15 มิ.ย. 2020 เวลา 23:00 • การศึกษา
มนต์พลีกาย ถวายกามา
Series : TOP Sexing
ผ่าตำรามหาเสน่ห์ ศาสตร์แห่งโลกีย์ ภาค 2
สุดยอดแห่งสะสาร ที่ฝรั่งเห็นยังอึ้ง ทึ่ง เสียว คงหนีไม่พ้นน้ำมันพราย สารหล่อลื่นที่สร้างขึ้นมาเพื่อเสน่ห์ ตัณหา และกามรมณ์ .. เชื่อหรือไม่ว่า ปัจจุบัน น้ำมันพราย มีจำหน่ายแพร่หลายมาก ๆ (เอ้า จิงดิ..!!) อยากมีไว้เป็นเจ้าของ แค่ค้นหา บนอากู๋ ก็มีให้เลือกไม่อั้นแล้ว
คุณคิดว่าสะสารแห่งปฏิพัทธ์ลุ่มหลงนี้ มีราคาขวดละเท่าไหร่ บนหน้าอินเทอร์เน็ต ตอบอย่างไม่คิด 199 (ถูกเว่อร์ อ่ะ) แล้วมีใครอยากรู้ไหมว่า น้ำมันพราย แท้จริงแล้วต้องผ่านกระบวนการอย่างไรบ้าง ถ้าอยากรู้ เตรียมขวดมาครับ ผู้เขียนจะพาไปโรงกลั่น
1
ผู้ที่จะทำน้ำมันชนิดนี้ได้ จำเป็นจะต้องมีหุ้นใน ปอตอทอ สอผอ อย่างน้อย 25% (คนละ น้ำมันแล้ว) ผู้ที่จะทำน้ำมันพรายนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มี วิชาอาคมทางไสยศาสตร์แก่กล้า มีจิตที่เข้มแข็ง ไร้ความกังวลใด ๆ และผู้ที่ตกเป็นเหยื่อโดยส่วนใหญ่ จะมีอาการประหนึ่งเพ้อพก จำต้องไปหาเพื่อพลีกาย ให้กับเจ้าของบ่อน้ำมัน
ไม่ต้องคิดถึงวิธีถอนพิษ (เค้าเรียก ถอนฤทธิ์) เพราะผู้ที่จะถอนได้ จะต้องมีจิตตานุภาพแก่กล้าจริง ๆ เท่านั้น เพราะมนต์ดำสายนี้ ถือว่าเป็นคุณไสยเลเวลสูง แห่งสายดาร์ค ซึ่งน้อยคนนัก จะมีวิชากล้าแกร่ง อีกประการหนึ่ง คือมนต์เหล่านี้ ผูกพันกับจิตวิญญาณของภูตผี ปีศาจ ยิ่งทำให้แก้ยากไปใหญ่
1
จากการสืบเสาะแหล่งข่าว ที่มีความน่าเชื่อถือ (ประมาณหนึ่ง) ทำให้เราพอทราบเกี่ยวกับ ขั้นตอนการเสกน้ำมันพราย ซึ่งจะขออธิบายอย่างคร่าว ๆ เพราะหากลงลึกจริง ๆ คาดว่าจะยาวยิ่งกว่า แฮรี่ พ็อตเตอร์ กับน้ำยาอาถรรพ์
อันดับแรกที่ต้องทำคือ ต้องเสาะหาหญิงสาว ที่ตายทั้งกลมเสียก่อน ตายทั้งกลม ก็คือ ตายหลาย ๆ กองร้อย นั่นเอง (นั่นมัน ทั้งกรม) หมายถึงการตาย ทั้งที่ยังตั้งครรภ์ เพราะมีความเชื่อกันว่า ศพหญิงสาวที่ตายทั้งกลมนี้ จะมีความเฮี้ยน และให้ความขลังเป็นอย่างมาก
 
ความเชื่อของชาวชนบท หรือบ้านนอกนั่นแหละ ผู้คนจะนำศพที่ตายโหง (หมายถึง การตายที่ไม่ใช่โดยธรรมชาติ) ไปฝังแทนการเผาครับ นี่ล่ะ กลายเป็นลู่ทางของหมอผีทั้งหลาย แต่จะต้องรอจนคืนที่ 3 หลังจากฝังไปแล้วเท่านั้น
ก่อนจะเข้าป่าช้า หมอผีจะต้องทำการขออนุญาต "ยายกะลาตากะลี" เสียก่อน สิ่งนี้เสมือน สิ่งปกปักป่าช้า ฟังจากชื่อแล้ว เราไม่แน่ใจ ว่าชายหรือหญิง โดยจะบวงสรวงด้วย เครื่องเซ่นไหว้ ใส่กระทงสามเหลี่ยม ทำด้วยกาบกล้วย สำหรับเครื่องเซ่นก็จะมี ข้าวสวย 3 ปั้น, ไข่ต้ม 3 ฟอง, ปลา 3 หัว, หางปลา 3 หาง, บุหรี่ 3 มวน, เหล้าขาว 1 ขวด
1
หลังจากนั้น ก็จุดธูป 1 ดอก แล้วบริกรรมคาถา เรียกนายป่าช้ามารับเครื่องเซ่นสังเวย ให้สังเกตจากธูปที่จุดครับ หากธูปดับไปตอนที่ทำพิธีเสร็จ แปลว่าเจ้าที่เปิดทางให้ละ แต่ถ้าหากธูปไม่ดับ และไหม้ไปจนหมดก้าน นั่นแปลว่านายป่าช้าไม่ยินยอม ตรงนี้หมอผีจะไม่ฝืนเด็ดขาดครับ เพราะไม่ว่าหมอผี จะเก่งกล้าซักเพียงใด การทำศึกกับกองทัพ เดอะมัมมี่ เฮ้ย .. ผิด ๆ การต่อสู้กับวิญญาณทั้งป่าช้า เป็นเรื่องที่ยากเกินจะรับมือ
ผ่านด่านแรกมาได้ จนถึงหลุมศพเป้าหมาย ก็จะพบกับหนามพุทรา ที่วางเกลี่ยไว้ ทั่วไปทั้งหลุม นั่นไม่ใช่เพราะกันหมาแมว มาคุ้ยเขี่ย แต่เป็นเพราะสัปเหร่อ วางอาคมไว้ สะกดวิญญาณ (วอ อิ ยอ วิน .. ไม่ใช่ สะกดแบบนั้น) ที่ต้องสะกดวิญญาณ ก็เพราะเกรงกลัวผีร้าย จะออกมาอาละวาด และระหว่างที่รื้อหนามออก จะต้องบริกรรมคาถาถอน หรือคลายมนต์สะกดไปด้วย
บนหลุมศพยังมีหินลงอาคมอีกสามก้อน ซึ่งถูกวางเรียงไว้ด้านศีรษะของศพ นั่นเป็นหน้าที่ของหมอผี ที่จะต้องหาก้อนหนึ่ง ก้อนใด ที่สัปเหร่อเป็นคนลงอาคมสะกดไว้ ก่อนจะใช้มีดหมอ ปักลงดิน แล้วงัดขึ้นมาทั้ง 8 ทิศ เพื่อเป็นการเบิกธรณี ก่อนจะทำการขุด
หลังจากถอนตะปูตอกฝาโลงเสร็จเรียบร้อย ก็จะเข้าสู่ช่วงไฮไลท์ฟุตบอล บุนเดสลีกา (โอ้ยยย .. จะพาออกนอกเรื่องทำไม กำลังลุ้น) เราจะสัมผัสกับ กลิ่นเหม็นคละคลุ้ง เสียงหวีดร้องแสนเยือกเย็น และร่างที่เหยียดขึ้นสูงลิบลิ่ว
หากหมอผีเก่งกล้าจริง จะบริกรรมคาถาไปเรื่อย ๆ จนสยบผีร้ายให้อ่อนกำลังลง สุดท้ายร่างที่ยืดยาว จะค่อย ๆ หดตัวต่ำลงมา จนกระทั่ง มานั่งประจันหน้ากับหมอผี จากนั้นพ่อหมอ จะทำการตัดด้ายตราสัง ที่มัดข้อมือออก แล้วบอกความจำนงค์
ถ้าหากตกลงกันได้ ผีตายทั้งกลมของเรา ก็จะบอกพิกัดให้ลนไฟได้ โดยน้ำมันที่ลน มักได้ไม่กิน 10 หยด .. ถามว่าทำไม (มันคงจะร้อนน่าดู) ซึ่งหลังจากลนแล้ว ผีร้ายจะถูกมัดตราสังกลับไป และรีเทิร์นทุกอย่างกลับมาให้อยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง
ส่วนถ้าตกลงกันไม่ได้.. อันนี้แหล่งข้อมูลไม่กล่าวถึงครับ เดากันไปว่า น่าจะตัวใคร ตัวมัน
ในส่วนที่เป็นทียน อุปกรณ์หลักของเรา เสมือนประหนึ่งดาบอาญาสิทธิ์ ที่ต้องใช้ในพิธีกรรมนี้ ไม่ใช่จะเอาเทียนอะไรมาใช้ก็ได้นะครับ สเปคคร่าว ๆ มีประมาณนี้ครับ .. มีความยาว 1 ศอก ของหมอผี, ไส้เทียนทำจากด้าย 80 เส้น ฝั่นรวมกัน พร้อมบริกรรมคาถา สะกดวิญญาณไปด้วยขณะฝั่น
น้ำมันที่ได้มาจากการลน จะถูกนำมาผสมกับ B20 ที่ถูกเตรียมไว้ เพื่อช่วยชาติประหยัดพลังงาน (จะไปยุ่งอะไร กับ ปตท.) จะถูกนำมาผสมกับ น้ำมันที่เตรียมไว้ ซึ่งเป็นน้ำมันที่ได้มาจากการผสมระหว่าง น้ำมันมะพร้าว จากมะพร้าวล้างหน้าศพ 7 ศพ และขี้ผึ้งปิดปากผี อีก 7 ศพ
1
อย่าพึ่งคิดว่าได้น้ำมันจากศพ ผสมกับน้ำมันที่เตรียมไว้แล้ว จะสามารถใช้งานได้เลย ทั้งนี้ต้องผ่านกระบวนการหุงเสียก่อน (ลืมเรื่อง อุ่นทิพย์ ของชาร์ป ไปได้เลย) เพราะหุงในที่นี้ คือการปลุกเสกด้วยการคาถา
เคี่ยวน้ำมันพรายจากถ่านเผาผี ที่หัวกอง 7 แห่ง ประกอบการเคี่ยวบริเวณทางเปลี่ยว ที่เป็นทางสามแพร่ง ไม้พายสำหรับเคี่ยว ใช้เป็นกิ่งพุทราตาย และปลายชี้ไปทางด้านทิศตะวันออก แน่นอนว่าระหว่างเคี่ยว ก็ย่อมต้องบริกรรมคาถากำกับตลอดเวลา
หลังจากเคี่ยวเสร็จ ก็ต้องนำไปเสกในโบสถ์อีกที โดยตำแหน่งที่วางขวดน้ำมันพราย จะต้องอยู่ในระดับสายตาของพระประธาน ซึ่งทอดพระเนตรลงมา ตกกระทบพื้น โดยเริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น ไปจนถึงยามที่แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในโบสถ์ ระดับเดียวกับพระเนตรของพระประธาน แล้วจึงหยุดบริกรรมคาถา สุดท้ายต้องทำเช่นนี้ ทั้งหมด 7 โบสถ์
หลังจากได้น้ำมันพรายมาแล้ว จะตั้งทิ้งไว้เฉย ๆ ก็ไม่ได้นะครับ เพราะในน้ำมันพรายนั้น มีวิญญาณของผีตายทั้งกลมสิงอยู่ด้วย จึงจำเป็นต้องนำเครื่องเซ่น เป็นอาหารคาวหวานเป็นประจำ และไม่ควรเปิดใช้บ่อย (เพราะมันเปลือง)
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ทุกท่านได้อ่านเนื้อหาจบลงไปแล้ว คิดอย่างไรกับน้ำมันพราย ที่มีขายกันกราดเกลื่อนบนโลกไซเบอร์ หลายคนคงจะคิดว่า ราคาดังกล่าวนั้น ถูกแสนถูกทีเดียว หากมันใช้งานได้จริง
บทความไม่ได้มีเจตนาชักจูง หรือส่งเสริมให้ใช้น้ำมันพรายแต่อย่างใด (หากหาได้) เพียงแต่โลกปัจจุบัน คงไม่ต้องการศาสตร์มืดเหล่านี้อีกแล้ว นั่นเพราะเรามีวิทยาการล้ำสมัย มีสังคมที่ก้าวหน้า และมีวัฒนธรรมเกินกว่า จะต้องพึ่งพา สะสารแห่งดาร์คโซน
สุดท้ายแล้ว เสน่ห์ของคนเรา หาได้อยู่ที่วัตถุใด ๆ ไม่ แต่อยู่กับคำพูดที่อ่อนน้อม อากัปกริยาที่สุภาพ กาลเทศะที่เหมาะสม รวมไปถึงการประพฤติตนเป็นคนดี ทำตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม เพียงแค่นี้ เสน่ห์ของคุณ ก็จะร้อนแรงกว่าน้ำมันพรายเป็นพันเท่า
หากมีคำถามใดคาใจ ไม่อยากเม้นท์ทิ้งไว้
สามารถส่งคำถามของคุณ ผ่านทางลิงค์ติดต่อเรา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา