6 มิ.ย. 2020 เวลา 04:30 • ประวัติศาสตร์
กฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ที่ออกโดย 'ฮิตเลอร์' แตเขากลับเป็นผู้สังหารหมู่ชาวยิวนับล้านคน
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ชาวโลกจึงได้รับรู้ถึงการกระทำที่ชั่วร้ายของกองทัพนาซีที่นำโดย “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ที่ทำการสังหารหมู่ชาวยิวนับล้านคนด้วยเหตุผลที่ว่า “ชาวยิวไม่สมควรมีชีวิตอยู่” ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของทหารเยอรมันแทบทั้งหมดนั้นดูเลวร้ายไปเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมีทั้งทหารและประชาชนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของฮิตเลอร์ก็ตาม
นโยบายในการกำจัดยิวที่ฮิตเลอร์เป็นผู้อนุมัตินั้น ส่งผลให้สถานะของชาวยิวในดินแดนที่กองทัพเยอรมันยึดครองนั้นมีสถานะไม่ต่างจากสัตว์ที่จะฆ่าทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในช่วงที่พรรคนาซีก้าวขึ้นมามีอำนาจนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาค่อนข้างที่จะ “รักสัตว์” แบบสุดๆ เช่น ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ ที่ออกมาตรการให้ทหารหน่วย SS ทุกคนเมื่อออกเดินตรวจตรานั้น จำเป็นที่จะต้องห้อยกระดิ่งไว้เพื่อที่ว่าเมื่อเสียงกระดิ่งจะทำให้สัตว์ที่ได้ยินนั้นวิ่งหนีไปและไม่ถูกเหยียบ หรือความเป็นมังสวิรัติของฮิตเลอร์ที่จะทนไม่ได้ถ้าได้เห็นชาวบ้านต้มล็อบสเตอร์ทั้งเป็น ซึ่งเหตุผลเพียงเท่านี้นั้นก็เพียงพอต่อการที่พรรคนาซีจะเข็นร่างกฎหมายว่าด้วย “สิทธิสัตว์” ออกมาในปี 1933 ซึ่งเนื้อหาสำคัญของกฎหมายฉบับนี้เรียกได้ว่าสุดแสนจะมีมนุษยธรรมมากๆ เพราะมีการบอกวิธีการเฉพาะในการจัดการสัตว์ต่างๆ ที่นำมาแปรรูปเป็นอาหาร เช่น การเตรียมล็อบสเตอร์ที่ต้องทำให้มันตายก่อนที่จะหย่อนลงหม้อตามวิธีที่ใช้กันอยู่ และการฆ่าสัตว์ในโรงงานหรือฟาร์มที่ต้องทำอย่างเบามือให้สัตว์นั้นเจ็บปวดน้อยที่สุด
นอกจากนี้กฎหมายนี้ยังสั่งห้ามใช้สัตว์ทดลองเพื่อทำการวิจัย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ฮือฮาในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก เพราะการวิจัยอะไรต่างๆ ในสมัยนั้นจำเป็นที่จะต้องทำกับสัตว์ทดลอง ซึ่งถ้ามองไปที่ตัวกฎหมายเพียงอย่างเดียวนั้นจะเห็นได้ว่านี่เป็นกฎหมายที่เป็นสวรรค์ของบรรดาสัตว์ชัดๆ
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
โฆษณา