“ความสำเร็จจะทดสอบเราว่า เราคู่ควรไหม” เป็นข้อคิดที่ผมชอบที่สุดจากหนังสือ “มาร์เก็ตติ้งลิงกลับหัว” โดย คุณ รวิศ หาญอุตสาหะ ทายาทกิจการแป้งศรีจันทร์รุ่นที่ 3 จริงๆ แล้วประโยคข้างต้นทำให้ผมน้ำตาคลอเลยทีเดียว… การไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ระหว่างทางไม่มีคำว่าง่ายเลย บางทีไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำไปว่าจะเข้าใกล้ความสำเร็จที่ว่าได้มากที่สุดแค่ไหน อาจต้องใช้เวลา หลายปี หรือ 10 ปี ก็ยังไม่รู้เลย …
.
เล่มนี้เป็นอีกเล่มที่สอนเรื่องความพยายาม ถ่ายทอดออกมาในมุมมองของการตลาด ผมขอเรียกเล่มนี้ว่าเป็น Book Of Marketing Idea. ตลอดทั้งเล่มมีข้อคิดและความคิดสร้างสรรค์ในการทำธุรกิจ มาให้ว้าว…. กันตลอดทั้งเล่ม ซึ่งรวมรวมเคสจากทั่วโลกรวมถึงบางกิจการของไทยเราด้วย
.
การทำธุรกิจในมุมมองที่ผู้เขียนนำเสนอคือ การเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ ให้เหมือนกับลิงที่กำลังห้อยโหนกลับหัวอยู่บนต้นไม้ เรียกอีกอย่างว่าการมองมุมกลับ สังเกตุอย่างถี่ถ้วน เข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของลูกค้า ไม่ใช่คิดไปเอง
.
จริงครับ Passion สำคัญมากในการทำธุรกิจ แต่อย่าลืมว่าบาง Passion ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราถนัดที่สุดเสมอไป ฉะนั้น ต้องสมดุลให้ดีระหว่าง สิ่งที่ถนัดและสิ่งที่ชอบ ถ้ายังขาดความรู้อะไรที่จำเป็นสำหรับธุรกิจก็ต้องไปหาเพิ่ม ปรึกษา ทดสอบไอเดียร์ทางธุรกิจบ้าง
.
ปัจจุบันผมคิดว่าเรามีโอกาสสร้างฐานลูกค้าได้ก่อนจะลงทุนเริ่มธุรกิจด้วยซ้ำไป เช่น ถ้าผมจะมีแผนจะเปิดร้านซักรีด ผมก็จะทำเพจร้านขึ้นมาก่อนโดยแนะนำตัวว่าผมคือที่ปรึกษาเรื่องการดูแลเสื้อผ้า และการซักรีด เพจของผมจะมีความรู้ เรื่องการซักรีดทั้งหมดเท่าที่จำเป็นสำหรับการดูแลผ้าด้วยตัวเองของลูกค้า
.
เพียงเท่านี้ผมก็จะมีโอกาสเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าที่มีปัญหา รีดผ้าบางชนิดไม่เรียบ หรือคราบที่ซักไม่ออก ย้ำว่าแค่ โอกาส นะครับ เพราะปัจจุบันนี้คู่แข่งเยอะเหลือเกินบน Facebook Page
.
ด้วยเหตุนี้การคิดไอเดียร์ใหม่ๆ จึงเป็นที่ต้องการมากสำหรับตลาดเพราะการเริ่มธุรกิจตอนนี้มีต้นทุนที่ใกล้เคียงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงวัตถุดิบหรือการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า การหาลูกค้าให้ได้จำนวนมากๆ จึงไม่ใช่คำตอบของทั้งหมดอีกต่อไปแต่ต้องหาให้เจอด้วยว่าลูกค้าที่มีคุณภาพสำหรับธุรกิจของเรา เขาเป็นใครกัน เป็นคนกลุ่มไหน อาชีพอะไร มีครอบครัวหรือมีลูกแล้วหรือยัง เป็นต้น ถ้ารู้แบบนี้ได้ก็จะสามารถประหยัดงบการตลาดได้มากเรียกว่าใช้เงินได้อย่างคุ้มค่าครับ
.
ความคลั่งไคล้อย่างสุดหัวใจก็สามารถสร้างตำนานได้ ผมขอยกเคสที่ผมชอบมาก ของนักดูนกคนหนึ่งที่รักการดูนกมากโดยที่เขาจะบันทึกสีของนกที่เขาเห็นลงในสมุดโน๊ตเสมอ แต่พอเขาดูนกมากขึ้นสีในแม่สีแบบปกติไม่สามารถอธิบายเฉดสีที่มีความแตกต่างกันของขนนกได้ครบทุกสี เขาจึงเริ่มตั้งชื่อสีจาก ชื่อเมืองหลวง ชื่อเมือง ชื่อถนน ภูเขา ทะเล แม่น้ำ จนได้ พันกว่าชื่อ ผ่านมาหลายสิบปี เมื่อเขาจากโลกนี้ไปแล้ว ชื่อสีเหล่านั้นได้มาเป็นมาตรฐานชื่อของสีที่นักออกแบบ และ ดีไซเนอร์ทั่วโลกใช้กันจนถึงปัจจุบัน
.
คลั่งไคล้และรักต่อบางสิ่งจนรู้ลึกรู้จริงในเรื่องๆ นั้น นี่คือคุณค่าของงานที่คุณทำ “ทำไมภัตตาคารหรูในเมืองใหญ่ถึงขายอาหารได้แพงกว่า 2-3 เท่า นอกจากจะเป็นความสวยงามมีระดับของสถานที่และบริการแล้ว ทุกเมนูมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง เช่น ไวน์ ที่บริกรยกมาเสิร์ฟ คือไวน์จากไร่ชื่อ….เป็นของครอบครัว…..ที่ปลูกองุ่นสายพันธ์…..ที่ไม่มีที่ไหนในโลกเพราะด้วยสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ การไม่ใช้สารเคมี ทำให้องุ่นที่นำมาหมักไวน์ มีรสชาติเฉพาะตัว อีกทั้งกระบวนการของการหมักบ่ม ก็มีการควบคุมเวลาและอุณหภูมิเป็นอย่างดี ” เป็นอย่างไรครับ แค่ไวน์แก้วเดียวฟังแล้วยังเหนื่อยเลย แต่มันรู้สึกว่ามีคุณค่าใช่ไหมล่ะครับ ทั้งๆ ที่กลืนลงไปมันก็แทบจะไม่ต่างจากไวน์ยี่ห้ออื่นๆ บางครั้งเรายังมโนไปเองด้วยว่า ว้าวววว….มันสุดยอดจริงๆ
.
นอกเหนือจากแนวคิดเจ๋งๆ ในด้านการตลาดแล้วความดีงามของหนังสือเล่มนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือการสอนไม่ให้ยอมแพ้ง่ายๆ
.
“ความสำเร็จจะทดสอบเราว่า เราคู่ควรไหม”
.
ซึ่งผมเชื่อหมดใจว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ความล้มเหลวคือข้อความที่ส่งถึงเราว่า “ฉันมีโอกาสดีได้กว่านี้” จะต้องไม่ยอมแพ้ แม้คะแนนจะแย่ก็ตาม ซึ่งมันคนละเรื่องกับดันทุรังนะครับ
.
เล่มนี้ผมยืมห้องสมุดของคณะที่ผมสอนมานานแล้ว เวลานี้คงได้ฤกษ์เอาไปคือเสียที ผมชอบคำคมหนึ่งมากจาก readery podcast เขาบอกว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นใครจะมีหนังสืออย่างน้อยหนึ่งเล่มที่เหมาะกับคุณ” พบกันใหม่เล่มหน้า สวัสดีครับ