29 พ.ค. 2020 เวลา 00:00 • ครอบครัว & เด็ก
เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๓ ( บริจาคพระนางมัทรี )
เราตถาคตเมื่อสละชาลีโอรส กัณหาชินาธิดา และมัทรีเทวีผู้เคารพต่อภัสดา มิได้คิดเสียดายเลย เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น ลูกทั้งสองเป็นที่เกลียดชังของเราก็หามิได้ มัทรีเทวีไม่เป็นที่รักของเราก็หามิได้ พระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรายิ่งกว่า เพราะฉะนั้นเราจึงได้ให้บุตรธิดา และเทวีผู้เป็นที่รักเสีย …
ชีวิตของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อม และนำไปสู่ความตาย เราจึงไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต ควรมองให้เห็นโทษของความเสื่อม จะได้คลายความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงในโลก เราเกิดมาเพียงแค่อาศัยสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ ไว้ใช้สร้างบารมี ใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำทาน รักษาศีลให้บริสุทธิ์ และทำสมาธิ(Meditation)เจริญภาวนาได้อย่างสะดวก อย่าไปคิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เมื่อปล่อยวางจากสิ่งที่ไม่เป็นจริงแล้ว ใจของเราจะได้มุ่งสู่สิ่งที่เป็นจริงของชีวิต  ที่เรียกว่า อริยสัจ มีใจมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน เราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงกันทุกคน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน เวสสันดรชาดก ว่า
 
"เราตถาคตเมื่อสละชาลีโอรส กัณหาชินาธิดา และมัทรีเทวีผู้เคารพต่อภัสดา มิได้คิดเสียดายเลย เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น ลูกทั้งสองเป็นที่เกลียดชังของเราก็หามิได้ มัทรีเทวีไม่เป็นที่รักของเราก็หามิได้พระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรายิ่งกว่า เพราะฉะนั้นเราจึงได้ให้บุตรธิดา และเทวีผู้เป็นที่รักเสีย"   
 
เมื่อพระเวสสันดรโพธิสัตว์ทรงบริจาคปิยบุตรมหาทานแล้ว หมู่เทวดาที่อยู่บริเวณป่าหิมพานต์ ต่างปรึกษากันว่า ถ้าพระนางมัทรีเสด็จมาสู่อาศรมสถานแต่วัน แล้วไม่เห็นพระโอรสธิดาในอาศรม และหากรู้ว่าพระเวสสันดรได้บริจาคแก่พราหมณ์ชูชกไปแล้ว พระนางคงจะเสด็จวิ่งตามไปด้วยความรักเป็นกำลัง ทำให้เสวยทุกข์ใหญ่ และอาจขัดขวางการบริจาคบุตรเป็นทานของพระสวามีได้ เหตุเพราะความรักของแม่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ความปรารถนาของพระโพธิสัตว์ก็อาจจะไม่เป็นผลสำเร็จ
เทพบุตร ๓ องค์ จึงจำแลงกายเป็นราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลือง นอนกั้นทางเสด็จกลับอาศรมของพระนางมัทรี จนกว่าดวงอาทิตย์จะอัสดงคต ฝ่ายพระนางมัทรีหวั่นพระหฤทัยว่า เมื่อคืนตนได้ฝันร้าย วันนี้จะต้องเกิดเหตุร้ายอย่างแน่นอน จึงรีบกลับสู่อาศรมแต่วัน ในขณะเดินทางกลับ เกิดเหตุลางสังหรณ์หลายอย่าง เช่น เสียมหลุดจากพระหัตถ์ กระเช้าหลุดจากบ่า พระเนตรเบื้องขวาก็เขม่น พฤกษาชาติที่มีผลก็เหมือนกับไม่มีผล พฤกษาชาติที่ไม่เคยมีผลก็เหมือนกับว่ามีผลดก  ทิศทั้งสี่ก็กำหนดไม่ได้
ยิ่งเมื่อมาเจอสัตว์ร้ายนอนขวางทางอยู่ข้างหน้าพระนางก็ตกพระทัย ได้แต่อ้อนวอนสัตว์ร้ายทั้งสามว่า "เราเป็นมเหสีของพระเวสสันดร เป็นผู้ไม่ล่วงเกินพระราชสวามี ดุจนางสีดาผู้ไม่ล่วงเกินพระราชสวามี ขอท่านทั้งหลายจงให้ทางแก่เราด้วยเถิด" แม้พระนางจะอ้อนอย่างไร สัตว์ทั้งสามก็ไม่หลีกหนี จวบจนพลบคํ่าจึงหลีกเข้าป่าไป พระนางมัทรีรีบเดินทางกลับอาศรมทันที มองไม่เห็นพระโอรสพระธิดา ก็รีบเสด็จไปเฝ้าพระเวสสันดร ทูลถามถึงพระโอรสพระธิดาทั้งสอง
 
    ครั้งแรกพระเวสสันดรยังไม่ให้คำตอบพระนาง เพราะเกรงว่า ความพลัดพรากระหว่างมารดากับลูกนั้น อาจทำให้นางต้องสลบหรือตรอมใจตายในขณะนั้น จึงทำเป็นกล่าวโทษพระนางว่ากลับมามืดคํ่า ไม่เป็นห่วงเป็นใยพระองค์ และบุตรธิดาที่รอคอยอยู่ พระนางมัทรีได้สดับพระราชดำรัสเช่นนั้น จึงทูลเล่าเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
 
    พระเวสสันดรทรงเปิดเผยว่า บัดนี้พระองค์ได้บริจาคกัณหาชาลีให้กับพราหมณ์ชูชกไปแล้ว ขอพระนางจงอนุโมทนาในปิยปุตตทานอันประเสริฐนี้เถิด พระนางมัทรีตกพระทัยจนถึงแก่วิสัญญีภาพสลบล้มลง เพราะความโศกที่บุตรทั้งสองต้องพรากจากไป
ด้วยอาการตกพระทัยว่าพระนางคงสิ้นพระชนม์ พระเวสสันดรจึงเข้าไปประคองนางไว้ที่ตัก รีบแก้ไขให้พระนางฟื้น เอาน้ำลูบหน้าให้หายจากอาการสลบไสล สักครู่พระนางมัทรีก็ได้สติรู้สึกตัวขึ้น ทรงเกิดหิริโอตตัปปะ รีบลุกขึ้นกราบขอขมาพระโพธิสัตว์ พลางทูลว่า "ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันขออนุโมทนาปิยปุตตทานอันอุดมของพระองค์ พระองค์ทรงบริจาคทานแล้ว จงยังพระหฤทัยให้เลื่อมใส ขอจงทรงบำเพ็ญทานให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด"    ทันทีที่พระนางมัทรีพูดจบ ปฐพีก็บันลือลั่น เสียงสาธุการ ได้ก้องไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า แม้เหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ซึ่งมีพระอินทร์เป็นหัวหน้า ต่างพากันอนุโมทนาทานของพระนางอีกด้วย เมื่อกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ตรัสสัมโมทนียกถาต่อกันอย่างนี้ ท้าวสักกเทวราชทรงดำริว่า "เมื่อวานพระเวสสันดรได้ประทานปิยปุตตทานแก่ชูชก ถ้าจะมีคนต่ำช้าผู้หนึ่งไปเฝ้าพระเวสสันดรทูลขอพระนางมัทรี ทำให้พระเวสสันดรต้องอยู่คนเดียว พระองค์ก็จะไม่มีผู้ปฏิบัติดูแล"
*พระอินทร์จึงจำแลงเป็นพราหมณ์ไปเฝ้าพระเวสสันดร พลางกล่าวว่า "ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ข้าพระองค์เป็นคนแก่ เดินทางดั้นด้นมาในป่าใหญ่แห่งนี้ เพื่อทูลขอพระนางมัทรีอัครมเหสีของพระองค์ ขอพระองค์โปรดประทานพระนางมัทรีแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ข้าแต่มหาราชเจ้า ห้วงน้ำซึ่งเต็มเปี่ยมตลอดเวลา ไม่มีเวลาเหือดแห้ง ฉันใด พระองค์มีพระหฤทัย เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา ฉันนั้น ข้าพระองค์มาเพื่อทูลขอพระนางมัทรีกับพระองค์ ขอพระองค์โปรดพระราชทานพระมเหสีแก่ ข้าพระองค์ด้วยเถิด"
 
        พระโพธิสัตว์ได้สดับเช่นนั้น แทนที่จะตรัสว่า เมื่อวานอาตมาได้ให้บุตรธิดาแก่พราหมณ์ไปแล้ว อาตมาจะต้องอยู่ในป่ารูปเดียวเท่านั้น จักให้มัทรีแก่ท่านได้อย่างไร กลับมีความปีติโสมนัสที่พระองค์ยังมีโอกาสที่จะได้ทำทานให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก จึงตรัสว่า "ดูก่อนพราหมณ์ อาตมาจะให้ในสิ่งที่ท่านขอมา อาตมาไม่หวั่นหวาดต่อการบริจาคภรรยาเป็นทาน ใจของอาตมายินดียิ่งในทาน"    พระนางมัทรีทรงบันลือสีหนาท ตรัสบอกพระสวามีว่า "หม่อมฉันผู้ยังเป็นสาว เป็นเทวีของพระราชาองค์ใด พระราชาองค์นั้นเป็นพระภัสดาผู้เป็นใหญ่ของหม่อมฉัน พระองค์ทรงปรารถนาจะพระราชทานแก่บุคคลใด ก็จงพระราชทานแก่บุคคลนั้น หรือจะพึงขายพึงฆ่าเสียก็ย่อมได้ เพราะฉะนั้น พระองค์จงกระทำสิ่งที่ทรงชอบพระทัยเถิด หม่อมฉันไม่โกรธ"  ตรัสดังนี้แล้ว ทรงหลั่งน้ำทักษิโณทกลงในมือของพราหมณ์ พระราชทานปิยทารทานแก่พราหมณ์ ทันทีที่หลั่งน้ำทักษิโณทก สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายก็บังเกิดขึ้นอีก พระนางมัทรีทรงดุษณีภาพ ไม่ทรงขวยเขิน และไม่ทรงร้องไห้ ทรงยินดีในทานที่พระสวามีอาศัยพระนางเป็นเครื่องบริจาค
 
    ขณะนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงรู้อัธยาศัยอันประเสริฐของสองกษัตริย์ จึงทรงชมเชยอีกทั้งประกาศกับเหล่าเทวาทั้งหลายว่า "ข้าศึกทั้งหลายทั้งที่เป็นของทิพย์ และของมนุษย์ บัดนี้พระองค์ทั้งสองทรงชนะแล้ว ปฐพีบันลือลั่น เสียงสาธุการก้องไปถึงสวรรค์ชั้นไตรทิพย์ สายฟ้าก็แลบแปลบปลาบไปโดยรอบ เสียงโกลาหลนั้นปรากฏดังภูเขาจะถล่มทลาย" เทพนิกายทั้งหลาย ต่างอนุโมทนาแซ่ซ้องสาธุการแก่สองกษัตริย์
เราจะเห็นว่า พระโพธิสัตว์เจ้าผู้เป็นต้นแบบในการสร้างบารมีนั้น กว่าจะได้ตรัสรู้ธรรมาภิสมัย ต้องสร้างมหาทานบารมีชนิดที่ต้องสละทั้งทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่าทุกอย่าง ต้องบริจาคพระโอรสพระธิดาและมเหสี ฉะนั้นเมื่อมีเป้าหมายใหญ่ก็ต้องใช้ความเพียรพยายามมาก ถ้าปรารถนาจะหมดกิเลสไปสู่อายตนนิพพาน ต้องทุ่มเทสร้างบารมีให้เต็มที่ ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน อีกทั้งยังต้องทำกันไปเป็นทีมใหญ่อีกด้วย
 
    เพราะฉะนั้น  เมื่อจะทำบุญอะไร นอกจากทำเองแล้ว อย่าลืมชักชวนคนอื่นด้วย ให้มีหัวใจของนักสร้างบารมีเหมือนพระบรมโพธิสัตว์ และความปรารถนาของพวกเราจะสำเร็จเป็นอัศจรรย์อย่างแน่นอน
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. เวสสันตรชาดก เล่ม ๖๔ หน้า ๗๓๗

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา