8 มิ.ย. 2020 เวลา 04:58 • สุขภาพ
“ล้างจมูก” ไม่ยาก ใครๆ ก็ทำได้
การล้างจมูกเป็นการทำความสะอาดโพรงจมูก โดยใช้น้ำเกลือเข้าไปชำระล้างน้ำมูกที่เหนียวข้น และไม่สามารถระบายออกได้เอง
การล้างจมูกคืออะไร?
การล้างจมูก คือการทำความสะอาดโพรงจมูก โดยการใส่หรือหยอดน้ำเกลือเข้าไปในจมูก แนะนำให้ใช้น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยลดความเหนียวของน้ำมูกและทำให้เชื้อโรคไม่เจริญเติบโต การล้างจมูกจะช่วยชะล้างมูก คราบมูก หนอง หรือสิ่งสกปรกบริเวณโพรงจมูกและหลังโพรงจมูกออกได้ ทำให้โพรงจมูกสะอาด
การล้างจมูกมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่เยื่อบุจมูก
บรรเทาอาการคัดแน่นจมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น
บรรเทาอาการระคายเคือง และลดการอักเสบในจมูก
ช่วยล้างน้ำมูกเหนียวข้นที่ไม่สามารถระบายออกได้เอง ทำให้โพรงจมูกสะอาด
ช่วยให้อาการหวัดเรื้อรัง (คัดจมูก คัน จาม น้ำมูกไหล แสบจมูก ปวดจมูก) ดีขึ้น และช่วยลดน้ำมูก หรือเสมหะที่ไหลลงคอ
ช่วยระบายหนองจากโพรงไซนัส โดยลดปริมาณน้ำมูก หรือหนองที่อุดบริเวณรูเปิดของโพรงไซนัสในโพรงจมูก ทำให้อาการไซนัสอักเสบหายเร็วขึ้น
ป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูก และโพรงไซนัสขึ้นไปยังหูชั้นกลางหรือลงไปสู่ปอด
ลดจำนวนเชื้อโรค มลพิษ สารก่อภูมิแพ้ สิ่งระคายเคือง และสารที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ในโพรงจมูก
การล้างจมูก ก่อนการพ่นยาหรือหยอดยาในจมูก (ในกรณีแพทย์สั่งยาพ่นจมูก หรือยาหยอดจมูก) ช่วยให้ยาสัมผัสกับเยื่อบุจมูกได้มากขึ้น ทำให้ยาออกฤทธิ์และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ชะล้างคราบสะเก็ดแข็งของเยื่อบุจมูกหลังการผ่าตัด หรือหลังการฉายแสง ทำให้แผลในโพรงจมูก และโพรงไซนัสหายเร็วขึ้น ป้องกันการเกิดพังผืดซึ่งทำให้รูจมูกหรือโพรงไซนัสตีบแคบ
เพิ่มการทำงานของขนกวัด ซึ่งทำหน้าที่พัดโบก กำจัดสิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูก
ช่วยลดปริมาณยาที่ใช้ในการรักษาโรคจมูกหรือโพรงไซนัสลงได้
การล้างจมูกมีวิธีการอย่างไร?
1. ยืนที่อ่างล้างหน้า หรือหาผ้าสะอาดมารอง
2. สอดปลายกระบอกฉีดยาที่มีน้ำเกลือเข้าไปในรูจมูก
3. ค่อยๆ ฉีดน้ำเกลือเข้ารูจมูกข้างหนึ่ง โดยกลั้นหายใจหรือออกเสียง “อา” จนน้ำเกลือไหลออกทางปากหรือไหลย้อนออกทางจมูกอีกข้าง
4. สั่งน้ำมูกและน้ำเกลือออกจากจมูกทั้งสองข้าง โดยไม่ต้องอุดจมูกข้างใดข้างหนึ่ง
5. ล้างจมูกสลับกันไปมาทั้งสองข้าง ด้วยวิธีที่กล่าวข้างต้นจนไม่มีน้ำมูก
2
ข้อควรระวังในการล้างจมูก มีอะไรบ้าง?
หากล้างจมูกแล้วพบว่าอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าเดิม แนะนำให้สอบถามแพทย์อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีอาการไข้ ปวดศีรษะหรือมีเลือดกำเดาไหลตามมา
ควรรักษาความสะอาดของอุปกรณ์ที่ใช้ โดยทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้งานด้วยน้ำสบู่เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้มีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ทำงานไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้วิธีนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา