8 มิ.ย. 2020 เวลา 04:34 • ธุรกิจ
17 เคล็ดลับกับ “คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น เล่ม1”
หนังสือที่สร้างความมั่งคั่งและความสุขให้กับชีวิตด้วยวิธีคิดที่ส่งต่อกันมาในหมู่เศรษฐีชาวยิว
เคล็ดลับที่ 1 - รู้จักกลไกของสังคม
เปิดด้วยคำถามคุณเกลเลอร์ "เธอคิดว่าถ้าขยันและทำงานหนัก เธอจะมีโอกาสเป็นเศรษฐีได้หรือเปล่า?"
ในโลกนี้มีคนมากมายที่อายุเท่ากัน แต่บางคนกลับหาเงินได้ปีละ 5 ล้านเยน บางคนหาได้ 50 ล้านเยนต่อปี และบางคนก็หาได้ 500 ล้านเยนต่อปี แสดงว่าคนที่หาเงินได้ 500 ล้านเยนต่อปีทำงานหนักกว่าคนที่ได้เงิน 5 ล้านเยนต่อปีเป็นร้อยเท่าหรือเปล่า เป็นคำถามที่น่าคิดมากๆ
เขาเล่าต่อว่าคนที่ได้เงิน 500 ล้านเยนต่อปี คือ คนที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองและรับพวกที่มีรายได้ 50 ล้านเยนต่อปีเข้ามาเป็นผู้บริหาร และจ้างคนที่มีรายได้ 5 ล้านเย็นต่อปีมาเป็นลุกจ้าง ซึ่งพบได้ในคนโดยสารรถไฟฟ้าที่อัดแน่นกันทุกวันนั่นเอง
แสดงว่าสิ่งที่ทำให้คนเหล่านี้ได้ค่าตอบแทนที่ต่างกันขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของงานที่มอบให้กับโลกใบนี้โดยให้ลืมเรื่องเงินไปก่อน เพราะว่าคนทั่วไปมักสนใจแต่เรื่องเงินที่จะได้รับจากคนอื่น แต่ไม่เคยสนใจเรื่องผลงานของตัวเอง พวกเขาก็เลยไม่รวยสักที
คนที่รักงานที่ตัวเองทำจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่คิดแต่เรื่อง ซึ่งเขายกตัวอย่างร้านขายดอกไม้ 2 ร้าน ซึ่งร้านที่1 เจ้าของร้านรักดอกไม้ที่มาขายมากๆ คิดหาวิธีทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับดอกไม้ของเขา ในขณะที่อีกร้าน คิดแต่เรื่องผลกำไร ในหัวจะคิดแต่ทำอย่างไรให้ลูกค้าซื้อดอกไม้เยอะๆและจะทำกำไรให้มากๆได้อย่างไร
เขาเล่าต่อเรื่องคนมีอิสรภาพกับคนไร้อิสรภาพ ซึ่งคนที่มีอิสรภาพจะเป็นอิสระทั้งด้านการเงิน สังคมและจิตใจ เขาจะดำเนินชีวิตตามความคิดของตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาช่วยเหลือ
ส่วนคนที่ไร้อิสรภาพจะใช้ชีวิตโดยพึ่งพาคนอื่น เขาจึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนและอยากทำอะไร ซึ่งเขาจะใช้ชีวิตด้วยความหดหู่ เหนื่อยล้า ยากจน ขาดแคลน หงุดหงิด อิจฉา เป็นต้น
คนไร้อิสรภาพจะต้องทำงานทุกวันเพื่อความอยู่รอด นอกจากนี้ คนส่วนมากกลับคิดว่าถ้ามุ่งมั่นทุ่มเทกับงานที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ก็น่าจะมีหนทางก้าวหน้า พวกเขาเลยต่อสู้แบบไร้ความหมายต่อไปเรื่อยๆจนหมดแรงในที่สุด ซึ่งทางออกจริงๆคือการลาออกจากงานแบบนั้น พยายามย่นระยะเวลาที่ทำงานเป็นพนักงานบริษัทให้เร็วที่สุดเ่ท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการไปเรียนเสริมทักษะ เช่น ลงเรียนบัญชีหรือเรียนคอมพิวเตอร์แทน เป็นต้น
เขาเล่าเรื่องเจ้าของธุรกิจส่วนตัว คือ กลุ่มคนที่มักจะไม่มีอิสรภาพที่สุด เพราะชีวิตจริงจะต้องหาลูกค้าอย่างเลือดตาแทบกระเด็น ต้องบริหารจัดการพนักงาน ค่าใช้จ่ายต่างๆอีกมากมาย เหมือนทำงานแทบจะ24ชม.แม้ว่ารายได้อาจจะเพิ่มขึ้นกว่าตอนที่อยู่บริษัท
ซึ่งกุญแจสำคัญ คือ การสร้างระบบธุรกิจมากกว่าการยอมเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวไปตลอด ซึ่งการสร้างระบบธุรกิจจะเป็นกุญแจไปสู่ความมีอิสรภาพ
แพทย์กับทนายความ คือ คนไร้อิสรภาพที่หัวดีมีรายได้สูง ส่วนหนึ่งคือพวกเขาไม่สามารถมีชัวิตอยู่ได้โดยไม่ทำงาน นอกจากนี้การที่พวกเขาไม่รู้จักความรู้เรื่องเงินที่ดี จะทำให้พวกเขาเหล่านี้มีชีวิตที่หรูหรา ฟ่มเฟือยเพื่อตอบสนองการทำงานหนักของพวกเขา
ส่วนคนที่ใช้ชีวิตของคนมีอิสรภาพ จะมีลุกน้องทำงานแทน ช่วยบริหารงานแทนอย่างแข็งขันโดยเราต้องสร้างระบบที่ดีและให้ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข เราสามารถไปอยู่ที่ไหนก็ได้ รายได้ก็จะเข้ามาตลอดนั่นเอง
นอกจากนี้ คนที่จะเป็นเศรษฐีได้ต้องเป็นคนที่มอบความสุขหรือสร้างคุณค่าให้กับคนอื่นด้วย
ชีวิตของคนมีอิสรภาพจะมีเรื่องที่ต้องทำน้อยมาก เขาจะมองหาแต่สิ่งที่ตัวเองอยากทำแล้วสนุกกับมันจนกว่าจะพอใจ
ส่วนคนที่ไร้อิสรภาพจะมีเรื่องที่ต้องทำเต็มไปหมด ไม่มีช่วงเวลาอิสระเป็นของตัวเองเลย
บทสรุปของเคล็ดลับที่1 คือ การเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนเป็นมีอิสรภาพมากกว่าคนไร้อิสรภาพ ถ้าไม่เริ่มการเปลี่ยนแปลง คุณก็จะใช้แบบเดิมต่อไปเรื่อยๆนั่นเอง
สามารถอ่านตอนอื่นๆได้จาก https://www.blockdit.com/series/5edc97549c4f8f0c825a9cbf
โฆษณา