30 พ.ค. 2020 เวลา 08:48 • ธุรกิจ
คนเก็บเงินสด /cash/ กันมากขึ้น จากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจไวรัสโควิด 19
ภาพจาก fred คือ อัตราการออมเงิน
เมื่อวานไปค้นเจอข้อมูลที่น่าสนใจ จากเว็บของเฟด คือข้อมูลของอัตราการออมเงิน ของประชาชนในอเมริกา
ปกติคนอเมริกาจะออมเงินประมาณ 5 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้เท่านั้น
ปรากฏว่าช่วงวิกฤตที่ผ่านมา 1-2 เดือน อัตราการออมเงินสูงขึ้นถึง 33 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งแปลความได้ว่า ในช่วงวิกฤตนี้คนเก็บเงินสดไว้มากขึ้นอย่างมาก สะท้อนถึงความกลัวในภาวะเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
อย่างที่ผู้เขียนเคยเขียนบทความก่อนหน้านี้ สะท้อนให้เห็นว่า ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ คนส่วนมากก็จะขายสินทรัพย์ทุกอย่าง เช่น หุ้น ทองคำ เพื่อเก็บเงินสดไว้
ซึ่งกราฟนี้ก็แสดงให้เห็น ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้จริงๆ ทุกคนพยายามเก็บเงินสดไว้
การตัดสินใจนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ถ้าธนาคารกลางไม่เข้ามาแทรกแซงปริมาณเงินในระบบ หุ้นจะค่อยๆตกไปเรื่อยๆ อย่างดาวโจนส์ก็จาก 30,000 จุดก็จะลงไปเหลือ 6,000 ชุดในเวลา 2 ปี
หรือถ้าเป็นดัชนีหุ้นไทย ก็จะลงจาก 1,600 จุดไปเหลือประมาณ 400 จุด
คนที่เก็บเงินสดไว้ก็จะมีโอกาส เข้ามาช้อนซื้อหุ้นในราคาที่ถูก
แต่พอธนาคารกลางเข้ามาแทรกแซงเพิ่มปริมาณเงินในระบบ หรือ money supply
ภาพจาก fred เงินในระบบถูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น flash price เลยทีเดียว
วัฏจักรจริงจึงถูกบิดเบือน ดาวโจนส์แทนที่จะลงไป 6,000 จุดก็จะกลับไปที่ 30,000 จุดแทน
และหลังจากที่วิกฤตเริ่มคลี่คลาย การหมุนเวียนของเศรษฐกิจหรือ velocity กลับคืนมา
ดัชนีหุ้นไทยก็จะไปเทรดแถว 4-5 พันจุด และดาวโจนส์ก็ไปเทรดแถว 100,000 จุด อย่างน่าอัศจรรย์ ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า
ส่วนราคาทองคำก็จะน่าจะค่อยสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงในระดับราคา 5,000-10,000 เหรียญต่อไป
ถ้าชอบบทความนี้อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดี ๆ ต่อไป
โฆษณา