2 มิ.ย. 2020 เวลา 09:17 • บันเทิง
ตอนที่ 3 เริ่มถ่ายได้แล้ว~~~ เฮ้ย! ทำไมถึงมาสายยยยยย
หลังเตรียมบทเสร็จสรรพ
แต่ทีมงานไม่พร้อมเลยซักคนเดียว
เหตุประการเพราะแต่ละคนก็เอาแต่ไปทำโปรเจคจบกันหมด
(หรือมาก็มาสายมากกกกกกกก)
ไมใช่แค่ทีมงานเบื้องหลังอย่างเดียวที่มาสาย
นักแสดงโจนาธานกูก็ด้วย
ขอย้อนกลับไปถึงการตามล่านักแสดงมาสู่หนังเรื่องนี้ก่อน
คนที่แสดงเป็นโจนาธาน ชื่อว่าค็อปเปอร์
พ่อเป็นฝรั่งแม่เป็นไทย
เรียนสาขาการโรงแรม
รู้จักกับเจ้านี้เมื่อตอนถ่ายหนังเรื่อง
สนามเด็กเล่น
คือมันติดสอยห้อยตามนักแสดงในเรื่องสนามเด็กเล่นมาด้วย
พอได้เห็นก็เลยคิด อืม...มึงคือพระเอกเรื่องต่อไปของกู
พอถึงวันที่หาคนแสดงเดอะวิวเวอร์
ลองโทรไปหาดู เครม ๆ บทไป
พอเจ้าหมอนี้อ่านเท่านั้นแหละ
เขาก็ทำท่ายืนแอ่น ๆ แบบกาตูนโจโจ้ใส่ผมทันที
เออ กูรู้ละมึงเล่นได้
เปอร์ในกองหนังสั้นเรื่อง สนามเด็กเล่น
ส่วนไอ้เด็กแม็ค ตัวจริงชื่อเล้ง พ่อแม่ไทยทั้งคู่
รู้จักกันตั้งแต่ม.ต้น
ติดสอยห้อยตามมาเรียนสาขาเดียวกัน
รั้วเดียวกัน
เว้นแต่อยู่กันคนละห้อง
มันก็เป็นนักแสดงขาประจำอยู่แล้วไม่มีไร
นัดทีมงาน นักแสดงไว้ ถึงวันถ่ายจริง
อีสัส มากันอยู่ 4 คน
รวมนักแสดงด้วยนะ ตากล้องก็ไม่มา ก็เลยเป็นว่า
กูถ่ายเองใช่มั้ย เออกูถ่ายเองก็ได้
ก็จะมีวันที่คนมาครบก็แค่ฉากที่ใช้ตัวประกอบเยอะ ๆ เท่านั้น
และมันมีฉากเดียวไง....
นั้นคือซีน นักเรียนวิ่งไล่จับโจร
เหล่านักวิ่งทั้งหลาย
ในซีนคือมีคนรีเควสว่าป้าโดนฉกกระเป๋าตัง
เหล่านักเรียนอาชีวะที่อยู่เดอะวิวเวอร์เลยพากันไล่กระทืบโจร
ขณะที่กำลังจะไปถ่ายซีนนี้
ฝนก็ตก (Fuck)
เลยนั่งรอฝนหยุด
ดูอยู่ไม่นานมาก
จากนั้นก็มูฟทีมไปที่หนองประจักษ์
ฟ้าหลังฝนมันสวยมากเมื่ออยู่ในกล้อง
บวกกับสถานณ์ในซีนมันเข้ากันได้ดีมกา
นับว่าพระเจ้าเป็นใจอย่างยิ่งที่ประทานฝนลงเม็ด 20 วินาทีให้
แต่เพราะเป็นฉากวิ่งนี่แหละ
นักแสดงเลยวิ่งได้ไม่เต็มตีนนัก
เพราะมันลื่น
(แต่ขนาดวิ่งได้ไม่เต็มตีนมันก็ยังแสดงความบ้าออกมาได้เต็มที่อยู่ดี)
เทคแรกนักเรียนวิ่งกันแล้วพากันตะโกนแหกปาก อ๊ากกกก ไปด้วย
คือมันเว่อไป เฮ้ย! เลยถ่ายใหม่อีกไม่กี่เทค ก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย
เป็นซีนที่ถ่ายง่ายที่สุดละ
เพราะด้วยธรรมชาติของพวกเขาเหล่านี้ความบ้าคลั่งมันเป็นสายเลือด
สุดท้ายซีนนี้จบลงที่
โจรโดนนักกล้ามสองคน ที่มายืนด้านหน้าฟาดเข้าให้
นักกล้ามคนนั้นคือนายชัยวัฒิ และ นายเรียว
เป็นซีนที่ใช้คนได้สิ้นเปลืองที่สุดในการทำหนังสั้นมา
(และหวังว่าอนาคตจะมีโอกาสได้ใช้สิ้นเปลืองแบบนี้อีก)
แต่ใจจริงก็อยากให้มันเยอะกว่านี้อยู่นะ
และอยากให้เว่อกว่านี้ด้วย
แต่มันก็ได้แค่นี้ก็
โอเค
นักกล้ามชัยวัฒิ
ฉากถัด ๆ มาก็มีเจ้าสน
ผู้เป็นตากล้องขาประจำหมายเลขสองมาประกบด้วยเสมอ ๆ
(สาเหตุหมายเลขสองเพราะเป็นตากล้องคนที่สองที่ร่วมงานด้วย ส่วนอีคนแรกไปไหน อ๋อ....ติดเมีย.........จริงครับ เรื่องจริง)
ก็เลยดั้นด้นถ่ายเรื่องนี้ไปด้วยทีมงานเบื้องหลังจริง ๆ
มีกันอยู่ไม่กี่คน
แล้วก็ทีมงานบางคนที่เห็นในวิดีโอเบื้องหลังละ
ไม่ได้มาด้วยหรือ?
คือว่าสนไม่ได้อยู่กลุ่มวิชาหนังสั้นเดียวกับผม
มันอยู่อีกกลุ่ม แล้ววันนั้นเราถ่ายชนกัน ก็เลยเอาวะ
กูช่วยมึง มึงช่วยกู
การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมยังไงละ
แต่ก็ปกตินั้นแหละ
เนื่องด้วยสาขาผมคือ
คอมกราฟิก
มิหมายเป็นภาพยนตร์
จะให้ทุกคนมาทุ่มให้กับสิ่งที่ผมรักและปราบปรื้มอยู่ฝ่ายเดียว
คงเป็นไปได้ยาก
แต่ละคนก็อยากทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำนั้นแหละ
เพียงแต่มันเจือกมีวิชาทำหนังสั้นไงประเด็น
และอีกครั้งต่ออีกครั้งที่นักแสดงโจนาธานกูมาสายอยู่ล่ำไป
แต่ถึงจะมาสายปานใด
เขาแสดงสปิริตด้วยการท่องจำบทพูดที่ยาวถึง 7 บรรทัด
พูดรวดเดียวโดยไม่..........ไม่คัทก็เชี่ยละ
ช็อตที่ต้องพูดยาวเฟื้อย + เมฆฝนที่กำลังมาให้บรรยากาศไปอีกแบบ แม้ใจจะต้องการแสงแดดอุ่น ๆ แต่ก็นะ มันเป็นไปแล้ว
สิบกว่าเทคกว่าจะพูดหมดประโยคได้
อันที่จริงซีนนี้ ถ่ายไปแล้วรอบนึง
แต่แบตหมดกลางคันเลยไม่ได้ถ่ายต่อ
พอวันต่อ ๆ มา ถ่ายซีนอื่น ๆ ไปก่อน
เพราะได้รู้แล้วว่าซีนนี้ยากสำหรับนักแสดง
แต่พอมาถ่ายอีกรอบ ก็เออ มันพูดได้คล่องขึ้นเว้ย
คราวนี้ที่น่าเศร้าสุดคือ
ซีนหนึ่งที่เหมือนข้าพเจ้าไปทำร้ายรุ่นน้องที่จะมาแสดงตัวประกอบให้
คือนัดมา 8 โมง แต่โจนาธานแม่งมาบ่าย น้องเลยขอกลับก่อน
เลยแบบ.......อืมมมมมมมมมมมมม พี่ขอโต๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
ก็นับว่านี้เป็นหนังเรื่องสุดท้ายของปี 3 ปวช.
