ผ่าตำรา มหาเสน่ห์ ศาสตร์แห่งโลกีย์ ภาค 1
Series : TOP Sexing
เรื่องของความรัก ความหลง และไสยศาสตร์ อยู่คู่กับสังคมบ้านเรามาช้านาน ปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่กล่าวถึง อยู่เนื่อง ๆ แม้จะลดน้อย ถอยลงไปตามยุคสมัยบ้าง ก็ตาม .. วันนี้ผู้เขียนขออ้างถึง หนึ่งในร้อยแปดศาสตร์ ที่ถูกใช้ในอดีตกาล ศาสตร์ที่ว่าคืออะไร ใช้อย่างไร ผู้เขียนจะผ่าตำราให้ฟัง ดังต่อไปนี้ครับ
สิ่งที่เราจะกล่าวถึงในวันนี้ เรียกว่า "ยาแฝด" ครับ (ไม่ต้องมามุกเลย .. มันไม่ใช่ยาสองเม็ดแน่ ๆ) เพราะอันที่จริง มันคือตัวยา ที่ปลุกเสกขึ้นมา เพื่อสร้างความหลงไหล ให้แก่ตัวผู้ทำพิธีนั่นเอง ว่ากันว่า ผู้ใดโดนเสน่ห์ยาแฝดเข้าไป เป็นต้องรัก ต้องหลง แม้อยู่ห่างไกลกันข้ามทวีป ก็จะทนต่อแรงปราถนาไม่ไหว
สำหรับวิธีการปรุงยาแฝดนั้น มีหลากหลายวิธี ตามบันทึกจากสมุดข่อย (สมุดฉัน นั่นเอง) ผู้มีวิชาอาคม เลือกใช้แตกต่างกันออกไป ตามความถนัดของแต่ละบุคคล ในยุคโบราณนั้น ขั้นตอนและวิธีการทำ มักถูกปกปิด นั่นเพราะส่วนหนึ่ง เกรงจะเป็นบาปแก่ตนเอง และสิ่งนี้ ก็เป็นศาสตร์ด้านมืด ที่สร้างมลทินให้กับใคร หลายคน
สำหรับวิธีแรก เริ่มต้นที่ลูกสวาดครับ โดยการคว้านเอาใส้ออก จากนั้นผู้ทำพิธีต้องไปอาบน้ำในอ่าง ชำระล้างร่างกายทุกซอก ทุกส่วน แล้วก็ช้อนเอา เฉพาะคราบไคลที่ตกเป็นตะกอนในอ่าง ใส่เข้าไปในลูกสวาด ที่ถูกคว้านใส้เตรียมไว้
ส่วนประกอบทั้งหมด จะถูกผสมกับ ชะมด พิมเสน และเครื่องหอม โดยปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งอีกที เมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ทำพิธีกลืนลงท้องไป ย้ำว่ากลืนนะครับ ห้ามเคี้ยว เพราะหลังจากกลืน จำเป็นจะต้องรอ จนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกมา จึงค่อยนำลูกสวาดไปล้าง และเผาไฟเป็นลำดับต่อไป
ขั้นตอนสุดท้าย จะเข้าสู่เรื่องของคาถา อาคม และการปลุกเสกครับ ซึ่งหลังจากผ่านกระบวนการนี้ไปแล้ว ก็ให้นำไปปรุงเป็นอาหาร ให้ผู้ที่ตนเองอยากให้หลงรัก รับประทาน ผู้ที่ได้กิน จะรักผู้นั้น จนวันตายครับ (เค้าบอกมา แบบนั้น)
สำหรับสารประกอบ หรือส่วนที่จะนำมาประกอบเป็นตัวยาหลัก ๆ นั้น ในหลาย ๆ บันทึกก็มีความแตกต่างกันไป บ้างก็ใช้ลูกลำโพง บ้างก็ใช้คราบไคลจาก กลางมือ กลางเท้าทั้งสองข้าง หรือไม่ก็ใช้เลือดจากหน้าอก รวมไปถึงเถ้ากระดูก จากผีตายโหง
มากันที่ ตำหรับที่สอง สำหรับยาแฝด ลักษณะคล้ายกันกับวิธีแรกครับ คือใช้ลูกสลาดคว้านใส้ออก แล้วใช้คราบไคลของผู้ทำพิธี ผสมกับตะไคร่จาก สีมาหน้าพระอุโบสถ หรือจะเป็นตะไคร่จากเสาตะลุงช้าง (อันนี้คือ เสาหลักที่เค้า เอาไว้ผูกช้าง)
ผสมกันในปริมาณที่เท่า ๆ กัน ยัดใส่ลูกสวาด ปิดด้วยขี้ผึ้ง กลืนลงท้อง รอจนถ่ายอุจจาระออกมา นำไปล้างแล้วเผาไฟ จากนั้นบดให้ละเอียด นำไปปรุงเป็นอาหารให้คนที่ตนเองต้องการ ให้รัก ก็จะได้ผลเช่นกัน สำหรับการปลุกเสก ขั้นตอนนี้ ตามบันทึกระบุว่า ต้องปลุกเสกจนครบสามเสาร์ เท่านั้น คาถาที่ว่าคือ โอมจิตคิดถึงลำโพง กูจะเสกให้ช้างกินช้างก็ลืมโขลง กูจะเสกให้โขลงกินโขลงก็ลืมไพร (เอ่ยชื่อคนที่เรารัก) อยู่มิได้ร้องไห้มาหากู โอมสวาหะ
ส่วนวิธีที่สาม ให้เด็ดลูกลำโพงกาสลัก (รู้จัก กันบ้างไหม) เคล็ดลับอยู่ที่ หลังจากเด็ดแล้ว ห้ามมองกลับไปโดยเด็ดขาด วิธีก็คือ ผสมคราบไคล ของทุกส่วนในร่างกาย รวมถึงบริเวณส่วนที่ลับด้วย ผสมเข้ากับลูกลำโพงกาสลักดังกล่าว บดแล้วเสกด้วยอาคม จากนั้นลอบนำไปใส่ในอาหาร หรือน้ำดื่ม
ว่ากันว่า หากต้องการให้รักตนเองทั้งครอบครัว ให้ใส่ในโอ่งน้ำดื่ม (สมัยนี้ คงลำบากหน่อย ใส่ในคูลเลอร์ ไปก่อนละกัน) บางตำราให้ใส่เลือด หรือไม่ก็เถ้ากระดูก จากศพที่ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร ลงไปด้วย สำหรับบทเสกอาคม คือ โอมพญาลำโพง ช้างกินลืมโรง โขลงกินก็ลืมไพร สาวแก่แม่หม้าย บุรุษผู้ใดกินเข้าไป ให้ร้องไห้มิพักอัดแอ ลืมพ่อลืมแม่ ปู่เจ้าเขาเขียวปู่เจ้าสมิงไพร ให้ไว้แก่กู สิทธิสวาหะ
ตาราบทสุดท้าย สำหรับยาแฝด ต้องบอกว่าอลังการ งานสร้างมาก เป็นวิธีที่ใช้ได้เฉพาะผู้หญิง ซึ่งทำให้ผู้ชายหลงไหลเท่านั้น .. โดยใช้อาหารที่ปรุงร้อน ๆ มาอังไว้บริเวณใต้หว่างขา เพื่อให้ไอร้อนของอาหาร ทำปฎิกริยาควบแน่น กลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำ ไหลลงสู่อาหารหม้อเด็ดนั่นเอง จากนั้นก็นำอาหารไปให้คนที่ต้องการรับประทาน เป็นอันจบ
อย่างไรก็ดี การทำเสน่ห์ยาแฝด ก็มีอาการแทรกซ้อน (เค้าเรียก ผลข้างเคียง) คือ ในบางร้าย จะมีขอบตาคล้ำ หน้าตาซีดเซียว ไม่มีสง่า ราศรี ใบหน้าเป็นฝ้า บางรายเพ้อไม่ทราบสาเหตุ ในกลุ่มคนที่หนักๆ มีอาการคลุ้มคลั่ง ไปจนถึงเสียสติทีเดียว
มีผูก ย่อมมีแก้เป็นของธรรมดาครับ ยกเว้นโควิด 19 ที่ตอนนี้ยังแก้ไม่ได้ .. สำหรับคนที่ถูกเสน่ห์ยาแฝด โบราณให้ดื่มน้ำจากใต้ท้องเรือจ้าง 7 ลำ จึงจะหาย (อันนี้ หากยากพอสมควร) นอกจากนี้ ก็มีการรดน้ำมนตร์ธรณีสาร น้ำมนตร์โองการพระมหาเถรตำแย หรือหากอาการหนักมาก ก็ใช้ยาสมุนไพร เสกด้วยคุณพระประกอบ
สมัยโบราณหากต้องเดินทางต่างถิ่น จึงต้องมีคาถาป้องกันตัวจากสิ่งเหล่านี้ เพื่อถอนคำสาป เฮ้ย.. !! เพื่อถอนมนต์ดำให้หมดไป คาถานั้นคือ สมุหเนยฺย สมุหนติ สมุหคโต สีมาคตํ พทฺธเสมายํ สมุหนิพตพฺโพ เอวํ เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดหาย
ปัจจุบัน แม้ความเชื่อเรื่องเหล่านี้ จะค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่การศึกษาความรู้ และระมัด ระวังตัวอยู่เสมอ ก็เป็นสิ่งที่เราควรยึดถือปฎิบัติ ไม่ว่าจะมาจากศาสตร์มืด หรือมาจาก ภัยมืดของสังคมครับ
หากมีคำถามใดคาใจ ไม่อยากเม้นท์ทิ้งไว้
สามารถส่งคำถามของคุณ ผ่านทางลิงค์ติดต่อเรา
แหล่งข้อมูล ภาพ และสื่อประกอบ
- 5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
