17 มิ.ย. 2020 เวลา 14:11 • ประวัติศาสตร์
“Olive Oatman” หญิงที่ถูกเลี้ยงดูโดยชนพื้นเมืองอเมริกัน
“Olive Oatman” เป็นหญิงชาวอเมริกันที่ครอบครัวถูกฆ่าตาย และตัวเธอได้ตกไปอยู่ในความดูแลของชนเผ่า
เธอเกิดในปีค.ศ.1837 (พ.ศ.2380) และในปีค.ศ.1850 (พ.ศ.2393) ขณะที่อายุได้ 13 ปี เธอก็ได้ออกเดินทางไปแคลิฟอร์เนียพร้อมกับครอบครัว
ในระหว่างเดินทางในป่านั้น ครอบครัวของเธอได้พบกับชนพื้นเมืองเผ่า Yavapai โดยเผ่า Yavapai ได้ขออาหารและยาสูบ
แต่เมื่อครอบครัวของเธอปฏิเสธ เผ่า Yavapai ก็ได้ฆ่าพ่อและแม่ของเธอ รวมทั้งลูกๆ คนอื่น เหลือรอดเพียงแค่เธอและน้องสาว
เธอและน้องถูกเผ่า Yavapai จับตัวไป ถูกใช้แรงงานอย่างหนักและตบตี
ภายหลังอยู่กับเผ่า Yavapai ได้หนึ่งปี เธอและน้องก็ถูกนำตัวไปแลกกับม้าสองตัว โดยพวกเธอถูกเปลี่ยนมือ ไปอยู่กับเผ่า Mohave
นับเป็นโชคดี เผ่า Mohave นั้นดูแลพวกเธอดีกว่าเผ่า Yavapai มาก เธอและน้องได้รับการปฏิบัติเหมือนคนในเผ่า ได้รับที่ดินให้ทำฟาร์ม และยังได้รับการสักที่คางและแขนตามประเพณีของเผ่าอีกด้วย
แต่ต่อมา ได้เกิดภัยแล้งในระหว่างปีค.ศ.1855-1856 (พ.ศ.2398-2399) ทำให้น้องของเธอเสียชีวิต และทิ้งให้เธออยู่เพียงลำพังกับเผ่า Mohave
หลังจากนั้น Oatman ก็เริ่มที่จะคุ้นชินกับเผ่า Mohave และไม่ต้องการจะกลับสู่สังคมคนขาว แม้แต่ตอนที่นักสำรวจผิวขาวหลงเข้ามาในเผ่า เธอก็หนีไปซ่อนตัว ไม่ต้องการกลับสู่สังคมเดิม
แต่เมื่อเธอมีอายุได้ 19 ปี เหล่าทหารที่ตั้งค่ายอยู่ไม่ไกลได้ข่าวว่ามีหญิงผิวขาวปนอยู่ในเผ่า จึงได้ส่งสาส์นไปถึงเผ่าให้ส่งตัวเธอมา ซึ่งทีแรก เผ่าก็ปกป้องเธอและนำตัวเธอไปซ่อน แต่ภายหลังก็หวาดกลัวว่าพวกทหารจะโจมตี จึงยอมส่งตัวเธอให้ทหาร
ภายหลังออกมาจากเผ่าและกลับเข้าสู่สังคม เธอก็ได้ทราบว่าพี่ชายคนหนึ่งของเธอยังไม่ตาย และได้ออกตามหาเธอมาตลอด
Oatman เสียชีวิตในปีค.ศ.1903 (พ.ศ.2446) ด้วยอาการหัวใจวายขณะมีอายุได้ 65 ปี
โฆษณา