ที่ทุรักทุเรสุด
แต่ก็ดั้นด้นทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตาจนรอดมาได้
แต่ในตอนนั้นผมไม่ใช่ในตอนนี้
ตอนนั้นผมร้องให้....ผมร้องให้กับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามหวัง
ผิดหวังกับทีมตัวเองที่บอกว่าจะมาแต่พอถึงวันก็กลับลำ
ผิดหวังกับการมาสายของนักแสดง
ที่ไม่ว่าจะพูดเท่าไรก็เหมือนเดิม
ผิดหวัง ผิดหวัง ผิดหวัง ผมร้องให้ แล้วก่นด่าตัวเอง ถามตัวเอง
ว่าฉันทำอะไรอยู่ ฉันทำไปเพื่ออะไร แล้วฉันจะได้อะไรกับมันหรือ
ฉันจะได้อะไรกับมันกันแน่
หลุมมืดมันดูดกลืนผมเข้าไปทั้งกายและจิตใจไม่เหลือเนื้อตัวประดาสิ้น
แต่แล้วหลังจากถ่ายเสร็จ
ตัดต่อเสร็จ(ข้าพเจ้าตัดเอง)
เอามาเปิดดูกันในห้องเรียน
ครูและเพื่อน ๆ กลุ่มอื่น ก็ต่างหัวเราะ
ขบขัน ไปกับมัน ไปกับมุขตลดฝืด ๆ ที่ใส่ลงไป
จอยไปกับจังหวะเล่าเรื่องที่เราลังเลอยู่นานว่าจะทำดีหรือเปล่า
แต่พวกเขาชอบ
ผมถามตัวเองว่าผมทำหนังไปเพื่ออะไร
ผมอยากเป็นคนทำหนังจริง ๆ
หรือ ถ้าหากมันต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้
แต่พอผมได้เห็นสีหน้าของแต่ละคน
ที่ชื่นชอบหนังของผม ผมกลับโคตรมีความสุขเลยวะ
ความเหนื่อย ความผิดหวังมลายไป ผมจึงได้รู้ว่า
นี่คือจุดเริ่มต้นของปฏิพัทธิ์ อัคราพูนรัตน์ไง
มันคือจุดเริ่มต้นของผม
เพราะว่าผมมีความฝัน
และลงมือทำ มันจึงได้มีอุปสรรค และความเจ็บปวด
แต่อุปสรรคเหล่านั้นเองที่พร่ำสอนให้ผมเติบโต
เมื่อถึงวันที่ได้คนครบ
คนที่พร้อมจะก้าวไปกับเราอย่างจริงจัง
คนที่มีความฝันอันเดียวกัน
จุดมุ่งหมายเดียวกัน
เมื่อวันที่ผมได้อยู่ร่วมกับคนเหล่านั้นมาถึง
ผมจะไม่หวั่นเกรงอีกต่อไป
เพราะผมผ่านจุดที่มันทำร้ายผมอย่างสาหัสมาแล้วไง
แน่นอนผมต้องไปเจอจุดที่สาหัสอีกเป็นแท้
แต่ว่าผมจะมีภูมิคุ้มกันมากพอที่ไม่ทำให้ตัวเองลาตายกลางคัน
และตอนนี้ผมก็เชื่อว่า
ความฝันการเป็นผู้กำกับของผม แม่งไม่ใช่ขี้ ๆ วะ
กูเอาจริง
ฉากสุดท้ายของงานนี้ไม่ได้เป็นภาพ แต่เป็นเสียงแทน
แต่เดี๋ยวก่อน ครูเอนกเจ้าของวิชาปรามขึ้น
ก่อนผมจะล่องลอยไปกับสรรพเสียง
โครงการที่จัดประกวดเขากำหนดว่าไงครับ? หนัง 5 นาที
อ่าว กูตัดมา 10 นาที อืมมมมมมมมมมม อาโหล่ยยยยยยย
แปลว่าข้าพเจ้าจำต้องเบิกเนตรสังสาระตัดต่อย่นให้เหลือ 5 นาที
(เบิกเนตรต่อหลังจากเมื่อคืนก็ตัดต่อจนไม่ได้นอนมาแล้ว)
แต่พอดีวางแผนไว้ในหัวแล้วแหละว่า
จะตัดยังไงให้เหลือ 5 นาที เลยไม่ยากสำหรับเรามาก
แต่ตอนนี้ ขอนอนก่อนเนอะ
รับชมหนังสั้นและเบื้องหลังได้ที่ You tube Funfrom production

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา