5 มิ.ย. 2020 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
“โอซามา บิน ลาเดน” อาชญากรหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.2011 ซึ่งเป็นวันข้างแรม...
เหนือน่านฟ้าในคืนเดือนมืดของเมืองแอบบอตทาบัต ปากีสถาน...
แฮลิคอปเตอร์สีดำทมึน 2 ลำ กำลังโฉบเหนือบ้านหลังหนึ่ง...
พร้อมกับการลงมาของหน่วยซีล หน่วยไนท์ สตอล์กเกอร์ และสุนัขชื่อ ไคโร
พวกเขากำลังทำภารกิจลับสุดยอด
ภารกิจลับในการลอบสังหารชายคนหนึ่ง
ชายผู้เป็นทายาทมหาเศรษฐีของซาอุดิอาระเบีย...
ชายผู้เป็นนักรบมุจาฮิดีนเพื่อต่อกรคอมมิวนิสต์ในอัฟกานิสถาน...
ชายผู้ถูกขับไล่ออกจากประเทศบ้านเกิดเพราะขัดแข้งขัดขามหาอำนาจ...
2
ชายผู้อยู่เบื้องหลังการถล่มของตึกแฝด อาคารเพนตากอนในอเมริกา และวินาศกรรมทั่วโลก...
1
ชายผู้สร้างเครือข่ายก่อการร้ายที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุด...
1
ชายผู้ถูกอเมริกาตามล่ากว่า 20 ปี...
ชายผู้เป็นทั้งอาชญากรและวีรบุรุษ...
1
และชายที่ชื่อว่า “โอซามา บิน ลาเดน”
ชื่อที่คนอเมริกันจะจดจำไปทั้งศตวรรษ ในฐานะอาชญากรที่ชั่วร้ายที่สุดของสหรัฐอเมริกา
เรื่องราวของชายคนนี้จะเป็นอย่างไร และค่ำคืนของภารกิจลับนี้จะเป็นจุดสิ้นสุดหรือไม่...
โปรดนั่งลงเถิดครับ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง...
เริ่มแรกผมขอเล่าไปถึงเรื่องของการก่อตั้งประเทศหนึ่งครับ นั่นคือ ซาอุดิอาราเบีย
โดยในช่วงที่จักรวรรดิออตโตมันเรืองอำนาจ ทำให้ชนเผ่าอาหรับนั้นไม่ได้ลืมตาอ้าปากครับหลายๆเผ่าจึงแตกกระจัดกระจายกันไปไม่ได้รวมกันเป็นประเทศหรืออาณาจักรใหญ่ๆ
แต่แล้วก็มีเผ่าๆหนึ่งที่ผงาดขึ้นมาครับ คือเผ่าอานิซาร์ ซึ่งเผ่านี้เนี่ยมีผู้นำ คือ อับดุล อาซีส และเผอิญว่าดินแดนที่เผ่านี้ครอบครองเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอิสลาม คือเมกกะและเมดินา
อับดุล อาซีส จึงทำการรวบรวมเผ่าอาหรับที่กระจัดกระจายไป แล้วใช้ดินแดนนี้เป็นศูนย์กลางแล้วตั้งประเทศขึ้นมา คือ ซาอุดิอาราเบีย จากนั้นก็สถาปนาราชวงศ์ขึ้นมา คือ ราชวงศ์ซาอุด แล้วตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรก โดยทุกอย่างได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษ
1
เมื่อตั้งประเทศขึ้นมาแล้ว กษัตริย์อับดุล อาซีสต้องการสร้างพระราชวัง บูรณะสถานที่สำคัญต่างๆ แล้วอับดุล อาซีสก็ได้พบกับผู้รับเหมาก่อสร้างที่อพยพมาจากเยเมนคนหนึ่งครับ คือ เชคโมฮัมหมัด บิน ลาเดน
โดยฝีไม้ลายมือในการก่อสร้างของชายคนนี้ถูกใจกษัตริย์อับดุล อาซีสอย่างมาก! จนไว้ใจให้ทำงานก่อสร้างสำคัญๆหลายอย่าง สายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอุดกับตระกูลบิน ลาเดนจึงค่อยๆแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆครับ
1
และแล้วแจ๊คพอตก็มาตกที่ซาอุดิอาราเบีย คือ การค้นพบน้ำมันมหาศาล เปลี่ยนจากประเทศจนๆให้กลายเป็นประเทศโคตรรวย! ยกฐานะทั้งราชวงศ์ซาอุด และฐานะของตระกูลบิน ลาเดนเป็นอภิมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเป็นหมื่นๆล้าน!
เชคโมฮัมหมัด บิน ลาเดนนั้นมีภรรยากว่า 20 คนครับ และมีลูกทั้งหมด 50 คน ลูกๆเหล่านี้ต่างก็เติบโตมาอย่างใกล้ชิดกับราชวงศ์ซาอุด โดยมีลูกชาย 2 คนที่เป็นตัวละครสำคัญที่ผมจะพูดถึง คือ ซาเล็ม บิน ลาเดน และ โอซามา บินลาเดน...
ภาพจาก The International Churchill Society (อับดุล อาซีสและวินสตัน เชอร์ชิล)
ซึ่งเรื่องได้เริ่มมาจากการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น คือ เชคโมฮัมหมัด บิน ลาเดน ได้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกครับ! ทำให้กิจการทั้งหมดนั้นต้องตกมาอยู่ในมือของ ซาเล็ม บินลาเดน
3
ตัวของซาเล็ม เมื่อได้เข้ามาบริหารงานแล้ว ตัวแทนดูแลผลประโยชน์ของตระกูลที่ชื่อว่า จิม บาธ ได้เข้าหาเขาแล้วบอกว่ามีตระกูลนักการเมืองจากอเมริกาสนใจที่จะตีสนิทกับตระกูลบิน ลาเดน โดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งตระกูลนั้น คือ ตระกูลบุชนั่นเองครับ! (คุ้นกันรึเปล่า?)
3
ตั้งแต่นั้นตระกูลบุชกับตระกูลบิน ลาเดนก็ได้มีการสานสัมพันธ์ต่อกันเรื่อยๆครับ ถึงขนาดที่ว่า เมื่อจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่เป็นทายาทตระกูล ได้จัดตั้งบริษัทน้ำมันที่ชื่อ อาบัสโตร์ (ภายหลังเปลี่ยนเป็น Bush Exploration) ตระกูลบิน ลาเดนนี่แหละครับที่เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนก้อนโตให้บริษัทอาบัสโตร์ จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลนั้นลึกซึ้งพอสมควร
เรามาพูดถึง โอซามา บิน ลาเดน ลูกชายอีกคนของเชคโมฮัมหมัด บิน ลาเดน กันบ้างครับ(ผมขอเรียกว่าโอซามานะครับ จะได้ไม่สับสนกับคนอื่นในตระกูล) ตัวโอซามานั้นเรียกได้ว่าโตมาบนกองเงินกองทองเลยล่ะครับ ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยคิง อับดุล อาซีส โดยชีวิตวัยเรียนของโอซามา เขามักไปเที่ยวบาร์ ไนท์คลับและคาสิโนในเบรุตบ่อยๆ! (ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าจะโตมาเป็นนักรบเคร่งศาสนา)
2
แต่แล้วโอซามา ก็เริ่มสนใจศึกษาเรื่องศาสนาครับ โดยเฉพาะแนวทางสลาฟีย์หรือวาฮาบี ที่เป็นแนวทางบริสุทธิ์ของอิสลาม แนวคิดนี้ทำให้เขาเลื่อมใสจนถึงขนาดคลั่งไคล้เลยทีเดียว
และแล้วชีวิตของชายหนุ่มวัยกลัดมันอย่างโอซามาก็ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นใน ค.ศ.1979 คือ สงครามโซเวียต-อัฟกานิสถาน
ภาพจาก Nextews (ทหารโซเวียตเคลื่อนกำลังเข้ายึดอัฟกานิสถาน)
สงครามโซเวียต-อัฟกานิสถาน เป็นสมรภูมิหนึ่งในช่วงสงครามเย็น โดยในช่วงปลายทศวรรษ 1970 รัฐบาลอัฟกานิสถานพยายามที่จะเปลี่ยนประเทศเป็นคอมมิวนิสต์ครับ แต่ก็อย่างว่า คอมมิวนิสต์กับอิสลาม ดูยังไงๆก็ไปกันไม่รอดแน่นอน! ดังนั้นจึงเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชนอัฟกันอย่างท่วมท้น แล้วรัฐบาลก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยต้องไปพึ่งโซเวียต
โซเวียตเห็นดังนั้นก็หงุดหงิด “น้องอัฟกันทำไมไร้น้ำยาแบบนี้ แค่เปลี่ยนประเทศเป็นคอมมิวนิสต์มันจะยากอะไร มา เดี๋ยวพี่ทำให้ดู” ว่าแล้วก็ยกกองทัพแดงเข้าครอบครองอัฟกานิสถานแล้วจัดการกวาดล้างคนไม่เห็นด้วย คราวนี้ก็เกิดเป็นสงครามสิครับ!
อเมริกาเห็นคอมมิวนิสต์ของโซเวียตเข้าไปมีอิทธิพลในอัฟกานิสถาน ก็เริ่มร้อนๆหนาวๆสิครับทีนี้ แต่จะส่งกองทัพตัวเองไปสู้โต้งๆก็ใช่ที่ เพราะไม่ใช่แนวทางของสงครามเย็น ดังนั้นอเมริกาจึงปลุกปั่นมุสลิมทั่วโลกที่เห็นเพื่อนร่วมศาสนาถูกรังแกในอัฟกานิสถานว่า “พี่น้องมุสลิม บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องช่วยกันทำสงครามจิฮัด ช่วยเพื่อนร่วมศาสนา และขับไล่พวกผีร้ายคอมมิวนิสต์ออกไปจากแผ่นดินอัฟกานิสถาน” น่าเหลือเชื่อจริงๆนะครับที่อเมริกาปลุกปั่นการรบเพื่อศาสนา...
ว่าแล้วอเมริกาก็สร้างนักรบมุจาฮิดีนขึ้นมาครับ ซึ่งทหารก็มาจากชาวมุสลิมศรัทธาแรงกล้าในอัฟกานิสถานและทั่วโลก โดยอเมริกาให้การสนับสนุนเสบียง อาวุธ ข่าวสาร พร้อมทั้งให้ CIA ฝึกการรบให้...
โอซามา ได้รับรู้เหตุการณ์ในอัฟกานิสถาน ทำให้เขายอมไม่ได้ที่ศาสนาของเขาต้องแปดเปื้อนโดยพวกคอมมิวนิสต์ ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋าพกความศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแรงกล้า แล้วมุ่งสู่อัฟกานิสถานตามคำเชิญชวนของอเมริกา เข้าไปฝึกรบกับ CIA จนกลายเป็นนักรบมุจาฮิดีน ทำการรบแบบกองโจรต่อต้านกองทัพแดงของโซเวียต
1
อเมริกาไม่เคยคาดคิดเลยว่า เหล่านักรบที่ตัวเองฝึกให้อยู่ในตอนนี้นั้น จะกลายเป็นเหล่าหัวโจกที่จะสร้างปัญหายิ่งกว่าพวกคอมมิวนิสต์ในอนาคต...
ภาพจาก Wikimedia Commons (ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน พบปะนักรบมุจาฮิดีน)
ในหมู่นักรบมุจาฮิดีน โอซามานั้นโดดเด่นสุดๆ อาจจะเพราะรวยแถมเป็นเด็กเส้นจากราชวงศ์ซาอุด ที่สนับสนุนการรบนี้ด้วย ทำให้มีนักรบมากมายที่นับถือแล้วยกให้เป็นพี่ใหญ่เลยทีเดียวครับ และนักรบเหล่านี้จะรวมเข้าไปอยู่ในเครือข่ายอัลเคดาในอนาคต
สงครามในอัฟกานิสถานรบกันอยู่ทั้งหมด 9 ปีครับ แล้วในที่สุด ค.ศ.1989 โซเวียตจำต้องยอมแพ้แล้วยกทัพกลับประเทศไปอย่างเจ็บใจ จากการแพ้ของโซเวียตนี่แหละครับ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศพังทลาย เป็นเหตุให้โซเวียตต้องล่มสลายไปในที่สุด
หลังโซเวียตจากไป อัฟกานิสถานใช่ว่าจะสงบครับ เกิดการตีกันเองของนักรบมุจาฮิดินว่าใครจะได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ เลยกลายเป็นสงครามกลางเมืองซะงั้น! ซึ่งรบกันอยู่ 5 ปี จนกลุ่มที่ชนะคือ กลุ่มตาลีบัน ทำให้ ค.ศ.1994 อัฟกานิสถานเข้าสู่ยุคการปกครองอันโหดร้ายของตาลีบันในที่สุดครับ
1
เหล่านักรบมุจาฮิดีนที่มาจากประเทศอื่นนั้น ต่างแยกย้ายกลับภูมิลำเนาของตัวเองตั้งแต่โซเวียตจากไป รวมถึงโอซามาด้วย ที่กลับไปซาอุดิอาราเบีย ซึ่งก็ต้องพบกับข่าวที่น่าเศร้าของครอบครัวตัวเองครับ...
2
ยังจำบริษัทอาบัสโตร์ของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้มั้ยครับ? บริษัทนี้เมื่อได้รับเงินทุนจากตระกูลบิน ลาเดน ก็บริหารงานไป แต่ก็ไปไม่รอด จนต้องขายบริษัทไปในที่สุดครับ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ซาเล็ม บิน ลาเดน เสียชีวิตจากเครื่องบินตกที่เท็กซัสอย่างปริศนา?
1
ข่าวนี้ทำให้โอซามานั้นสลดใจอย่างมาก นี่เป็นสาเหตุแรกแห่งความแค้นเคืองตระกูลบุชและอเมริกาหรือเปล่า ก็ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แค่พอมีเค้าอยู่นิดหน่อยเท่านั้น
1
และเมื่อโอซามากลับมาที่ซาอุได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นอีกครั้งหนึ่งใน ค.ศ.1991 นั่นคือ สงครามอ่าวเปอร์เซีย...
ภาพจาก teleSUR English (ซัดดัม ฮุสเซน นำทหารบุกคูเวต)
โดยสาเหตุของสงครามมาจากความบอบช้ำและล้มเหลวทางเศรษฐกิจของอิรักจากสงครามอิรัก-อิหร่าน ทั้งยังไม่มีเงินมาใช้หนี้สงคราม ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรักในตอนนั้นจึงมองซ้ายมองขวาแล้วเห็นประเทศเล็กๆที่อยู่ทางใต้ของอิรัก นั่นคือ ประเทศคูเวต
โดยคูเวตร่ำรวยจากการขายน้ำมันครับ เมื่อซัดดัมเห็นแบบนั้นแล้วจึงอิจฉาตาร้อน “ประเทศเอ็งเล็กเท่าจังหวัดในประเทศข้า แต่ไหงเจริญแถมรวยกว่าลิบลับ อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ขอข้ายึดหน่อยแล้วกัน!!” ว่าแล้วก็ยกกองทัพเข้ายึดคูเวตทันที
1
การกระทำของซัดดัมทำให้นานาชาติรวมถึงอาหรับรุมประนาม แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะยังกลัวกองทัพอิรักอยู่...
แต่แล้วอเมริกาก็กระโดดเข้ามาแจมในงานนี้ (อีกแล้ว)ครับ โดยนำฐานทัพมาตั้งที่ซาอุดิอาราเบีย โดยเฉพาะเมืองเมกกะและเมืองเมดินา
โอซามาเห็นดังนั้นแล้วก็พยายามเจรจากับราชวงศ์ซาอุดว่า เขาจะรวบรวมนักรบมุจาฮิดีนมาขับไล่อิรักออกไปจากคูเวตเอง แต่โดนราชวงศ์ซาอุดปฏิเสธอย่างไม่ใยดี...
1
และในที่สุดอเมริกาก็ขับไล่กองทัพอิรักออกไปจากคูเวตได้สำเร็จ สิ้นสุดสงครามอ่าวเปอร์เซีย...
1
โอซามาโกรธราชวงศ์ซาอุดอย่างมากที่ไปเป็นเบี้ยล่างต่างชาติ แถมเอาทหารนอกรีตเข้ามาเหยียบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีปัญหากันหนักหน่วงทีเดียวครับ จนเรื่องรู้ไปถึงหูอเมริกา...
อเมริกาจึงคิดว่า “ไอ้นี่วอนซะแล้ว” ดังนั้นจึงกดดันราชวงศ์ซาอุดให้ขับไล่โอซามาออกจากประเทศ ตัดสิทธิการเป็นพลเมืองซาอุ แล้วยึดทรัพย์สิน พร้อมทั้งตัดขาดจากตระกูลบิน ลาเดน
1
โอซามาเมื่อถูกไล่ออกจากประเทศ จึงหนีหัวซุกหัวซุนอย่างโกรธแค้นไปที่ประเทศซูดาน เข้าไปเป็นผู้ช่วยรัฐบาลซูดานที่เป็นมุสลิมในเรื่องเศรษฐกิจ ในช่วงนี้แหละครับ โอซามาเริ่มสร้างองค์กรก่อการร้ายอัคเคดาขึ้นมา แล้วเริ่มปฏิบัติการก่อวินาศกรรม...
1
เริ่มตั้งแต่ใน ค.ศ.1993 บุคคลซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับอัลเคดา ได้ใช้รถบรรทุกขนระเบิดเข้าไประเบิดในลานจอดรถของตึกเวิลด์เทรด โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 6 คน!
2
ปี ค.ศ.1996 ทหารอเมริกันในซาอุดิอาราเบียเสียชีวิตจากรถบรรทุกขนระเบิด 19 คน!
1
แล้วรัฐบาลอเมริกากับซาอุจึงบอกว่า “ไม่ไหวแล้ว!” แล้วทำการตามล่าตัวโอซามาในซูดาน โดยกดดันรัฐบาลซูดานให้เก็บโอซามาซะ!
แต่โอซามาไหวตัวทันครับ จึงหนีออกจากซูดาน แล้วไปซบอกเพื่อนเก่าที่เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา นั่นคือ กลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานนั่นเอง...
จากการสนับสนุนของตาลีบัน โอซามาจึงก่อตั้งกองกำลังของตนเองอย่างเต็มรูปแบบ แล้วใช้กลยุทธ์ที่ร่ำเรียนมาจาก CIA ในการทำสงครามกองโจร แต่เป็นในรูปแบบของการก่อการร้าย โดยจะโจมตีที่จุดเปราะบางของสังคม เช่น ฆ่าผู้หญิง ฆ่าเด็ก ฆ่าคนแก่ ฆ่านักบวช บอมบ์สถานที่สำคัญ เพื่อให้ความหวาดกลัวและความเกลียดชังฟุ้งกระจายไปทั่วสังคม ทำให้คนเกลียดชังมุสลิม แล้วมุสลิมที่ถูกเกลียดชังจะโดนดูถูก รังแก กดดันจนต้องจำใจยอมเข้ามาเป็นพวกของอัลเคดาในที่สุด! (จิตวิทยาสุดๆไปเลยครับ)
1
และใน ค.ศ.1998 มือระเบิดพลีชีพของอัลเคดาก็จัดการบอมบ์สถานทูตอเมริกาในแทนซาเนียและเคนยา มีผู้เสียชีวิต 224 คน!
ยังไม่พอ ใน ค.ศ.2000 อัลเคดาก็ใช้เรือขนระเบิด ไปบอมบ์เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสโคลของอเมริกาในเยเมน ลูกเรือเสียชีวิต 17 คน!
และในที่สุด 11 กันยายน ค.ศ.2001 อัลเคดาก็ได้มอบฝันร้ายที่ไม่มีวันลืมให้กับอเมริกา...
ภาพจาก Yahoo News (การระเบิดสถานทูตอเมริกาในแทนซาเนีย)
การก่อวินาศกรรม 911 ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกาที่ศัตรูได้ไปหยามหน้าถึงถิ่นขนาดนี้ (อีกเคสเป็นเหตุการณ์เพิร์ล ฮาเบอร์ แต่เกิดบนเกาะฮาวาย ไม่ได้เกิดบนแผ่นดินใหญ่ของอเมริกา)
โดยโอซามา ได้จัดการให้นักรบของเขาทำการจี้เครื่องบินพาณิชย์ 4 ลำ เข้าพุ่งชนสัญลักษณ์ที่เป็นเชิงอำนาจของอเมริกา นั่นคือ ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ที่แทนอำนาจทางเศรษฐกิจ อาคารเพนตากอน ที่แทนอำนาจทางทหาร และอาคารรัฐสภา(หรือไม่ก็ทำเนียบขาว) ที่แทนอำนาจทางการเมือง
โดยเครื่องบิน 3 ลำ สามารถพุ่งชนเป้าหมายได้สำเร็จ นั่นคือ ตึกเวิลด์เทรดทั้ง 2 ตึก ถล่มลงมาอย่างราบคาบ และอาคารเพนตากอนเสียหายบางส่วน แต่เครื่องบินอีกลำหนึ่งไปไม่ถึงเป้าหมาย เพราะผู้โดยสารบนเครื่องขัดขืน เครื่องจึงตกกลางทางซะก่อน
ภาพจาก The Conversation (การถล่มของตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์)
จากเหตุการณ์ 911 นี่แหละครับ ทำให้อเมริกาตกใจ หวาดกลัว แล้วในที่สุดกลายเป็นความโกรธแค้น ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จึงเล็งเป้าไปที่อัลเคดาและโอซามา บินลา เดน แล้วประกาศการทำสงครามต่อต้านก่อการร้ายในที่สุดครับ แล้วบุชยังกล่าวอีกว่า “ทุกประเทศจะต้องตัดสินใจเลือกในตอนนี้แล้วว่า หากคุณไม่อยู่ข้างเรา คุณก็อยู่ข้างเดียวกับผู้ก่อการร้าย” ซึ่งเป็นการสะท้อนครับว่า อเมริกาทำการบีบประเทศต่างๆให้ต้องเลือกข้างว่าจะเป็นพันธมิตรหรือเป็นศัตรู
จากนั้นบุชก็ส่งคำขู่ไปยังตาลีบันครับว่า “ให้เอ็งส่งตัวเพื่อนมาทันที ไม่งั้นตูจะจัดการล้างบางทั้งเอ็งทั้งเพื่อน!” แล้วก็ได้คำตอบจากตาลีบันกลับมาว่า “แล้วไง ใครแคร์”
ดังนั้น 7 ตุลาคม ค.ศ.2001 อเมริกาและผองเพื่อนก็ได้นำกองทัพเข้าสู่อัฟกานิสถานภายใต้ปฏิบัติการเสรีภาพยั่งยืน (Operation Enduring Freedom) กรูกันเข้าไปรุมสหบาทารัฐบาลตาลีบันในกรุงคาบูล...
1
ภาพจาก CNN (ปฏิบัติการเสรีภาพยั่งยืน)
ภายในเวลาเพียง 2 เดือนก็สามารถโค่นล้มตาลีบันลงได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่อเมริกาตะหงิดๆครับ นั่นคือ หาตัวโอซามา บิน ลาเดนไม่พบ!! บุชจึงสั่งให้หน่วยข่าวกรองเร่งปูพรมค้นหาโดยด่วน!
1
แล้วใน ค.ศ.2002 หน่วยข่าวกรองก็พบที่ซ่อนของโอซามาครับ ซึ่งอยู่ในหุบเขาชาฮีคอต ที่เป็นภูมิประเทศแบบภูเขาสูงสลับซับซ้อน อเมริกาจึงไม่รอช้า ทำการส่งทหารภายใต้ปฏิบัติการ อนาคอนดา (Operation of Anaconda) แต่ทหารอเมริกาก็พบกับความล้มเหลวอีกครั้งครับ เนื่องจากอัลเคดาชำนาญภูมิประเทศมากกว่า ทำให้อเมริกาสูญเสียทหารไปจำนวนมาก แถมโอซามายังหนีไปได้อีก ซึ่งสร้างความอัปยศให้อเมริกาอย่างมาก!
จากการเสียหน้าในอัฟกานิสถาน ทำให้อเมริกาเบนหน้าไปที่อิรักแทนครับ! โดยให้เหตุผลว่าอิรักเป็นหนึ่งในแกนแห่งความชั่วร้าย (มีอิรัก อิหร่าน เกาหลีเหนือ) ที่ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ ทั้งยังสนับสนุนอัลเคดา อเมริกาจึงมีความจำเป็นในการปลดอาวุธของอิรักซะ!
1
แล้วก็ไม่รอคำอนุมัติของนานาชาติ นำกองทัพเข้าล้างบางโค่นล้มรัฐบาลซัดดัมลงในที่สุด
ในตอนนี้ อเมริกาได้หลวมตัวเข้าไปในสงครามที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งยืดเยื้อ ยาวนาน และ ริดลอนทรัพยากรไปมหาศาล ทั้งยังถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร้าย รังแกประเทศเล็กประเทศน้อย ทำตัวเป็นตำรวจโลก (แน่ล่ะครับ สิ่งที่อเมริกาสู้อยู่ไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นกลุ่มบุคคลที่ซ่อนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้) อเมริกายังต้องจัดการกลุ่มกบฏในอิรัก เจอปัญหาตาลีบันที่ฟื้นกำลังมาก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน อีกทั้งอัคเคดาก็ยังอยู่แถมยังขยายสาขาไปเรื่อยๆไม่รู้จบ...
ภาพจาก Tactical Life (ปฏิบัติการอนาคอนดา)
เครือข่ายอัลเคดาของโอซามายิ่งขยายตัวใหญ่ขึ้นจากวีรกรรมของกลุ่ม ทำให้มีมุสลิมมากมายจากทั่วโลกเข้ามาสวามิภักดิ์ ไม่ก็มอบเงินสนับสนุน
1
อีกทั้งโอซามาหนีรอดจากการถล่มอย่างบ้าคลั่งของอเมริกาในอัฟกานิสถานมาได้ ทำให้อเมริกาตั้งค่าหัวและปักหมุดว่าเป็นอาชญากรที่ชั่วร้ายที่สุด แต่จนแล้วจนรอดอเมริกาก็ไม่สามารถจับตัวโอซามาได้ซักทีครับ เพราะการไม่ปรากฏร่องรอยและหายเข้าไปในกลีบเมฆของโอซามา...
โอซามารู้ว่าจะถูกดักฟังและแท็กตำแหน่งจากโทรศัพท์ ดังนั้นเขาจึงเลิกใช้มันทันที ทำให้อเมริกาไม่พบร่องรอยใดๆของโอซามา โดยตัวโอซามาและพรรคพวกหันไปใช้การสื่อสารแบบยุคหินครับ คือการใช้คนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ไปทำหน้าที่ส่งข่าวสารหรือคำสั่งของเขา ซึ่งเรียกว่า "คนส่งสาร" โดยบอกปากต่อปาก แล้วจึงส่งต่อทางอีเมลล์
หรือไม่ก็ใช้เครื่องมือไฮเทคควบคู่ผสมผสานกันให้อเมริกางงเล่นๆครับ เช่น คนส่งสารของโอซามาจะถือแผ่นดิสก์ใส่รหัสลับ ไปมอบให้กันในประเทศใดประเทศหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ แต่บางครั้งก็ใช้แฟกส์ บางครั้งก็ใช้อีเมลล์ ทำให้ตรวจจับได้ยากมาก!!
1
และยังเป็นเรื่องยากไปอีกที่จะหาตำแหน่งของโอซามา เพราะแหล่งกบดานนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางทีไปอยู่บ้านหลังหนึ่งในรัสเซีย บางทีไปอยู่ในภูเขา บางทีไปอยู่ในป่า ซึ่งว่ากันว่าโอซามาย้ายที่อยู่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง บางทีไปนอนในกระท่อมสร้างด้วยดินโคลน บางทีนอนในถ้ำ บางทีนอนในเมือง ซึ่งนอกจากจะมีคนสนิทติดตามเป็นเงาแล้ว ยังมีขบวนรักษาความปลอดภัยเป็นโขยงติดอาวุธหนัก แถมรถบรรทุกติดปืนต้านอากาศยาน และยังมักเดินทางตอนกลางคืน นั่งในรถติดฟิล์มกรองแสงสีดำ
1
โอซามาไม่เผยตัวออกมาให้สาธารณชนเห็น เขาเพียงชักใยอยู่หลังเงามืด ทำให้อเมริกาไม่สามารถจับเขาได้เลยกว่า 20 ปี! แต่การก่อวินาศกรรมของอัลเคดาก็ยังเกิดขึ้นต่อไปครับ หลังเหตุการณ์ 911...
ภาพจาก ICP (การตั้งค่าหัวล่าบิน ลาเดน)
และแล้วโอซามาก็สั่งสอนเพื่อนซี้ของอเมริกาอย่างอังกฤษครับ โดยใน ค.ศ.2005 เกิดการวางระเบิดรถไฟใต้ดินสามขบวนในลอนดอน และรถบัส 1 คัน มีผู้เสียชีวิต 56 คน บาดเจ็บกว่า 700 คน!
ค.ศ.2008 เกิดเหตุระเบิดในโรงแรมมาริออต ปากีสถาน มีผู้เสียชีวิต 60 คน โดยเป็นการเตือนปากีสถานจากโอซามาว่า ห้ามยุ่งหรือไปแอบจับมือกับอเมริกาเด็ดขาด (พี่ก็เตือนกันแรงไปนะบางที...)
1
จนแล้วจนรอด CIA ก็ตามหาโอซามาไม่พบซักที จนบุชออกมาสั่งให้ใช้วิธีการที่รุนแรงในการรีดความจริงจากผู้ก่อการร้าย โดยใช้วิธีการทรมานต่างๆนานา จุดนี้แหละครับ(และอีกหลายๆจุด) ที่ทำให้คะแนนความนิยมของบุชดิ่งลงเหว...
ค.ศ.2009 เกิดการระเบิดพลีชีพที่ค่ายแชปแมนของอเมริกาในอัฟกานิสถาน การระเบิดนี้ถือว่าหยามอเมริกาอย่างมาก เพราะเจ้าหน้าที่ CIA และทหารอเมริกันเสียชีวิต 10 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก 7 คน
การตามล่าตัวโอซามาทำให้อเมริกานั้นทั้งเสียบุคลากร ทรัพยากร และเงินไปมหาศาล แล้วเริ่มคิดที่จะล้มเลิกในภารกิจนี้ในช่วงปลายของบุช ที่ไม่สนการตามล่าตัวโอซามาแล้ว แต่สนใจว่าระเบิดครั้งต่อไปจะเป็นที่ไหน?
จนมาถึงในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ใน ค.ศ.2009 ที่กลับมาให้ความสำคัญในการล่าตัวโอซามาอีกครั้ง
1
ภาพจาก Evening Standard (การวางระเบิดในลอนดอน)
การทรมานนักโทษตามวิธีของบุช ถึงแม้จะดูโหดร้ายอยู่บ้างแต่ก็สามารถรีดเอาคำตอบจากปากผู้ก่อการร้ายในการตามล่าตัวโอซามาได้ นั่นคือ “ตามคนส่งสารไป”
โดย CIA สืบจนสามารถตามหาผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนส่งสารของโอซามา
ตัวของบารัค โอบามาก็ได้เน้นย้ำ CIA ให้ควานหาตัวคนส่งสารคนนี้มาให้ได้ แล้วกำหนดที่อยู่ของโอซามา บิน ลาเดน...
และในที่สุด ค.ศ.2011 CIA ก็ได้ตามร่องรอยจนพบแหล่งกบดานของโอซามาครับ (หลังจากที่พยายามควานหาตัว 10 กว่าปี) โดยตำแหน่งที่อยู่ของโอซามา คือ บ้านที่มีกำแพงล้อมรอบ ในเมืองแอบบอตทาบัต ปากีสถาน ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนฝึกทหารของปากีสถาน โดย CIA เน้นย้ำกับรัฐบาลว่า พวกเขามั่นใจในข้อมูลนี้มาก และเชื่อว่าบิน ลาเดน อยู่ในบ้านหลังนั้นจริงๆ!!
1
ดังนั้น รัฐบาลจึงมีการประชุมกันว่าควรจะจัดการอย่างไรดี บ้างก็บอกเอามิสไซค์บอมบ์ บ้างก็บอกใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด บ้างก็บอกใช้โดรนลอบสังหาร แต่แล้วในที่สุดก็ตกลงกันได้ครับว่าวิธีที่ดีที่สุด คือ ใช้หน่วยพิเศษเข้าไปลอบสังหารแบบเงียบเชียบ
โดยภารกิจนี้ได้มอบหมายให้หน่วยซีล หน่วยไนท์สตอล์กเกอร์ และสุนัขชื่อไคโร 1 ตัว ลอบเข้าไปในบ้านหลังนั้นแล้วสังหารโอซามา บิน ลาเดน โดยไม่มีการบอกรัฐบาลปากีสถาน เพราะกลัวว่าปากีสถานอาจรู้เห็นเป็นใจด้วยกับอัลเคดา โดยให้ชื่อภารกิจว่า ปฏิบัติการณ์หอกเนปจูน
2
ดังนั้น ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.2011 ซึ่งเป็นคืนเดือนมืด เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ได้บินเหนือน่านฟ้าของแอบบอตทาบัตอย่างเงียบเชียบ (มารู้ภายหลังครับว่าฮอ 2 ลำนั้น เป็นเทคโนโลยีลับของอเมริกา นั่นคือ Silence Blackhawk ที่สามารถบินได้เงียบมากๆ)
แต่ทุกอย่างใช่ว่าจะราบรื่นครับ เมื่อฮอลำหนึ่งเกิดเสียการทรงตัวและกระแทกพื้นและหางไปชนกับกำแพงหิน จึงทำให้ฮออีกลำจำเป็นต้องบินไปจอดนอกรั้วบ้าน (แทนที่ตอนแรกจะจอดบนหลังคาบ้าน) ฮิลลาลี คลินตันได้พูดไว้ว่า “นั่นเป็นช่วงที่ตึงเครียดที่สุด ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์ Blackhawk down ที่โซมาเลีย”
2
แต่แล้วภารกิจก็สามารถดำเนินต่อไปได้ หน่วยซีลได้กระจายกำลังทั่วสนามหน้าบ้าน แล้วจึงเริ่มเข้าไปหาตัวโอซามา หน่วยซีลได้บุกเข้าไปในบ้านแล้วจัดการฆ่าทุกคนที่เจอ (ยกเว้นผู้หญิงและเด็กบางคน) ทุกวินาทีได้ดำเนินไปอย่างตึงเครียดและกดดันในการควานหาตัวคนๆหนึ่งในบ้านที่เต็มไปด้วยความมืด ลึกลับ ทั้งยังกว้างขวาง
และแล้วเมื่อเวลาผ่านไป 15 นาที หน่วยปฏิบัติการก็ได้พูดขึ้นว่า “E-KIA” ซึ่งเป็นรหัสย่อ หมายความว่า เป้าหมายถูกสังหารเรียบร้อยแล้ว...
2
ฮอลำหนึ่งได้บินมาสนับสนุนพร้อมรับศพของโอซามา บิน ลาเดนไปยังพื้นที่ปลอดภัย แล้วในที่สุดก็มีการยืนยันว่า เป็นศพของโอซามา บิน ลาเดนจริงๆ (ทางอเมริกาว่าไว้แบบนั้น แต่เราที่เป็นคนนอกก็ไม่ได้เห็นศพด้วยอยู่ดีนะครับ ซึ่งหลายๆสื่อก็ต่างกังขาในการลอบสังหารบิน ลาเดน)
แต่อย่างไรก็ตาม ในที่สุดชีวิตของชายผู้เป็นอาชญากรหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา...
ชายผู้ถูกสร้างขึ้นมาโดยอเมริกา และถูกทำลายไปโดยอเมริกา...
ชายผู้ฝากรอยแผลเป็นหลายร้อยแผลให้กับพญาอินทรี...
และชายผู้เปลี่ยนแปลงโลกไปในทิศทางที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
แต่ถึงแม้ โอซามา บิน ลาเดน จะตายไป แต่อุดมการณ์ของเขาไม่ได้ตายตามไปด้วย...
ในไม่ช้าก็จะมีบิน ลาเดน คนที่สอง คนที่สามตาม ออกมา เหมือนการตัดหัวของไฮดรา...
และนี่คือโลกในศตวรรษที่ 21...
โลกที่ยังมีความขัดแย้งไม่จบไม่สิ้น...
ภาพจาก Wired (การติดตามดูภารกิจสุดท้ายในการสังหารบิน ลาเดนของรัฐบาลอเมริกา)
อ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา