20 มิ.ย. 2020 เวลา 23:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ
The Fifth Phase of Bitcoin in the 4th epoch
PART2
สถานะที่ 5 ในศักราชที่ 4 ของบิตคอยน์
ตอนที่ 2
เนื้อหา ตอนที่ 2
- สถานะของบิตคอยน์ คืออะไร
- สถานะที่ 5 ของบิตคอยน์ จะทำให้บิตคอยน์ มีมูลค่าเท่าไร
- Stock-to-Flow model คือ อะไร มันทำนายมูลค่าของบิตคอยน์ได้อย่างไร
- Stock-to-Flow Cross Asset model (S2FX) โมเดลใหม่ แตกต่างอย่างไร
- สัญญาณสถานะที่ 5 ของบิตคอยน์ หลังการ Halving เริ่มมาแล้ว ไปดูกัน..
ย้อนอ่าน ตอนที่ 1 :
ตอนที่2
- สถานะที่ 5 คืออะไร และแนวโน้มจะเป็นอย่างไร -
ก่อนอื่น เราต้องมาทำความเข้าใจอะไรสักสองสามอย่างก่อน... เราจะจำกัดกรอบไปที่ สิ่งของที่เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน เช่น ทองคำ, และโลหะมีค่า สิ่งของประเภทนี้ มีคุณสมบัติที่สำคัญเฉพาะตัว คือ “ความหายาก” (Scarcity) ที่หายาก ก็เนื่องจาก ของมีจำนวนจำกัด และการผลิตเพิ่มยากต้องใช้เวลา และได้ผลผลิตน้อย...
แล้วมันยากขนาดไหน “ขนาดความยาก” เราจะใช้ Stock-to-Flow Ratio เป็นตัวบ่งชี้
Stock to Flow Ratio, oneminuteeconomic.com
- ทำความรู้จัก...Scarcity กับ Stock-to-Flow -
นิยาม: Scarcity (ความหายาก) ของอะไรที่มีจำนวนจำกัด, ผลิตออกมาเพิ่มใหม่ได้ยาก หรือ ใช้ต้นทุนที่สูงมากในการผลิต...นั่นล่ะ “ของหายาก”
SF = Stock/Flow
Stock-to-Flow (SF or S2F) คือ อัตราส่วนระหว่าง จำนวนสินค้าที่อยู่ในคลัง หรือ ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด (Stock) กับ จำนวนสินค้าที่ถูกผลิตเพิ่มเข้ามาใหม่ ณ ช่วงเวลาใด โดยทั่วไปจะนิยมใช้หน่วยต่อปี (Flow)
“ทองคำ” แตกต่างกับโลหะอื่น ตรงที่อัตราการผลิตทองคำนั้นต่ำมาก เมื่อเทียบกับโลหะอื่น และ
การเปลี่ยนแปลงราคาของทองคำเพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ทำให้ความต้องการขาย เปลี่ยนหรือเพิ่มตามไปมาก ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่มีความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคาต่ำมาก (PES, Price Elasticity of Supply)
คุณสมบัตินี้ทำให้ “ทองคำ” รักษามูลค่าผ่านกาลเวลามายาวนาน และอัตราส่วน Stock-to-flow ของทองคำ ก็สูงที่สุดในบรรดาโลหะมีค่าคลาสเดียวกัน
“บิตคอยน์” มีคุณสมบัติหายาก เหมือนกับ ทองคำ และมันยังส่งหากันได้บน อินเตอร์เน็ต, คลื่นวิทยุ, ดาวเทียม...และอีกหลายช่องทางที่จะจินตนาการได้
ในปี 2017 จำนวนบิตคอยน์ที่มีอยู่มี มีจำนวนมากกว่าราว 25 เท่า ของจำนวนบิตคอยน์ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ตลอดทั้งปี ซึ่งอัตราส่วนนี้ยังแค่ “ครึ่งเดียว” ของทองคำ
แต่มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2022 โดยประมาณ อัตราส่วน stock-to-flow ของบิตคอยน์ จะสามารถแซงทองคำได้ — Ammous, 2019
Bitcoin vs Gold vs Fiat
- Stock-to-Flow model ที่ใช้ในการวิเคราะห์ บิตคอยน์ ของ “PlanB” -
สมมติฐานของ PlanB คือ ค่า SF จะเป็นตัวขับมูลค่าตลาดโดยตรง ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อตลาดมีมูลค่าสูงขึ้นตาม SF ที่เพิ่มขึ้น S2F Model ดั้งเดิมจะพล็อตเทียบกับ “มูลค่าตลาด” หรือ “ราคาบิตคอยน์” ตามเวลา (time series) และใช้ natural logarithm สำหรับสเกลทั้งสองแกน
Stock-to-Flow model, PlanB 2019
ทุกครั้งหลัง Halve ราคาบิทคอยน์จะก้าวกระโดด จาก 100 เป็น 1,000 จาก 1,000 เป็น 10,000 และถ้าเป็นไปตามหลักการ รอบต่อไปก็จะเข้าสู่หลัก 100,000$
ทองคำ และแร่เงิน ทั้งที่อยู่ในตลาดที่แตกต่างกับบิตคอยน์ แต่เมื่อนำมาพล็อต ก็สามารถอยู่บนเส้นเดียวกันกับโมเดลบิตคอยน์ได้
ในปี 2017 เดือน ธ.ค. เมื่อบิตคอยน์ ทำ ATH ตอนนั้น บิตคอยน์มีค่า SF ถึง22 ในขณะที่ขนาดตลาดอยู่ที่ 230 ล้านดอลล่าห์ (ก่อน halving ค่า SF ขยับมาที่ 25) และหลัง Halving เดือน พ.ค. 2020 ทำให้ค่า SF ขยับมาที่ 50 (เริ่มใกล้เคียงกับทองคำ ที่อยู่ในช่วง 58-62)
- Stock-to-Flow Cross Asset model (S2FX) โมเดลใหม่ -
PlanB สังเกตว่า โมเดลอันเดิม ยังไม่ค่อยมีความสอดคล้องลงตัวระหว่าง S2F และราคาบิตคอยน์.. ด้วยความที่ดัชนีข้อมูลเป็นไปตามเวลา (time series model)
จึงได้นำแกนเวลาออก และเทียบกับมูลค่าตลาด และนำ SF ของสินทรัพย์อื่น อย่าง ทองคำ และแร่เงิน เข้าไปมาพล็อตเทียบด้วย ตั้งชื่อใหม่ว่า BTC S2F cross asset model (S2FX)
Bitcoin S2F Cross Asset Model, PlanB 2020
นอกจากนี้ S2FX ยังได้เพิ่มเรื่องการเปลี่ยน “สถานะ” ของสินทรัพย์เข้าไปด้วย
สถานะของสินทรัพย์ มาจากคุณสมบัติเฉพาะตัวตามธรรมชาติของสิ่งนั้น ที่ผู้คนมองเห็น ว่ามีประโยชน์อะไรบ้างต่อพวกเขา ณ ช่วงเวลาใด...
1
เมื่อเวลาผ่านไป เราอาจค้นพบว่า สินทรัพย์นั้น ทำอะไรเพิ่มได้อีก หรืออาจใส่ “เทคโนโลยี” เข้าไป เพื่อเพิ่ม “ศักยภาพ” ของสินทรัพย์นั้น ให้มีสถานะรองรับการใช้งานที่เปลี่ยนไป ตามความต้องการของมนุษย์...
— ยกตัวอย่าง...น้ำ
“น้ำ” มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่จะเปลี่ยนสถานะเป็น ของเหลว, ของแข็ง, และก๊าซ ไปจนถึง ไอออนไนซ์ ซึ่งแต่ละสถานะก็มีการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน
แต่กว่าเราจะค้นพบและเข้าใจ “น้ำ” ในแต่ละสถานะ และนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ก็ผ่านกาลเวลาและการค้นพบมาพอสมควร...
เราใช้ประโยชน์จากน้ำ ที่เป็นสถานะของเหลวมานาน แต่เราพึ่งรู้จักว่าน้ำประกอบด้วย H2O ก็เมื่อสองร้อยกว่าปีมานี้เอง
เราพึ่งมีเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำเป็นของแข็งได้แม้ในอากาศร้อน (ตู้เย็น) ก็เมื่อไม่กี่ร้อยปีนี้เอง...
เราทำให้น้ำกลายเป็นก๊าซ และเอาไปใช้ประโยชน์มากมาย ก็เมื่อไม่กี่ทศวรรษนี้เอง... (เครื่องจักรไอน้ำ)
ล่าสุด เราพึ่งจะแยก โมเลกุลของน้ำที่มี 2 ชนิดปะปนกันอยู่ได้สำเร็จ เมื่อ 2 ปีที่แล้วนี้เอง! (Ortho-water, Para-water) ใช้ประโยชน์สำหรับเป็นตัวทำละลายที่ดีในสารบางชนิด
Phase Transitions, Nic Carter and Hasu (2018)
***กลับมาที่การเงิน***
— เงิน US dollars ล่ะ
ยุคแรกนั้น เป็นเหรียญดอลล่าห์ ที่ทำจากโลหะผสม ทองคำและเงิน ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ยุคที่สอง เนื่องจากความยากในการเก็บ และขนย้ายเหรียญทองคำดอลล่าห์ ต่อมาจึงใช้เป็นตั๋วแลกทองคำ ตั๋วหนึ่งมีมูลค่าเท่ากับเหรียญทองคำหนึ่งเหรียญ
ยุคที่สาม เปลี่ยนอีกครั้งเป็นกระดาษอย่างแท้จริง ไม่ได้ยึดกับมูลค่าทองคำอีกต่อไป... มูลค่านั้นมาจาก “คำสั่ง” ของรัฐบาลที่บอกเราในทุกเช้า ว่ามันมีค่าเท่าไรในวันนี้
กระดาษ-บิตคอยน์-ทองคำ
— มาดู บิตคอยน์...
จริงแล้วบิตคอยน์นั้นแตกต่าง เนื่องด้วยการออกแบบให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตั้งแต่แรก ทั้งเป็นเงินดิจิตอล มีระบบข้อมูลบัญชีแบบกระจายศูนย์ และมีระบบป้องกันเงินเฟ้อ สามารถรักษามูลค่าในตัว (store of value)
1
นอกจากนี้ บิตคอยน์ ยังถูกอัพเดทตาม โปรโตคอล ตามคอนเซปมาโดยตลอด ทำให้คุณสมบัติดั้งเดิม ถูกเพิ่มศักยภาพขึ้นทุกปี...
ทีนี้ยุคไหนจะมีสถานะใด ก็ขึ้นกับผู้คนที่จะ“เห็นค่า” และ “ให้ค่า” ว่าเป็นอะไร เพื่ออะไรในสังคม สถานะนั้นก็จะเด่นขึ้นมา ตามช่วงเวลานั้น
- สถานะของบิตคอยน์ เป็นอะไรมาบ้าง และจะกลายเป็นอะไรต่อไป-
Bitcoin Phase Transitions, Nic Carter and Hasu(2018)
ผลสำรวจของ Nic Carter and Hasu (2018) จากความเห็นของคนในสังคมอินเตอร์เน็ต เมื่อถามว่า บิตคอยน์ คืออะไร (What is Bitcoin) ก็ได้พบสถานะตามช่วงเวลาดังนี้
***What is bitcoin 1: E-cash Proof of concept (2009-2012)
สถานะช่วงแรก คนมองว่าคล้ายกับเงินในเกม ที่เอาออกมาทดลองใช้จริงบนโลกอินเตอร์เน็ต เพื่อดูว่ามันใช้ได้ไหม ไปรอดหรือเปล่า คอนเซปได้ไหม ซึ่งมาคู่กับความคาดหวังที่จะเป็น Cheap payments network (ช่องทางโอนเงินค่าธรรมเนียมต่ำ)
***What is bitcoin 2: ยุคนี้ความฝันเป็นจริง Cheap payments network (2012-2015)
ช่องทางโอนเงินค่าธรรมเนียมต่ำจะเด่น แต่ก็มาคู่กับเวปใต้ดิน เวปเถื่อน ฟรีมาร์เก็ต ที่ผู้คนแห่ทดลองนำไปใช้กัน ยุคนี้น่าจะเป็น “ยุคมืด” ของ บิตคอยน์
***What is bitcoin 3: ยุคนี้ความเป็น Cheap payments network ลดลงอย่างมาก
เนื่องจากการเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่ปี 2016-2017 คนได้รับประสบการณ์โอนเงินที่ทั้งช้า ทั้งแพง เกิด Hash attack จากเหรียญ Bitcoin cash (BCH), เกิด spam network ที่นักขุดต้องการให้เน็ตเวิร์คจ่ายค่าโอนให้ตนแพงขึ้น เลยสร้างธุรกรรมบล็อกที่มีค่าโอนแพง... ผู้คนจึงหมดความเชื่อนี้ไป และหันไปมองเรื่อง Censorship-resistant e-gold แทน (จริงแล้วคุณสมบัตินี้มีมาตั้งแต่ต้น)
ผู้คนเริ่มคาดหวังว่ามันจะเป็น e-gold ที่ไม่มีใครแทรกแซงได้ในอนาคต ส่วนเรื่องใช้งานใต้ดิน (Dark-web) ก็ลดลง หลังจากพบว่า บิตคอยน์ ไม่สามารถปกปิดธุรกรรมได้...
อีกหนึ่งสถานะที่เด่นเข้ามาคือ Reserve currency for crypto เป็น เงินทุนสำรองบล็อกเชนโปรเจคเกิดใหม่ต่างๆ (ICO) และ เหรียญที่แบคด้วยบิตคอยน์ เช่น wBTC, ยุคนี้ค่อนข้างจะวุ่นวายและโลภ (Chaos) เป็นฉนวนให้เกิดฟองสบู่ ICO ในยุคถัดไป
***What is bitcoin 4: ยุคนี้ยังคงเป็น E-gold ที่เด่น
เริ่มมีความคาดหวังในสถานะ uncorrelated Financial asset (safe heaven) หรือ สินทรัพย์สำหรับการลงทุนที่ไม่สัมพันธ์กับสิ่งอื่น เพื่อประกันความเสี่ยง หรือลดความเสี่ยงในการถือครอง เริ่มตั้งแต่กลางปี 2018 จนถึง ปัจจุบัน (2020)
แพลตฟอร์มการลงทุนใหญ่ สำหรับนักลงทุนสถาบันเริ่มถูกพัฒนาขึ้นในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น Bakkt, ErisX, Grayscale เป็นต้น และตลาดอนุพันธ์ (Derivatives) จะเด่นในยุคนี้
รวมถึงการออกกฏหมายข้อบังคับในแต่ละประเทศเริ่มเพิ่มขึ้น การยอมรับเกิดในวงกว้าง เริ่มยอมรับว่าเป็น สินทรัพย์ใหม่สำหรับการลงทุน (New asset class) มีหลายสำนักโดดเข้ามาให้บริการ ไม่เว้นแม้ JP morgan ที่เมื่อก่อนก็เคยต่อต้าน...
เมื่อต่อต้านไม่ได้ ก็จงเป็นพวกเดียวกันซะ...
***What is bitcoin 5: สถานะที่ 5 ในศักราชที่4 (2020-2024)
ความคาดหวังไปในทิศทาง safe heaven asset หรือ Digital Gold และ/หรือ Gold 2.0 (หลายคำนิยามส่งเข้าประกวด)
คุณสมบัติเด่นที่ผู้คนมอง คือ เป็นสินทรัพย์ประกันความเสี่ยงในสถานะการณ์ไม่ปกติ เช่น สงคราม ภัยธรรมชาติ และไวรัส
ยังคงเป็นสินทรัพย์สำหรับเงินสำรองระหว่างโปรเจคด้านการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ICO, IEO, IDO,DEX, DeFi และบริการกู้ยืมบิตคอยน์ของผู้ดูแลสินทรัพย์ต่างๆ
นอกจากนี้ยังเป็นหลักประกันจากความเสื่อมค่าของเงินรัฐบาล (เงินเฟ้อ) ซึ่งมีหลายประเทศที่เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflaton) ได้นำบิตคอยน์ไปใช้งานจริง อาทิ เวเนซูเอล่า, เลบานอน, ซิมบับเว่, อาร์เจนตินา เป็นต้น...
หลังการ Halving เราจะเริ่มเห็นสังคมมีปฏิกิริยากับ บิตคอยน์ มากขึ้น เริ่มเห็นนักลงทุนอาชีพ, สถาบันฯ เริ่มพูดถึงและยอมรับการถือครองบิตคอยน์มากขึ้น
สรุป จากแบบจำลอง
ผลจากการพล็อตค่า จะเห็นการรวมตัวแยกกันเป็นกลุ่ม แบ่งได้ 4 กลุ่ม (Clusters) ซึ่งสอดคล้องกับสถานะที่เปลี่ยนไปของบิตคอยน์
เช่นเคย PlanB ใช้ generic algorithm ในการ พล็อตค่า กลุ่มทั้ง 4 ที่มีค่า S2F ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และมีค่าเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการ Halving ในแต่ละครั้ง และการเปลี่ยนสถานะในแต่ละรอบ
สถานะ (BTC Phase) แต่ละกลุ่ม โดยสังเขป (PlanB, 2020)
1. BTC “Proof of concept” (S2F 1.3 and market value $1M)
2. BTC “Payments” (S2F 3.3 and market value $58M)
3. BTC “E-Gold” (S2F 10.2 and market value $5.6B)
4. BTC “Financial asset” (S2F 25.1 and market value $114B)
5. BTC “*Gold 2.0?” (S2F 56 and market value $5.5T)
(*Gold 2.0, Eric Demuth, 2020 (BitPanda CEO))
จากนั้นนำ ทองคำ กับ เงินมาพล็อต โดยใช้ค่า S2F ล่าสุดของ Jan Nieuwenhuijs and ultimo, (2019) ปรากฏว่า ทองคำ และแร่เงิน ตกอยู่บนเส้นของกราฟพอดี แสดงว่าโมเดลใช้ได้
 
— Silver S2F 33.3 (900,000/27,000 tonnes) and market value $561B
— Gold S2F 58.3 (190,000/3,260 tonnes) and market value $10,088B
ถ้า S2FX แสดงสถานะต่อไปของ บิตคอยน์ ที่จะใกล้เคียง หรือ “แซง” ทองคำ ตอนนั้น บิตคอยน์ จะมีขนาดตลาด (Marketcap) ราว $5.5Trillion (5.5ล้านล้าน)
***ประมาณช่วงปี 2020-2024 จะมีจำนวนบิตคอยน์ในตลาด 19ล้านบิตคอยน์ ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าตลาด (ราคา) อยู่ราว 288,000$ (สองแสนแปดหมื่นแปดพันดอลล่าห์)***
S2FX model นำไปสู่วิธีคิดใหม่ มุมมองใหม่ เกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของบิตคอยน์ และการประเมิน “สถานะที่ 5” ที่กำลังจะมาถึง
UPDATE
อัพเดทล่าสุด 15 มิ.ย. 2020
เราได้เริ่มเห็นสัญญาณ การให้สถานะที่ 5 ของบิตคอยน์
s2fx model update 10 June 2020, PlanB(2020)
1 Red dots
2 Bitcoin ETP in German
3 Previous 4 Phases story and what next?
4 เพิ่มข้อมูลทองคำ 10ปี ทำให้เห็นภาพ cluster ชัดขึ้น
พล็อตข้อมูล ทองคำ 10ปี ลงไป
ล่าสุด planb นำข้อมูล sf ทองย้อนหลัง 10 ปี มาพล็อต ก็ไปตกอยู่ในกลุ่มสุดท้ายพอดี
ตอนนี้ บิตคอยน์เองก็กำลังพัฒนาตามเทรนด์นี้อยู่ (sf ดีดออกมา 2 จุดแล้ว) เพื่อก้าวเข้าสู่ กลุ่มสถานะที่ 5 (Cluster 5) ซึ่งเทียบเท่า "ทองคำ" ผู้คนจึงให้อีกฉายาว่า "ทองคำดิจิตอล"...
ขอจบ Part2 เท่านี้...
ข้อมูลเยอะเลยต้องแบ่ง part เพิ่มไปอีกเป็น part 3
ตอนที่ 3...เตรียมตัวอย่างไรในศักราชบิตคอยน์ใหม่
- ข้อมูลจากรายงานของ Delphi Digital ชี้ให้เห็นกระแสสถานะที่ 5
- การเคลื่อนไหวของนักลงทุนอาชีพ เขามีทัศนคติอย่างไร และทำอะไรกันกับบิตคอยน์
- ข้อมูลทางสถิติที่ชี้ให้เห็นถึงการมาของ สถานะที่ 5 ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย
- เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะมีแนวทางในการเตรียมตัวอย่างไร ในกระแสนี้
รอติดตามกันต่อ จะเป็น part สุดท้ายของซีรี่นี้นะ
#มาช้าแต่มานะ
@cryptotica
โฆษณา