9 มิ.ย. 2020 เวลา 10:37
อย่าหมดเงินไปกับ "ของมันต้องมี" จนไม่มีเงินเหลือในกระเป๋าอยู่เลย มาเป็นนักช้อปปิ้งที่มีคุณภาพกันเถอะ
เพิ่งจะมีข่าวที่พูดถึงการใช้จ่ายของคน Gen Y ว่ามักใช้เงินฟุ่มเฟือยสิ้นเปลืองไปกับของที่คิดว่าจำเป็นต้องมี เสียจนไม่มีเงินเก็บ ซึ่งเราจะยอมถูกว่าแบบนั้นได้ยังไง แต่ถ้าลองมาคิดดีๆ บางทีเราก็พลาดจากการซื้อของแล้วไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้นวันนี้เราจะมาบอกวิธีการใช้จ่ายแบบคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ ให้คนช่างซื้อทุกคนกันค่ะ
cr. https://www.pexels.com/photo/two-women-walking-side-by-side-1426191/
7. ของมันต้องมี หรือเธอแค่อยากได้
เราจะแยกได้อย่างไรว่าสิ่งของที่เราจะซื้อนี้เป็นสิ่งที่เราต้องมี ก็สามารถดูได้จากความจำเป็นที่ต้องการใช้นี่แหละ ถ้าเราต้องใช้มันมันตลอด ใช้มันบ่อยๆ นั่นคือสิ่งจำเป็น แต่ถ้าซื้อด้วยความรู้สึกที่อยากได้ แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะเอาไปใช้ตอนไหนใช้ทำอะไร แสดงว่าเธอแค่ถูกใจแต่มันไม่จำเป็นต้องมีก็ได้นะ ลองชะลอการซื้อดูดีกว่าที่จะต้องเสียเงินในเวลานั้นกันดูค่ะ แล้วจะพบว่ามันดีกว่ามาก ที่ไม่ต้องเสียเงินไปกับของที่ยังไม่จำเป็นต้องมีนะ
6. เปรียบเทียบราคาหลายๆ ร้านก่อน
อย่าให้ความอยากได้มาทำให้เราหน้ามืดตามัว รีบคว้า รีบจ่ายมากเกินไป เพราะราคาที่เห็นตอนแรกซึ่งเราอาจจะรู้สึกว่าถูกนั้น อาจจะยังไม่ใช่ราคาที่ถูกจริงๆ ก็ได้ เคยพบกับเหตุการณ์ที่ซื้อไปแล้ว แต่มาเจอว่ามีร้านอื่นขายถูกกว่าไหมล่ะ? มันเจ็บจี๊ดแค้นใจเสียเหลือเกิน ดังนั้นก็อย่าใจร้อน ลองดูลองเปรียบเทียบราคาให้ดีเสียก่อนที่จะควักเงินจ่าย จะได้ไม่ต้องมาเจ็บใจทีหลังเอาได้นะ
5. แน่ใจนะว่าของที่ซื้อจะไม่ซ้ำกับของที่มีอยู่
เวลาเห็นของแปลกๆ ของใหม่ๆ ทีไรมันกระตุ้นต่อมอยากซื้อไปซะทุกทีเลย เพราะว่าอยากลอง อย่างสาวๆ เราเวลาเห็นสกินแคร์ หรือลิปสติก มักจะอยากได้อยากซื้อทุกที แต่พอซื้อมาก็อ้าว...ดันมีของเก่าที่ใกล้เคียงกันอยู่แล้วไปซะงั้น ถ้าหมดอายุใช้ไม่ทันก็ต้องทิ้งเสียของไปอีก ดังนั้นก่อนที่จะหยิบแล้วซื้อมาลองคิดดูดีๆ ว่าของเก่ายังมีอยู่ไหม? ถ้ามีใกล้เคียงกันก็ควรใช้ของเก่าให้หมดก่อนดีกว่านะ
4. วางแผนการจับจ่ายซะบ้าง
อาจจะฟังดูเว่อร์วังอลังการมาก แค่ช้อปปิ้งทำไมจะต้องวางแผนขนาดนั้นด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การวางแผนเอาไว้ก่อนนั่นแหละดีที่สุดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามีแผนที่จะซื้อของใหญ่ๆ ใช้ด้วย อย่างเช่น อยากได้คอมพิวเตอร์สักเครื่องหนึ่ง ก็ให้ดูว่าซื้อเงินสดหรือว่าซื้อเงินผ่อนจะมีความคุ้มค่ามากกว่ากัน ถ้าไม่เดือดร้อนจ่ายเป็นเงินสดทีเดียวก็ไม่ต้องเป็นห่วงพะวงอะไรอีก แต่การผ่อนจ่ายก็ช่วยลดภาระ ทำให้เราไม่ต้องทุ่มเงินจ่ายก้อนใหญ่ไปทีเดียว ทำให้เรามีความคล่องทางการเงินดีกว่า แต่ถ้าเรามีผ่อนของหลายชิ้นอยู่แล้ว ก็ต้องทำการจัดสรรให้ดีด้วย ว่าจะทำให้ภาระการจ่ายในแต่ละเดือนหนักเกินไปหรือเปล่า จะได้ไม่ช๊อตเอาจนต้องกู้เงิน หรือเบิกเงินสดมาประทังชีวิตเอาด้วยนะ
cr. https://www.pexels.com/photo/woman-wearing-sunglasses-with-assorted-paper-bags-994234/
3. ซื้อตอน Sale หรือมีโปรโมชั่นสิ
Sale ก็คือการซื้อของลดราคาพิเศษจากราคาปกติ ซึ่งถ้าเราซื้อในตอนนั้นก็จะได้ประหยัดเงินในกระเป๋ามากด้วย ดังนั้นอาจจะรอมันลดราคาก่อน หรือรอช่วงวันพิเศษที่อาจจะมีการลดราคาสินค้าด้วย ส่วนการซื้อของที่มีโปรโมชั่นก็อาจจะทำให้เราได้ของเยอะขึ้น แต่จ่ายในราคาที่ถูกลงด้วย แต่ก็ต้องเช็คดูความคุ้มค่าให้ดีๆ ก่อนนะ เพราะว่าบางทีเราอาจจะตกเป็นเหยื่อการตลาดที่หลอกให้เราซื้อของเพิ่มขึ้น แต่จริงๆ ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อมากกว่า 1 ชิ้นอยู่ก็ได้
2. จัดงบการช้อปปิ้งแต่ละครั้งเอาไว้เลย
เคยไหมคิดว่าจะซื้อของไม่มากหรอก แต่พอถึงเวลาที่จ่ายเงินเข้าจริงๆ แล้ว กลับเสียเงินไปเยอะกว่าที่ตั้งใจเอาไว้มากเลยทีเดียว ทำเอาวูบวาบใจหายไม่ใช่น้อยๆ นึกเสียดายเงินขึ้นมาก็ตอนนี้แหละ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ให้ตั้งงบประมาณการใช้จ่ายเอาไว้เลยว่า ครั้งนี้จะใช้เงินเท่าไหร่มีงบส่วนเกินได้เท่าไหร่ เพื่อที่จะให้การจับจ่ายใช้สอยในครั้งนี้ จะได้ไม่เกินงบประมาณจนต้องมาปาดเหงื่อเอาทีหลังได้ค่ะ
1. ใช้ส่วนลดพิเศษต่างๆ ให้คุ้ม
เชื่อว่าคุณคงจะเป็นสมาชิกต่างๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร เครือข่ายมือถือที่ใช้ บัตรของห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งบัตรส่วนลดเหล่านี้มักจะมีการตอบแทนสมนาคุณให้กับลูกค้าของพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นลองดูจากบัตร หรือ Application ในเครือที่มีดู อาจจะพบส่วนลดมากมาย เพราะบางอย่างที่จำเป็นต้องซื้ออยู่แล้ว อาจจะได้แต้มสะสมเป็น Cashback หรือได้ส่วนลดสินค้าอื่นๆ เพิ่มด้วยอีก มีไว้ก็ไม่เสียหลายนะ หรือว่าการใช้จ่ายผ่านบางบัตรอาจจะให้ส่วนลดมากกว่าหรือผ่อนของ 0% ได้นานหลายเดือนกว่าด้วย เป็นต้น
https://www.pexels.com/photo/selective-focus-photography-of-woman-holding-black-cased-smartphone-near-assorted-clothes-1390534/
ถ้าทำได้ตามนี้คุณก็จะเป็นเจ้าแห่งการช้อปปิ้ง ที่ซื้อของเมื่อไหร่ก็จะรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ซื้อมาแล้วได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ไม่ได้เป็นการเสียเงินไปเปล่าๆ กับของที่ไม่จำเป็นต้องมี และต้องกลุ้มใจกับการใช้เงินจนเกินตัวด้วย คราวนี้ก็จะเป็นคน Gen Y ที่ฉลาดซื้อฉลาดใช้เงินกันได้แล้วล่ะค่ะ
เครดิตภาพประกอบจาก https://www.pexels.com/th-th/

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา