2 มิ.ย. 2020 เวลา 16:06 • ธุรกิจ
Book review : 50 Brand Impression (50 กลยุทธ์ ประทับใจแบรนด์)
ในวงการการตลาด นอกเหนือจากการผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพแล้ว การเข้าใจลูกค้าเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากที่สุด
ถึงแม้การทำธุรกิจแบบ StartUP ที่ใครๆ ก็พูดถึงในยุคนี้จะเน้นเรื่องความต้องการของลูกค้าเป็นพิเศษและให้ความสำคัญกับลูกค้าอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากต้องการความเติบโตอย่างก้าวกระโดด ถึงขึ้นว่าถ้าออกสินค้าต้นแบบมาแล้วมันไม่ตรงใจลูกค้า ก็ให้เลิกทำแล้วไปทำอย่างอื่นที่โดนใจลูกค้าแทน
แล้วมันจะมีความสนุกกับการทำธุรกิจเหรอครับ ? ที่ไม่ได้แม้แต่ทำในสิ่งที่เราชอบ ผมคิดว่ามันคงต้องสมดุลกันระหว่างความชอบและสิ่งที่น่าจะขายได้ นั่นหล่ะคือ สุดยอดผลิตภัณฑ์ เพราะถ้าเราไม่มี Passion ต่อตัว Product เลย เวลาเจอปัญหาเราก็จะเลิก ความมุมานะ อยากแก้ปัญหา ความอดทน มันจะมีไม่เท่ากับการทำอะไรที่เรารัก
50 Brand Impression
50 กลยุทธ์ ประทับใจแบรนด์
ผู้เขียน ดำรงค์ พิณคุณ
เล่มนี้ ตีพิมพ์ปลายปี 2014 เป็นการนำแนวคิดสั้นๆของการสร้างแบรนด์ ด้วยกลยุทธ์ 50 เรื่องของการตลาดมาเขียนและยกตัวอย่างธุรกิจที่มีอยู่จริง ที่ทั้งสนุกและเข้าใจง่าย ตัวหนังสือเล่นขนาดเล็กใหญ่ มีสีสันบ้างบางหน้าที่ผู้เขียนต้องการเน้น
ไม่จำเป็นต้องอ่านต่อเนื่องเรียงจากหน้าแรกไปหน้าสุดท้ายหรอกครับเล่มนี้ เปิดมาเจอหน้าไหนก็อ่านได้เลยเขาจะแยกไว้ให้เป็นเรื่องๆ ละไม่เกิน 3-5 หน้า
เหมาะกับพกพาอ่านเล่น อ่านๆ วางๆ ไม่ต้องมีเวลาว่างอ่านอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าตั้งใจอ่านจริงให้จบจริงๆ มือใหม่แบบผมก็อาจจะอ่านจบภายใน 2 ชม.
การแชร์แนวคิดด้านการตลาดแบบสั้นๆ เป็นจุดแข็งของเล่มนี้ครับ บางข้อเข้าใจได้ด้วยตัวอย่างที่ผู้เขียนยกมาประกอบ แต่บางข้อ ซึ่งก็อาจจะ 2-3 ข้อ ใน 50 ข้อ ผมเป็นคนไม่มีพื้นฐานเรื่องการตลาดก็อาจไม่เข้าใจการสื่อสารดังกล่าวอย่างถ่องแท้ได้
ตัวอย่างที่ผมชอบในเล่มคือ เรื่องยาสระผมของคนไทยครับ เมื่อก่อนนี้(30-40 ปีก่อน) เรามียากสระผม หรือแชมพูอยู่แบบเดียว คือสระเพื่อทำความสะอาดเท่านั้น แต่ลองมองปัจจุบันนี้ มันออกมาเป็นร้อยๆแบบ
นักการตลาดสามารถแยก คนผมมัน ผมแห้ง ผมเส้นใหญ่ ผมเส้นเล็ก ผมบาง ผมร่วง หรืออาจจะแยกจนถึงผมรักคุณ นำมาเป็นแคมเปญส่งเสริมการขายด้วยซะเลยดีไหม 555
จากตัวอย่าง นี่คือสิ่งที่นักการตลาดจะต้องมีคือการเข้าใจ Pain Point หรือจุดที่ลูกค้ากำลังเจ็บปวดอยู่แล้วเราสามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นให้กับเขาได้
อีกจุดหนึ่งนอกจากเนื้อหาในเล่ม ผมยังค้นพบบางสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์มากกับพวกเราก็คือ ในปกหน้าด้านหลังของหนังสือ มีการลงปก E Book แจกฟรีเอาไว้ถึง 20 เล่ม เป็นหนังสือที่อยู่ในหัวข้อการทำธุรกิจทั้งสิ้น
อาจตีความเหตุการนี้ได้ 2 แบบ
แบบแรกคือ ผู้เขียนหรือสำนักพิมพ์มีการตลาดที่ยอดเยี่ยมเขาทำให้ลูกค้าแบบพวกเราประทับใจในแบรนด์ โดยการให้ความรู้แบบฟรีๆ และเมื่อของฟรีแพร่ออกไปมากพอแล้วก็จะสร้างการสื่อสารแบรนด์ที่แข็งแรงขึ้น สามารถต่อยอดไปยัง Product อื่นๆ ในอนาคตได้
แบบที่สอง ความพยายามของการเป็นนักเขียน กรณีที่ใครก็ตามสักคนหนึ่งอยากเป็นนักเขียนแต่ไม่มีทุนในการสร้างหนังสือสักเล่มด้วยตนเองเลย เช่น การตีพิมพ์หนังสือด้วยตัวเอง การจ้างบรรณาธิการ เป็นต้น ก็สามารถเป็นนักเขียนได้ง่ายๆและพัฒนาฝีมืองานเขียนของตัวเองด้วยการทำ E Book แบบแจกฟรี เป็นโอกาสการได้รับ Feedback เพื่อนำมาปรับปรุงผลงานในอนาคตให้ดีขึ้น ได้ด้วย
นอกจากความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคแล้ว ในเล่มนี้ยังพูดถึงการคิดมุมกลับ คือการเริ่มจากตัวผลิตภัณฑ์ก่อนความต้องการของลูกค้า
แปลว่าทำของออกมาก่อนแล้วค่อยหากลุ่มลูกค้าที่น่าจะชอบทีหลัง ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดแบบ StartUP ผมว่าการเริ่มจากของที่เราชอบมันก็ดูมีเสน่ห์ดี เพราะมันอาจเป็นของที่ไม่ซ้ำกับคนอื่นเลย ไม่ใช่ของที่ใครๆก็จะมีได้เหมือนสินค้าตลาดทั่วไป
แต่มันก็ต้องแลกด้วยกระบวนการทางการขายที่ลึกซึ้งมากกว่าเพราะกลุ่มลูกค้ามีจำนวนน้อย ไม่เหมือนกับสินค้าในหมวดที่ติดตลาดไปแล้ว เช่นครีมทาหน้า ก็ต้องมีโอกาสขายได้มากกว่าสินค้าใหม่แบบครีมทาหู แน่นอนจริงไหมครับ
ฉะนั้น หากต้องการจะทำต่อ เราก็ต้องสร้างการสื่อสารออกไปครับว่าของๆ เราดียังไงกับสุขภาพหู ของผู้บริโภค และต้องหากลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสจะสนใจในสินค้าของเราจริงๆ เพราะเราไม่สามารถทำการตลาดกับคนทุกคนได้ เราจึงต้อง โฟกัส ให้ได้ครับว่าใครคือลูกค้าที่แท้จริงของสินค้าเรา
ขอให้ทุกท่านสนุกกับแนวคิดการสร้างแบรนด์ทั้ง 50 แบบครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา