23 มิ.ย. 2020 เวลา 14:00 • ไลฟ์สไตล์
เจาะลึก Robert Parker อดีตราชาโลกไวน์👑🍷
-
Robert Parker คืออดีตเจ้าพ่อนักวิจารณ์ไวน์อัจฉริยะที่คอไวน์ทุกคนต้องรู้ จัก เขาคือราชาโลกไวน์อย่างแท้จริง🍷ว่าได้ว่าเป็นบุคคลไวน์ที่เคยมีอิทธิพลมากที่สุด และสร้างความขัดแย้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ได้ 😡
ช่วงที่เขายังดังผู้จำหน่ายและผู้บริโภคทุกคนฟังคำพูดของเขาเหมือนเป็น พระเจ้า Robert สามารถตัดสินชะตาความรุ่งหรือร่วงให้กับไวน์รวมถึงผู้ผลิตไวน์ได้ช่วงข้ามคืน ผู้ผลิตไวน์ทั่วโลกยอมเปลี่ยนวิธีการทำไวน์ของตัวเองให้สอดคล้องกับความชอบไวน์รสชาติเข้มๆ แรงๆ ของเขา ราคาของไวน์ทั่ว โลกก็จะแปรผันตามการให้คะแนนของ Robert 🤑
แต่นักดื่มไวน์หลายคนก็ไม่ได้ปลื้มไปกับ Robert ซะทีเดียวครับ ❌ หลาย คนไม่ชอบไวน์ที่มีรสชาติแรงจัดแบบ Robert บางคนถึงขั้นเรียกว่าเป็นไวน์ ผิดธรรมชาติ 😱 อีกกลุ่มก็คิดว่า Robert ทำให้โลกไวน์ยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าเขาคือภาพแรกที่ขึ้นมาในหัวถ้าพูดเกี่ยวกับนัก วิจารณ์ไวน์ เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อวงการไวน์มากขนาดโลกไม่ลืม
ความชอบไวน์ของผู้บริโภควันนี้รวมทั้งผมและคุณก็ได้อิทธิพลมาจากคุณปู่ Robert นี่ล่ะครับ วันนี้ไวน์แมนจะพาสาวกไวน์ทุกคนไปรู้จักกับตำนานที่ยังมีลมหายใจ Robert Parker ทำไมเขาถึงดังขนาดนั้น ทำไมตอนนี้เขาถึงร่วง รวมถึงเรื่องราวที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้างเกี่ยวกับเขา 🤔🤨🧐
Robert Parker คือใคร? : 🤷
สุดยอดนักวิจารณ์ไวน์ตัวพ่อคนนี้เข้าสู่วงการไวน์จากการได้ลองชิมไวน์ใน ทริปเที่ยวฝรั่งเศส 🇫🇷 ช่วงสมัยเรียนวิชากฎหมาย จากนั้นต่อมาในปีค.ศ.1960 ก็เริ่มทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับไวน์แบบจริงจัง รวมถึงทำวารสารไวน์ซึ่งสุดท้ายก็ได้กลายมาเป็นนิตยสาร Wine Advocate คัมภีร์สำหรับคอไวน์ทั่วโลก ผลงานสำคัญที่ทำให้ Robert กลายมาเป็นนักวิจารณ์ไวน์ชั้นแนวหน้าเกิดขึ้นในปี 1982 ที่ตัวเขาได้ทำนายถึงความสุดยอดและคุณภาพของไวน์ Bordeaux ตัววินเทจ 1982
คอไวน์ทุกคนในปัจจุบันคงจะทราบดีถึงตำนานไวน์ตัวนี้ที่ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในวินเทจไวน์ที่ดีที่สุด ต้องยกผลงานให้ Robert 👍👏เขาเลยครับเพราะ ก่อนวินเทจจะออกมา นักวิจารณ์ไวน์คนอื่นต่างก็คิดว่าองุ่นวินเทจตัวนี้ใช้ไม่ ได้และสุกเกินไป 🍇 Robert กลับเห็นถึงความเทพของวินเทจไวน์ตัวนี้ หลังจากคาดเดาความนิยมของวินเทจไวน์ตัวนี้ชื่อเสียงเขาก็พุ่งพรวดพราด วินเทจ 1982 ก็มีราคาแพงขึ้นมาทันทีเลยครับ 💵
ความโด่งดังระดับตำนานของ Robert Parker🎉 :
ในช่วงปีค.ศ. 1970 พฤติกรรมการดื่มไวน์ของคอไวน์ยังไม่ได้มีความซับซ้อนเหมือนปัจจุบันครับ ย้อนกลับไปเรียกว่าลำบากมากที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับ ไวน์ซักตัว หลายคนก็ไม่กล้าให้ความเห็นเกี่ยวกับไวน์เพราะคิดว่าไวน์ไม่ใช่ เครื่องดื่มสำหรับคนทั่วไปครับ ซึ่ง Robert ทำให้คนเปลี่ยนความคิดจาก ความสูงส่งของไวน์มาเป็นเครื่องดื่มที่คนทั่วไปก็ดื่มกินได้ง่ายๆ 😋 ด้วย tasting note และความชอบไวน์เข้มๆ แรงๆ รสสัมผัสดุดัน ของเขาที่เข้าใจ ง่ายและตรงไปตรงมา
นอกจากนั้นเขายังเป็นคนทำให้ระบบการให้คะแนนไวน์เต็มร้อย 💯 ดังขึ้น มาและเป็นที่ใช้แพร่หลายที่เราเห็นตามหน้ารีวิวไวน์แล้วเอาไปซื้อกินตามนั่นแหละครับ ระบบการให้คะแนน 100 ทำให้คนเข้าใจไวน์มากขึ้น เจ้าของร้านค้าไวน์ก็ใช้จุดนี้ไว้สำหรับการตลาดทำให้ไวน์น่าสนใจครับ
ความโด่งดังของ Robert สามารถพลิกชะตาของผู้ผลิตได้เลยครับ ยกตัว อย่างให้เห็นภาพชัดๆ ถ้าไวน์ตัวไหนได้คะแนนรีวิวจาก Robert สูงหรือเกือบ 100 คะแนนก็ทำให้ผู้ผลิตไวน์โนเนมแจ้งเกิดเพียงช่วงข้ามคืนเลย 🎇🎆 หลายผู้ผลิตไวน์ทั่วโลกถึงขนาดเปลี่ยนวิธีทำไวน์ของตัวเองให้เข้ากับความชอบของ Robert ที่นิยมไวน์รสเข้มๆ ดุดัน และทรงพลังเพื่อหวังจะได้ คะแนนรีวิวเยอะๆ
ซึ่งในปัจจุบันก็สามารถเห็นหลายผู้ผลิตยังคงทำไวน์ให้ตรงตามความชอบ ของ Robert กลายมาเป็นวิธีการผลิตไวน์ที่เรียกติดปากกันว่า Parkerisation (ผลิตไวน์ตามความชอบของ Robert) ผู้ผลิตตั้งแต่นาปาในอเมริกาไปจนถึงสเปน บอร์กโดซ์ในฝรั่งเศส ออสเตรเลียก็พยายามแข่งขันอย่างหนักยื่นข้อ เสนอที่ยากจะปฏิเสธเพื่อจะให้ Robert มารีวิวไวน์ของตัวเอง
-
Robert ได้แบ่งแยกโลกไวน์อย่างไร :
คอไวน์หลายคนไม่ได้ชอบรสชาติไวน์แรงๆ เข้มๆ แบบ Robert นะครับ 👎 หลายคนยังไม่เห็นด้วยที่ผู้ผลิตนั้นพยายามยัดเหยียดรสสัมผัสผลไม้จัดๆ บอดี้ของเนื้อไวน์ที่เข้มข้น 😟 ทรงพลังมากกว่าจะทำให้ไวน์รสชาติ ละเอียด บอบบาง วิธีการผลิตไวน์ตามความชอบของ Robert นั้นทำให้รสชาติที่ควรเป็นตามธรรมชาติของไวน์ตามแหล่งที่ผลิตเพี้ยนไปจากเดิมมาก กลายเป็นไวน์ที่ไม่มีมิติของรสชาติ
อย่างไวน์ Chianti Barolo Brunello และ Bordeaux ที่ควรจะมีความนุ่มนวลของรสชาติตามพันธุ์องุ่นที่ปลูกในพื้นที่แต่การผลิตไวน์ตามความชอบของ Parker ทำให้ไวน์ขาดเอกลักษณ์ของรสชาติ 😨 ไม่มีความเป็นธรรมชาติตามที่ควรจะเป็น กลายมาเป็นไวน์บอดี้หนักแบบเดียวกับไวน์แคลิฟอร์เนีย
ไวน์แมนเองก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ซักเท่าไหร่นะครับแต่เท่าที่ได้ ชิมมาก็มีบางตัวที่รู้สึกผิดเพี้ยนจากรสชาติ 🤮เอกลักษณ์ไป เพราะโดน Parkerization นั่นแหละครับ (ยกตัวอย่างเช่น Chateau Pavie หรือ Pavie Macquin ปี 2000 - 2010 - ล่าสุดพึ่งซื้อ Pavie Macquin 2009 มาดื่ม คิดว่าดื่มเหล้าเพียวเลยครับ!)
-
ปัจจุบัน :
ปัจจุบันการผลิตไวน์ตามความชอบของปู่ Robert ก็มีให้เห็นน้อยลงมากแล้วครับ 🔻 สมัยนี้ข้อมูลหรือความรู้เกี่ยวกับไวน์นั้นกระจายแพร่หลาย ความเห็นหลายๆ ด้านก็มาจากรายย่อย 🤨 (อย่างเช่น ไวน์แมน 😆❤️) เมื่อผู้บริโภคเริ่มหาข้อมูลของไวน์ได้มากขึ้นหลายคนจะเริ่มให้ความเห็นเกี่ยวกับไวน์แตกต่างกันไปครับ ไม่จำเป็นต้องฟังความเห็นนักวิจารณ์เจ้าพ่อคนเดียวแบบปิดตาต่อไป
ไวน์ที่มีรสชาติอ่อนโยนหน่อยไม่เอะอะก็มีคนนิยมเพิ่มขึ้นในขณะที่รสชาติไวน์แรงๆ เข้มๆ ก็มีคนชอบน้อยลงครับ สำหรับ Robert เองก็มีคอไวน์จำนวนมากเริ่มไม่เห็นด้วยกับความเห็นของเขา ยกตัวอย่างเช่น Chateau Pavie วินเทจ 2003 ที่ Robert ให้ความเห็นว่าเป็นไวน์ขั้นเทพแต่ Jancis Robinson ตัวแม่วงการวิจารณ์ไวน์อีกคนกลับคิดต่างว่าไวน์ขวดแย่ถึงขนาดดื่มไม่ได้ 🤐
ขนาดที่ว่ามีหนังสือ The Battle for Wine and Love และ How I Saved the World From Parkerization 📓 ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การให้คะแนนของ Robert ว่าบิดเบือนรสชาติที่เป็นธรรมชาติของไวน์ ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำ ให้อาชีพการงานของอัจฉริยะไวน์คนนี้ต้องมัวหมองครับ
สุดท้าย Robert จึงตัดสินขายกิจการ Wine Advocate คิดเป็นไทยก็ประมาณ 500 ล้านบาทครับ ถือเป็นเงินไม่น้อยเลยครับถ้ามองจากมุมผู้ชายบ้านๆ แบบไวน์แมนแต่ถ้าเทียบกับสื่อผู้นำด้านไวน์ผมคิดว่ามูลค่านั้นน้อยนิดเหลือเกินครับ
-
ความเห็นไวน์แมน :
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอิทธิของ Robert ได้แทรกซึมไปทุกซอกทุกมุมของวงการ และคงติดตรึงอยู่กับความชอบไวน์ของผู้บริโภคทั่วไปอย่างถาวร 👅👀
วิธีการให้คะแนนระบบเต็ม 100 ก็เป็นผลบวกอย่างมากต่อวงการ ไวน์แมนไม่มีปัญหากับรสชาติไวน์เข้มๆ แรงๆ นะครับ ส่วนตัวออกจะชอบด้วยซ้ำ 🥰 คือต้องบอกว่ารสชาติมันบ่งบอกความเป็นตัวเองของไวน์ได้ดี ดื่มเข้าไปแล้วรู้เลย ไม่ต้องเสียเวลาคิดวิเคราะห์มาก
แต่ก็นั่นแหละครับอะไรที่มันมากไปก็ไม่ดีใช่ไหมครับ เป็นเวลาหลาย 10 ปีที่ Parkerarization ได้กินตลาดและผู้ผลิตหลายเจ้าก็แหวกแนวเกินไปเผื่อเอาใจ Parker ทำให้รสชาติธรรมชาติเอกลักษณ์ของไวน์นั้นๆ หายไปบางส่วน
3
😕 แต่สรุปแล้วผมว่าก็เป็นเรื่องดีนะครับที่ได้มีช่วงนี้ในประวัติศาสตร์ไวน์ จะได้มีสีสันความแตกต่าง ข้อดีของไวน์คือมีสไตล์และตัวเลือกเยอะมาก เราชอบสไตล์ไหนก็ซื้อแบบนั้น ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อ การที่เราหาความชอบของเราเองนั้น 💗💓 และได้ลองไวน์หลายๆ สไตล์ก็เปรียบเสมือนการเดินทางนั่นเอง และนั่นคือความสนุกของคอไวน์ 🍷
หนังสืออ่านเพิ่มเติมแนะนำ : 👇
“The Emperor of Wine: The Rise of Robert M. Parker Jr. and the Reign of American Taste,” Elin McCoy ’s
"The Battle for Wine and Love or How I Saved the World from Parkerization" Alice Feiring
“Naked Wine” Alice Feiring
โฆษณา