดในนั้น เต็มไปด้วยเรื่องเล่าเทพนิยาย สถานที่โบราณของชาวยุโรปเหนือ ที่ถูกปรุงแต่งให้พิศดารขึ้นมาโดยนักเขียนนิยาย ผู้ผลิตเกมส์และภาพยนต์ไซไฟแฟนตาซีทั้งหลายในยุคไม่กี่สิบปีนี้เอง
3 จนกระทั่งได้มาเจอหนังสือเล่มนี้ที่พวกฝรั่งที่ศึกษาการพยากรณ์ด้วยอักษรรูนส์เขาวิจารณ์กันว่าดีนักดีหนา เทียบได้คัมภีร์ไบเบิ้ลแห่งวงการรูนส์ก็ว่าได้ เลยตัดสินใจเสาะหามา
หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงประวัติความเป็นของตัวอักษรรูนส์ทั้ง24ตัวที่เรียกว่า The Old Futhark ซึ่งคำว่า Futhark นั้นนำมาจากอักขระตัวแรกของคำอ่านตัวอักษรรูนส์หกตัวแรกได้แก่ fehu, uruz, thurisaz, ansuz, raidho, kenaz นั่นเอง
4 ในครึ่งแรกของหนังสือที่มีเนื้อหาราว 14บทหรือ250หน้า กล่าวทั้งความหมายรูนส์ทั้ง 24ตัว ตามลำดับอักษร โดยบรรยายทีละคู่ในแต่ละบท ที่สังเกตจากการสุ่มอ่านได้ว่าในแต่ละคู่มีความหมายเชื่อมโยงหรือสัมพันธ์กัน
ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างสรุปคำบรรยายของผู้เขียนด้วยการเปิดดูเนื้อหาในบทที่สองที่กล่าวถึงอักษรรูนส์ตัวแรกคือ fehu(เฟฮู) ลักษณะเหมือนตัว F ที่ขีดนอนเฉียงขึ้น มีภาพสเกตประกอบเป็นรูปเขาวัวลักษณะคล้ายตัว F (หรือความเชื่อของข้าพเจ้าที่คิดว่ารูนส์ไม่ใช่อักษรภาพคงผิด?)
5 ผู้เขียนเริ่มจากการให้ความหมายตามสมัยโบราณ(Ancient Meanings) ของเฟฮู ที่แปลว่าความมั่งคั่ง(WEALTH) เนื่องจากคนยุโรปสมัยโบราณวัดความร่ำรวยของบุคคด้วยจำนวนวัว(cattle) ที่ครอบครองอยู่ ผู้เขียนยังยกโคลงสุภาษิตโบราณที่เขียนโดยอักษรรูนส์ของพวกแองโกลแซกซอน (อังกฤษโบราณ) นอร์เวร์ ไอซ์แลนด์ และเยอรมันมาประกอบเพื่อยืนยันความหมายดังกล่าว โดยไม่ต้องตีความขึ้นใหม่(มโนเอาเอง)
6 ผู้เขียนยังได้เสริมความหมายยุคปัจจุบัน (Modern Meanings) ของเฟฮูตามทัศนะหลากหลายของหมอดูซึ่งมีตั้งแต่ความหมายเชิงไสยศาสตร์(Mythology) ซึ่งนำไปผูกกับเรื่องราวของเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยของยุโรปเหนือที่มีชื่อว่า Freyr และ Freyja เนื่องจากมีชื่อเรียกพ้องเสียงกัน ไปจนถึงความหมายที่หมอดูใช้แปลในทางปฏิบัติคือการมีเงินมีทอง(money and gold)
7 สุดท้ายผู้เขียนแนะนำวิธีการแปลความหมายและการใช้งาน (Interpreting and Using) โดยเฟฮู เป็นจัดเป็นรูนส์แห่งผลิตภาพ (productivity) ที่บ่งบอกถึงความคิดสร้างสรรค์เชิงศิลปะและจิตวิญญาณ กายภาพแข็งแรงในการขยายพันธุ์/มีลูกหลาน ความสามารถในการสร้างและรักษาความมั่งคั่ง สถานภาพทางการเงินและสุขภาพที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น
หากนำไปจารึกในบทสวด (เพื่อขอพร) ต้องใส่ความหมายเฉพาะเจาะจงที่เราต้องการ ไม่งั้นอาจกลายเป็นหมาแมวภายในบ้านที่เพิ่มจำนวนขึ้นแทนที่จะเป็นจำนวนเงินในบัญชี
เฟฮูยังใช้ในการจัดสวน หากต้องการให้พืชพันธ์และดอกไม้ในสวนเจริญงอกงาม ให้เขียนอักษรเฟฮู(F) บนรั้ว บนแผ่นป้ายที่ปักลงดิน หรือกรณีเป็นกระถาง ก็เขียนบนแผ่นป้ายชื่อพันธ์ุไม้
หากเฟฮูอยู่กับรูนส์แห่งความระวังตัว(caution) จะบ่งบอกถึงความถดถอยของสภาพร่างกายและอารมณ์ ความยากจน ความไม่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่
หากนำรูนส์เฟฮูมาสลักไว้บนฝ่ามือ จะช่วยเพิ่มพูนเสน่ห์และแรงดึงดูดทางเพศ
เฟฮูยังใช้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความมั่งคั่งของคู่แต่งงาน
สำหรับการพยากรณ์ การแปลความหมายของรูนส์เฟฮูจะเกี่ยวข้องกับเรี่องใดก็ได้ที่กล่าวมาแล้วขึ้นกับธรรมชาติของคำถามและอักษรรูนส์อื่นที่เกี่ยวข้อง
8 เนื้อหาในบทที่สองยังกล่าวถึงอักษรรูนส์ตัวถัดไปคือuruz (อูรูน) ที่มีรูปร่างคล้ายตัว n หรือ ก ซึ่งความหมายดั้งเดิมคือวัวป่า (Aurochs) ตัวใหญ่แถบยุโรปบางทีก็เรียกว่าไบซัน ความหมายดั้งเดิมมีหลายสำนวนแต่ภาพรวมมีนัยถึงพลังในการสร้างสรรสิ่งใหม่ หลังจากนั้นผู้เขียนอธิบายเพิ่มเติมตามรูปแบบข้างต้นคือความหมายสมัยใหม่ การแปลความหมายและการนำไปใช้
9 ในครึ่งหลังของหนังสือ มีขนาดความยาวราว 240หน้าหรือราวครึ่งหนึ่งของเล่ม กล่าวถึงพิธีกรรม(Rituals) ของชาวยุโรปที่มีการใช้รูนส์ในโอกาสต่างๆเช่นการใช้เป็นบทเพลงขับร้อง บทกวี บทสวดขอพรต่อพระเจ้า และการทำสมาธิ ที่เกิดจากการนำอักษรรูนส์มาผสมกัน
10 ที่น่าสนใจและข้าพเจ้าคิดว่าเป็นหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้ อยู่ในช่วงต้นของครึ่งหลัง คือการแนะนำบทเพลงที่ชื่อว่า Futhark Song โดย Jennifer Tifft (ลองหาดูได้จากYouTube) เป็นการเอาอักษรรูนส์ทั้ง 24 ตัวมาขับร้องเป็นเพลงตามลำดับอักษร คล้ายกับที่ข้าพเจ้าเคยร้องเพลง ABC ตอนเด็กๆ เชื่อว่าเพลงนี้น่าเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจรูนส์จริงๆในการรู้ว่าฝรั่งอ่านออกเสียงรูนส์แต่ละตัวอย่างไร และช่วยง่ายต่อการจำด้วย ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นรากฐานสำคัญในการศึกษาเรื่องรูนส์
11 กล่าวโดยสรุป หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาที่ไปไกลเกินกว่าการพยากรณ์ด้วยอักษรรูนส์ ทั้งยังทำให้ข้าพเจ้าตระหนักว่ารูนส์เป็นส่วนหนึ่งของลัทธิความเชื่อ ไสยศาสตร์และพิธีกรรม ถึงได้สามารถสืบทอดผ่านฝรั่งกลุ่มหนึ่งมาได้นานหลายร้อยปี ทำให้ข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินฝรั่งพูดผ่านยูทูปว่ารูนส์ไม่ใช่อักษรรูนส์ (Runes are not alphabet) ซึ่งข้าพเจ้าก็เพิ่งเข้าใจหลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้
โหราทาส
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓
หมายเหตุ:
แต่โบราณพวกฝรั่งเร่ร่อนกระจัดกระจายกันหลายเผ่าตามยุโรปเหนือ ไม่มีระบบเขียนเป็นมาตรฐานแน่นอน พอสังคมเริ่มเจริญหันมาเลิกใส่หนังสัตว์ พัฒนาเป็นชาวเมือง ราว ค.ศ.150 ก็เลยยืมตัวอักษรของอิทรัสคันที่อยู่แถวอิตาลีตอนเหนือที่เป็นบรรพบุรุษของพวกโรมัน มาเป็นอักษร Runes เพื่อช่วยถ่ายทอดเสียงอ่านเป็นภาษาเขียน
ส่วนการนำอักษร Runes ที่เป็นอักษรเสียงมาตีความเป็นอักษรภาพ น่าเกิดขึ้นในยุคกลางหลายร้อยปีให้หลังโดยพวกนักเล่นแร่แปรธาตุพ่อมดหมอผีหมอดูนักไสยศาสตร์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา