6 มิ.ย. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
แพทย์แผนสยอง! 'กินซากศพ' วิธีรักษาโรคที่ชวนขนลุกที่สุดเมื่อครั้งอดีตกาล
เมื่อหลายร้อยปีก่อนผู้คนในยุโรปกินศพเพื่อใช้เป็นยารักษาโรค ไม่ใช่แค่คนยากจน แต่รวมถึงคนรวย ชนชั้นสูง ราชนิกูล ขุนนาง นักบวชก็กินกับเขาด้วย
อาจจะฟังดูโหดร้ายและสยองขวัญแต่การกินศพคนตายเป็นไปตามการรักษาทางการแพทย์ มิใช่กินเพื่อเป็นอาหารเหมือนกับมนุษย์กินคนในยุคดึกดำบรรพ์
123RF
คริสต์ศตวรรษที่ 16-17 การแพทย์ในขณะนั้นยังไม่ก้าวหน้ามากนัก ผู้คนเชื่อว่าการกินเนื้อ กระดูก เลือดหรือไขมันของคนตายเป็นยารักษาแบบครอบจักรวาลตั้งแต่อาการปวดหัวยันลมบ้าหมู
พวกเขากินกันตั้งแต่มัมมี่ที่ขโมยมาจากสุสานในอียิปต์ กะโหลกถูกขุดค้นขโมยมาจากสุสานของชาวไอริช คนขุดสุสานขโมยศพและนำชิ้นส่วนศพไปขาย
มันไม่ใช่ว่าเราควรจะกินคนหรือไม่ แต่กลายเป็น เราจะกินส่วนไหนดี? Thomas Willis นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ชงผงกะโหลกกับชอคโกแลตเพื่อรักษาอาการลมชักและเลือดออก กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ มีเมนู The King’s Drops,” ไว้จิบทำมาจากผงกะโหลกป่นผสมกับแอลกอฮอล์ ใช้ไขมันทาที่ผิวหนังเพื่อรักษาโรคเกาต์หรือเพื่อนลดอาการปวด และดื่มเลือดสดๆ เพื่อเป็นยาบำรุงร่างกาย ผู้คนถึงกับต้องแย่งกันซื้อเลือดของนักโทษประหารเพราะเชื่อว่ายิ่งสดยิ่งดี
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันก็ยังมีผู้คนบางกลุ่มเชื่อในประโยชน์ของการกินศพมนุษย์ด้วยแนวคิดที่ว่าเจ็บป่วยที่ส่วนไหนก็ให้กินที่ส่วนนั้นเพื่อทำการรักษา
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
โฆษณา