21 มิ.ย. 2020 เวลา 16:01 • ธุรกิจ
เพื่อนๆรู้จัก Elevator Pitch กันไหมเอ่ย ?
ให้เพื่อนๆลองจินตนาการว่า เรากำลังอยู่บนลิฟท์ที่ขึ้นจากชั้น 1 ไปถึงชั้นที่
26 นะ........แล้วๆ ถ้าเกิดคนที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนๆเนี่ยคือ CEO ของบริษัทที่เราทำงานอยู่ด้วย
ด้วยความที่เราใส่เสื้อโปโลที่มีโลโก้ของบริษัทบนหน้าอก เลยทำให้ CEO หันมามองและทักเรา ด้วยคำถามเช่น ไหนคุณลองอธิบายเกี่ยวกับตัวคุณเองให้ผมฟังหน่อย ? หรือ คุณมีความสุขไม๊กับงานที่ทำอยู่ตอนนี้ ?
เราเชื่อว่านี่คงเป็นเวลาเพียงแค่ 1 นาที ที่จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น และ อาจจะเป็น 1 นาทีที่เปลี่ยนเพิ่มมุมมองให้กับคุณ CEO คนนั้นได้เหมือนกันนะ !
ในลักษณะแบบนี้เอง เลยทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Elevator Pitch และเริ่มขยายขึ้นมาเป็นวงกว้างในโลกของธุรกิจมากขึ้น
Elevator Pitch ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแนะนำตัวเองในลิฟท์น้ แต่ทุกวันนี้เค้านำมาใช้กับ การที่มีระยะเวลาสั้นๆ แล้วให้เพื่อนๆตอบคำถาม หรือแม้กระทั่งทดลองขายสินค้า
หรือ ที่ Hit ที่สุดคือ คุณมีอะไรทำให้ผมประหลาดใจได้บ้างในเวลา 60 วินาที ?
ทุกอย่างจะง่ายและควบคุมได้ขึ้นมาทันทีหากพวกเรารู้ได้ก่อนว่า เราควรจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างเนอะ ! ซึ่งหัวใจหลักเค้าจะมี 2 อัน ไม่ยาก ไปอ่านกันเลยย !
1. ใช้วิธีการ Warmth Personal Pitch
Warmth จะเป็นการสร้าง First impression ให้กับผู้ถามได้ดีมากๆ เพราะนอกจากจะแสดงถึงความนุ่มนวล smart และเป็นมิตรแล้ว ยังทำให้ผู้ฟังรู้สึกเริ่ม ชอบ อยากฟังต่อ หรือแม้แต่เชื่อใจในเรื่องที่เราจะพูดในระยะเวลาอันสั้น
- Warmth in Verbals
สิ่งที่ดีที่สุดอย่างที่ทุกคนทราบก็คือการใช้ Story ในการเล่าเรื่องเนอะ เพราะมันจะง่ายที่สุดและเป็นธรรมชาติ
แต่เราจะต้องโฟกัสใน Warmth voice and tone, การใช้รูปแบบประโยคที่ดูไปในทางบวก, ความ Clear และเป็น structure ของเรื่องราวสั้นๆ และ ความมั่นใจในการพูด
และที่สำคัญเราต้องไปพูดเหมือนอ่าน หรือเป็น robotic style
- Warmth in Non-verbals
เพื่อนๆเชื่อไม๊ว่าเกิน 90% ของคำพูดพวกเรา สื่อความหมายออกผ่านมายังท่าทา สายตา หรือ body language
>> Warmth Eye contact คือไม่ใช่ว่าเราจ้องตาผู้พูดซะตลอดเวลานะเพื่อนๆ และเวลาที่ยิ้ม ถ้ายิ้มจริงใจ ดวงตาจะยิ้มตามด้วยละ
>> Level of smile คือ การยิ้มต้องมีระดับและความพอดีนะเพื่อนๆ ไม่ใช่แบบ พูดไปยิ้มไป เหมือนคนสติหลุดนะ 5555
>> Arms relax แน่นอนว่าหลายๆครั้งคงไม่รู้ว่าจะเอามือไว้ตรงไหน หรือเอาแขนไว้มุมไหน ? กลัวไม่สุภาพบ้าง? วิธีที่ดีที่สุดคือ ประสานมือทั้งสองข้างไว้ตรงหน้าท้องเพื่อนๆ อย่างผ่อนคลาย เราอาจจะมีการโน้มตัวเล็กน้อย เพื่อห้ดูธรรมชาติ
2. Competence
คือการโฟกัสไปที่การสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะการแนะนำตัวเองสั้นๆเนี่ย จำเป็นมากๆเลย เพราะคำถามที่นคนส่วนใหญ่จะคิดตามมาคือ Can i rely on you ? Will you get this done?
- Competence in Verbals
วิธีที่แนะนำคือการเลือก มาสัก 2 คำที่สามารถอธิบายความเป็นเรา อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยที่คำเหล่านั้นต้องเป็นคำที่ Focus, Concise และ Sound incredible และจะสุดยอดหรือเก่งยังไงอย่าลืม Be humble ด้วยนะ (ถ่อมตน)
อีกเรื่องก็คือ Pacing ต้องมีความพอดี ช้าๆเพื่อเน้นในคำทีเราอยากจะเน้น และเพิ่มระดับขึ้นมาเล็กน้อยในส่วนอื่นๆ
คำที่เราชอบใช้อธิบายตัวเองก็คือ Easy going, supportive และก็ reliable
- Competence in Non-verbals
ในส่วนนี้เราว่าต้องอาศัยการฝึกหน่อยน้ะ เพราะมันคือ
การฝึกท่าทางที่เราสามารถความมั่นใจไม่ว่าจะเป็นการ pitch ในการนั่ง หรือ ยืน โดยถ้าเรายืนอยู่ ต้องยืนในลักษณะหลังตรง ยืดไหล่และหน้าขึ้น และ ทำตัวเองให้คุ้นชินอยู่กับสถานที่นั้น เหมือนเราเคยมาแล้ว 100 ครั้ง ประมาณนี้ (เวอร์ไปมะ 555)
หรือที่อินเทรนด์ในช่วงนี้ก็คือ Video call เพื่อนๆควรจัดสภาพการนั่งของตัวเอง กับกล้องในคอม ให้เห็นครึ่งตัว เอาง่ายๆคือ เพื่อนๆต้องมีพื้นที่สำหรับ body language นั้นเองงง (ขยับไม้ขยับมือ)
คือถ้าเพือนๆจะพูดให้เก่งอย่างไร หรือเตรียมตัวมาอย่างดี warmth อย่างแน่นเลย แต่ๆๆ ดันมาเสียตรง competence ของ non verbal เนี่ย เอาตรงๆ ความน่าเชื่อถือก็จะลดลงไปเยอะเลย เผลอๆอาจจะเป็นการ distract คนถามตั้งแต่แรกด้วยนะ !
ขอเราสรุปเบาๆน้ะ สมมุติว่าเราไม่ได้มองว่าเป็น Warmth หรือ Competence ละกัน จะได้ง่ายขึ้นมาอีกหน่อย
Skill ที่เราควรต้องมีแล้วจะทำให้ Elevator pitch หรือ Short personal pitch เนี่ยออกมาดีคือ
- Story เนื้อเรื่องที่เราถ่ายทอดออกมา
- Theme เราต้องการพรีเซ้นตัวเอง หรือ จูงใจผู้ถามให้เป็นแบบไหน
- Confidence ความมั่นใจนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือ
- Adjust Tone การใช้โทนเสียง ไม่เป็นหุ่นยนต์
- Credibility อย่าลืมใช้ภาษาและคำพูดที่ทำให้เราดูน่าเชื่อถือ รวมถึงไฮไลท์สำคัญของตัวเรา (ถ้าเป็นการแนะนำตัวน้ะ)
- Humble and Professional ต้องมีทั้งความถ่อมตน และความมืออาชีพ ในที่นี้คือการที่เรารู้ว่างานเราทำอะไร หรือ รู้ในสิ่งที่โดนสุ่มถามจริงๆ
- Comfortable Body language ท่าทางของเราต้องแมทช์กับสิ่งที่พูดด้วยน้า
- Emphasis สุดท้ายเราคิดว่าการเน้นคำสำคัญที่อธิบายถึงตัวเรา หรือ สิ่งที่เราทำ เป็นคำสั้นๆ (เพราะเวลาน้อยนี่นา)
หวังว่าเพื่อนๆคงจะได้รับสาระเพลินๆจากการย่อยของเรานะ
คือจะบอกว่าเราเองก็ได้มีโอกาสถูกถามบ่อยๆเวลาอยู่ในลิฟท์กับผู้บริหาร จะบอกว่า การที่จะทำให้เค้าจดจำในฐานะพนักงานคนนึง ถ้าเราไม่ใช้โอกาสตรงนี้ (ที่บังเอิ้ญญญญญ) แล้ว เราจะไปรอตอนไหนละ ?
แต่ ใครจะรู้ว่าตัวเองจะเจอเมื่อไร ? เพราะงั้น พร้อมเอาไว้ก่อนดีกว่า :)
โฆษณา