13 มิ.ย. 2020 เวลา 10:52 • ธุรกิจ
Wyckoff Cycle - วงจรการเคลื่อไหวของหุ้น
การเคลื่อนไหวของราคาว่าเป็นไปตามช่วงที่หุ้นนั้นๆอยู่
Mark up phase - ระยะขึ้นของราคาหุ้น
หลังจากที่ผ่านระยะสะสมมาแล้ว จนกระทั่งแท่งราคาทะลุกรอบสะสมขึ้นมาพร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ระยะสะสม จากนี้จะเข้าสู่ระยะขึ้นหรือ Mark up phase
ระยะขึ้นหรือ Mark up phase เป็นระยะที่ราคาหุ้นจะขึ้นไปเรื่อยๆ โดยมีการยกจุดต่ำสุดและยกจุดสูงสุดไปเรื่อยๆ (เกิดลักษณะ higher low and higher high) ซึ่งการที่ราคาหุ้นขึ้นมาแสดงว่า demand มากกว่า supply
หุ้นจะขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อมีคนซื้อมามากกว่าคนขาย และหุ้นจะลงเมื่อมีคนขายมากกว่าคนซื้อ อันนี้เป็นหลักคำอธิบายตามหลักของอุปสงค์และอุปทาน (demand and supply)
โดยในขณะที่เกิด Mark up phase จะมีช่วงที่ราคาขึ้นและราคาย่อลงเป็นเรื่องปกติ เพราะในขณะที่ราคาขึ้นถึงจุดหนึ่ง จะมีนักลงทุนบางคนอยากขายทำกำไรออกมา ทำให้ราคาย่อตัวลงมา แต่ตราบใดก็ตามที่ยังมีนักลงทุนอยากซื้อหุ้นนี้อีก ก็จะเข้าไปซื้อตอนราคาย่อลงมา ทำให้ราคาไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่
เมื่อราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆจนมีนักลงทุนหรือ smart money เห็นว่าราคาตรงนี้น่าจะเป็นจุดสูงสุดที่ราคาควรจะเป็นหรือราคาขึ้นมาเหมาะสมแล้ว ก็จะเริ่มมีแรงขายออกมามากกว่าแรงซื้อ เทขายออกมาพร้อมกัน จะเกิดสัญญาณที่ไม่เหมือนตอน selling climax เพราะการเทขายจะเกิดขึ้นตอนที่ราคาเป้นบวกมาก นักลงทุนจะไม่เทขายตอนราคาลบเกิดเป็นแท่งราคาเขียวยาวร่วมกับมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนหน้านั้น
หลังจากนั้นจะเริ่มสังเกตได้ว่าหุ้นจะไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่จะยังไม่เกิดจุดต่ำสุดใหม่ทันที เกิดการเคลื่อนตัวของราคาหุ้นเป็นแบบ sideway เพราะการที่นักลงทุนรายใหญ่หรือ smart money จะขายหุ้นออกมาทั้งหมด จำนวนต้องมีการเปลี่ยนถ่ายเปลี่ยนมือเป็นจำนวนมากและเวลานานและเข้าสู่ระยะ distribution phase หรือระยะกระจายหุ้น
จุดซื้อที่ดีของนักลงทุน
1. จุดที่ราคาทะลุกรอบสะสมขึ้นมา ซึ่งจะเห็นเป็นแท่งเขียวยาวร่วมกับมีปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นชัดเจน
2. จุดที่ราคาขึ้นไปแล้วและกำลังย่อตัวลงมา
3. จุดที่ราคาทะลุจุดสูงสุดเดิมก่อนหน้า
สรุปการสิ้นสุดระยะขึ้นเข้าสู่ระยะกระจายจะประกอบด้วย 3 สัญญาณ คือ
1 เกิดลักษณะ buying climax หรือการซื้ออย่างมากซึ่งจะเป็นแท่งราคาเขียวยาวมากร่วมกับปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
2 ราคาหุ้นย่อตัวลงทำจุดต่ำแล้ววกกลับขึ้นมา
3 ราคาขึ้นไปทดสอบจุดสูงของ buying climax แล้วย่อตัวลงมาอีก เกิดเป็นกรอบราคาซึ่งจะเป็นช่วงการกระจายหุ้น
รูปที่1 ตัวอย่างระยะขึ้นของหุ้นA
รูปที่2 ตัวอย่างระยะขึ้นของมหุ้นB
โฆษณา