21 มิ.ย. 2020 เวลา 14:47
เรื่องสั้น”จันทร์เจ้าขา”
บทที่ 2 ตอนที่ 4 21/6/2020
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
ขอส่งตอนที่ 4 และคลิปเพลงใหม่ ให้เพื่อนๆอ่านกันเพลินๆ ในวันหยุดนี้นะครับ .. สุขสันต์วันหยุดนะครับ
ความเดิม ตอนที่ 2-3: จ่าปาวีเดินทางมาสยาม ตามสัญญาที่ให้ไว้กับปิแอร์พลกลอง ,อีก 13 ปีหลังจากสงคราม ในขณะ คาร์โน หนุ่ม รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของฝรั่งเศส เดินทางมาขอคำแนะนำจากฮิปโปไลต์ผู้เป็นบิดา ถึงผลจากการพ่ายแพ้สงครามของฝรั่งเศส ใน Franco-Prussian War..ในตอนที่ 4 เด็กๆได้จดหมายถึงครูช้อย..จ่าปาวี แทรกซึมเข้ามาเป็นครูสอนพิเศษภาษาฝรั่งเศส.. ขณะที่คุณหลวง ก็เดินทางพาคุณหนูดี และคุณหนู
ฆฤณไป เชียงใหม่..
บทที่ 2 รุ้งวาริท
ตอนที่ 4 จงหา.. หมากเรือ..ของเจ้า..ให้พบ..
ณ กรุงปารีส ในปี ค.ศ.1883 (พุทธศักราช 2426)
นับเป็นเวลา 13 ปี แล้ว..ภายหลังการพ่ายแพ้สงคราม Franco-Prussia ของ ฝรั่งเศส..
ในคืนวันเสาร์ หลังมื้ออาหารเย็นของครอบครัว.. พ่อ ลูก ตระกูลคาร์โน .. พวกเขามักนิยมดื่ม อมายัค (Armagnac) ขณะที่เล่นหมากรุก และสนทนาถึงการเมืองของฝรั่งเศส รวมถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก..
ฮิปโปไลท์ คาร์โน ขยับแก้ว อมายัค ..วนเบาๆ ให้น้ำสีอำพัน และไออุ่นนั้น กระจาย..เคลือบให้ทั่วด้านในของแก้วกลมใหญ่เนื้อดี.
 
..ก่อนจะยกขึ้นสูดกลิ่นหอม อ่อนๆ ที่ระเหยขึ้นมา ของเฮลเซนัท ..กลิ่นไม้โอ๊คดำ.. กลิ่นองุ่นจาก Saint-Émilion..และกลิ่นดอกไม้ ที่หอม.. งาม ผสมลงตัวอย่างประหลาด ..
ในอมายัคแก้วนี้...
จากนั้น จึงค่อยๆจิบละเลียด..กลั้วกลืน..ไหลลื่นลงคออย่างชุ่มชื่น ช้าๆ ..
พร้อมกับ เดินหมากตัวควีน (Queen)..เข้าสู่.. ตำแหน่งสำคัญบนกระดาน...
ฮิปโปไลท์ คาร์โน, อมายัค และหมากควีน
คาร์โน จูเนียร์ ลูกชายของ ฮิปโปไลท์..ยิ้มที่มุมปาก ด้วยประกายตา ดีใจ..อยู่แวบนึงถึงความมั่นใจ.. ในชัยชนะ..ที่จะปรากฏตามแผนการ ..ที่วางไว้..ในเวลาอันใกล้นี้..
ก่อนจะรีบ เคลื่อนหมากอัศวิน(Knight).. เข้ามากิน หมากควีนตัวสำคัญ ในกระดานที่ฮิปโปไลท์ เพิ่งจะเคลื่อนเข้ามา.. แล้ว เอ่ยว่า..
“คุณพ่อ..โปรดอย่า ออมมือ เหมือนเมื่อครั้ง เล่นกับผม สมัยเด็กๆ เลยนะครับ”
“เพราะหากผมชนะ .. ก็รู้สึกถึงความภูมิใจได้ ไม่เต็มที่.. นะครับ คุณพ่อ..”
คาร์โน จูเนียร์ ยิ้มให้ฮิปโปไลท์ ผู้พ่อ อย่างนับถือ แต่ก็เต็มไปด้วยความทะนงตนในชัยชนะ ที่รอคอยมานานนี้..
“รุก ..ครับ คุณพ่อ” คาร์โนจูเนียร์ เอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวาล ทรงอำนาจ..
..พลางหยิบแก้ว อมายัค ของเขาขึ้นจิบ และเอนหลังพิงโซฟาสบายๆ..
แล้ว ยิ้มให้ฮิปโปไทด์ ผู้เป็นบิดา อีกครั้ง...
คาร์โน จูเนียร์ และหมากม้า
ฮิปโปไลท์ มองหน้าลูกชายและ ยิ้มอย่างภูมิใจ ในตัวลูกชายคนเก่ง..ที่เขา ได้สร้างและวางลูกชาย คนนี้ ฝากไว้ในกระดานการเมืองของฝรั่งเศส..ขณะที่ มือของเขา ขยับเคลื่อนหมากคิง (King) หนีไปอีกตำแหน่ง
..ที่รู้ว่า คาร์โน จูเนียร์ ได้วางหมากบังคับ ไว้..
คาร์โนจูเนียร์ เผลอยิ้มและเอานิ้วเคาะขาที่เริ่มเขย่า.. อย่างเมื่อครั้ง..ที่เขาตื่นเต้นตอนเด็กๆ ..
ก่อนที่เขาจะเคลื่อนหมากอัศวินไล่กินเบี้ยของบิดา แล้วพูดว่า ...
“ผมใกล้จะรุกฆาต แล้ว.. นะครับ คุณพ่อ” คาร์โน จูเนียร์ ยิ้มกว้างให้บิดา..อีกครั้ง..
ฮิปโปไลท์ ค่อยๆ ขยับมือ เคลื่อน หมากบิชอบ (Bishop) มากินหมากเรือ (Rook) ของลูกชาย และกดดันให้ คาร์โน จูเนียร์ ต้องเคลื่อนคิงหนีจากตำแหน่ง.. แล้วจึงเอ่ยเล่าถึงสงคราม ครั้งล่าสุด ว่า...
หมากบิชอป และหมากเรือ
“ ในสงคราม ฝรั่งเศส-ปรัสเซีย..กองทัพของฝรั่งเศส โดยจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 เป็นผู้ประกาศสงคราม และกรีฑาทัพเข้าสู่สนามรบก่อน.. “
“..แต่กลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ และพ่ายแพ้อย่างหมดทางสู้ ในวงล้อมของกองทัพปรัสเซีย เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1870 ที่เมือง เซอด็อง (Sedan)..”
“.. พระองค์ ยังถูกจับกุม ในมหาสงครามนี้..และถูกเนรเทศไปยังอังกฤษ ในที่สุด..”
ฮิปโปไลท์ หยิบแก้วอมายัคขึ้นมาสูด กลิ่นชื่นใจที่ระเหยขึ้นมา.. ก่อนจะจิบเบาๆ และกล่าวว่า
“..รุกฆาต.. ลูกชายที่รักของพ่อ..” พร้อมกับเคลื่อนหมากเรือ (Rook) มากินหมากควีน ของลูกชาย และขณะเดียวกันก็รุกฆาตกดดัน คิง (King) ของคาร์โน จูเนียร์ เข้าสู่ตาจนในที่สุด..
คาร์โน จูเนียร์ หลับตาแล้วพยักหน้า พลางถอนหายใจยาวอย่างเข้าใจ ก่อนจะวาง
แก้วอมายัคของเขาลงบนโต๊ะ.. แล้วรำพึงเบาๆว่า..
“และแล้ว..ประเทศฝรั่งเศส ก็เปลี่ยนแปลง เป็นระบอบสาธารณรัฐ เป็นประธานาธิบดีในที่สุด.. และไม่มีหมากคิงอีกต่อไป..”
“เหมือนเช่น กับหมากกระดานนี้”
“ลูกยังต้องเรียนรู้ จากคุณพ่ออีกมากมายจริงๆครับ..”
คาร์โนจูเนียร์ เอ่ยพลาง มองฮิปโปไลท์ อย่างนับถือ.. ก่อนจะถามว่า..
“ในสภาพของประเทศ ที่รับภาระค่าปฏิกรรมสงครามมากมายขนาดนี้..ฝรั่งเศส ควรทำเช่นไร นะครับ”
ฮิปโปไลท์ ยิ้มให้ลูกชายอย่างอ่อนโยน และตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า
“ฮ่ะฮ่ะฮ่า..ฝรั่งเศส ควรให้ลูกชายของพ่อ..ย้ายมาเป็น รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง..และ ดูแลพ่วงในส่วนงานของ กระทรวงอาณานิคม (Ministry of the Colonies) ให้เต็มที่.. “
“แล้วในที่สุด.. คงไม่มีใครจะคู่ควรกับ ตำแหน่งประธานาธิบดี มากไปกว่า.. ลูกชายของพ่อ..อีกแล้ว ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ..” ฮิปโปไลท์หัวเราะพลางหยิบบุหรี่ และมองหาไฟจุดบุหรี่..
ก่อนจะโบกมือ ให้แม่พิศรีบมาอุ้มคุณหนูแพร คุณหนูพักตร์ ออกไป ก่อนที่เขาจะสูบบุหรี่..
คาร์โน จูเนียร์ค่อยๆจุดไฟ และป้องมือ ยื่นให้บิดา..
ก่อนจะถามอีกว่า..
“.. ฝรั่งเศส และอังกฤษ พยายามยึดครอง ครอบคลุม อินโดจีน แต่ติดที่ สยามประเทศ ที่มีวิเทโศบาย ดังกระแสน้ำ ที่ดูสงบ แต่ปรับเปลี่ยน ไหลเชี่ยววน คดเคี้ยว..จนเราทำอะไร ไม่ได้เต็มที่ เลยครับ คุณพ่อ..”
ฮิปโปไทด์ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ไฟจุดบุหรี่ และจุดสูดอัดควันบุหรี่เข้าปอด.. ก่อนที่จะปล่อยควันระบายยาว แล้วตอบว่า..
“หากสยาม เป็นดังสายน้ำ.. เจ้าจงหา.. หมากเรือ (Rook)..ของเจ้า..ให้พบโดยเร็ว..ลูกชายที่รักของพ่อ..”
“แล้วสยาม จะต้องตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสในที่สุด..”
“ขอบคุณครับ คุณพ่อ” คาร์โนจูเนียร์ พยักหน้า น้อมรับคำแนะนำ และกล่าวขอบคุณ ด้วยน้ำเสียงชื่นชม..
ขณะเดียวกัน
ณ สยามประเทศ..ในคืนนั้น
คุณหนูฆฤณ ก็กำลังเขียนบันทึกครั้งที่ 3 ของการเดินทางว่า..
กราบคุณพ่อ คุณแม่ที่เคารพรัก,
พวกเราโชคดีมาก..ที่คุณหลวงหนุ่ม ท่านคงจะเอา ราชการงานต่างๆ มารวมทำกัน ครั้งเดียวในภารกิจขึ้นเชียงใหม่ในครั้งนี้ เป็นแน่ ..เจ้าค่ะ
พวกเราจึงได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างยิ่ง นับตั้งแต่วันแรก ที่เดินทาง.. เลยเจ้าค่ะ..
เรือไฟลำแรกที่เรานั่ง เป็นเรือในราชการของ กัปตันริเชอลิเออร์ ที่นับว่าทันสมัยอย่างมาก..เลยนะเจ้าคะ
เรือนี้สามารถวิ่งโดยฝีจักร ประมาณชั่วโมงละ 6 ไมล์ ทวนกระแสน้ำที่ไหลเร็วประมาณชั่วโมงละ 4 ไมล์..
และมีพ่อครัวจีนฝีมือดีประจำเรือ ที่ทำอาหารรสวิเศษ ให้พวกเราได้อิ่มสำราญ อย่างยิ่ง..
รวมเวลาเพียง 4 วัน .. พวกเราก็มาถึงปากน้ำโพ ..
และเปลี่ยนเรือลำที่สอง ที่จัดโดย พระองค์เจ้าเทวัญฯมีคนเรือ 9 คน และเรือลำที่สองมีคนเรือ 4 คน.. บรรทุกข้าวของต่างๆของพวกเรา เจ้าค่ะ...
วิธีแล่นเรือ ของเรือนี้ คือ ใช้คนถ่อ.. เราเดินทางอยู่อีก 2 วัน ก็ถึงบรรพตพิสัย.. คุณหลวงหนุ่ม ก็ให้เราเปลี่ยนเรือ อีกครั้ง..
โดยเรือชุดที่สามนี้ เป็นเรือสองลำ ที่มี“ลูกถ่อ” เป็นชายหนุ่มลักษณะกำยำ และดูมีวินัย อย่างยิ่ง..จำนวน 12 คน
นอกจากนี้ เรายังมีผู้ร่วมเดินทางเพิ่มมา อีก 3 คน
คนแรก เป็นแพทย์ทหารชื่อ ชอว์.. คนที่สองเป็นนายทหารหนุ่มหน้าตาคมคาย และช่างเจรจา ชอบเจรจาสัพยอก กับ นายแพทย์ทหารคนนั้น.. และคนสุดท้าย เป็นพรานเฒ่านำทาง ที่มีรอยสัก อยู่เกือบเต็มตัว..ที่คุณหลวงมักจะเรียกมาคุยอยู่บ่อยครั้ง..
พวกเราใช้เวลาเดินทางรวม 21 วัน จากปากน้ำโพจึงมาถึงที่ ระแหง ..
โชคดีของลูกอย่างยิ่ง ที่คุณพ่อได้พาลูกเดินทาง ทางลำน้ำที่เชี่ยวกราก นี้อยู่บ่อยๆ นะเจ้าคะ.. จึงทำให้ลูก ไม่รู้สึกถึงความยากลำบากใดๆ .. สงสารแต่พี่หนูดี ที่เป็นลมอยู่หลายครั้ง คราที่เรือติดกลางลำน้ำ ที่เชี่ยวนั้น..
จนเมื่อถึงระแหง..ท่านเจ้าเมืองท่านได้ออกมาต้อนรับ คณะของพวกเรา ด้วยตัวเอง..และเลี้ยงต้อนรับดูแลอย่างดี..
พวกเราพักที่นี่ได้สามวัน ..คุณหลวงหนุ่ม จึงได้เข้าไปหารือข้อราชการแล้วขอลาท่านเจ้าเมือง ออกเดินทางต่อไป..
ท่านเจ้าเมืองระแหง จึงได้จัดเตรียมช้างให้พวกเรา 12 เชือก และควาญช้าง 12 คน, พร้อมผู้ช่วย อีก 12 คนโดยช้างแต่ละเชือก จะมีกูบใหญ่โตกว้างขวางสะดวกสบาย บนหลัง..ให้พวกเราได้นั่ง..นอน และกลิ้งในบางครั้ง ..ตามจังหวะเดินของช้าง..
การเดินทางบนหลังช้าง ใช้เวลาอีก 5 วัน จากเมืองระแหง.. พวกเราก็ข้ามแม่น้ำวัง และถึงเมืองตุ่น.. เมืองนี้ตั้งอยู่บนฝั่งขวา ของแม่น้ำ..
คืนนี้ พวกเราจะค้างคืนกันที่นี่ แล้วพรุ่งนี้จะเดินทางต่อไปยังเมืองละคร(ลำปาง)..
ที่เมืองตุ่น มีพลเมืองประมาณ 1,000 คน.. เมืองนี้เป็นที่อยู่ของชาวเหนือที่พูดภาษาแปลกๆ และมีท่าทีที่ไม่ค่อยเป็นมิตร..
ยังดี ที่เรามีพรานเฒ่า ที่คุยสื่อสารกันได้.. ให้เราได้รับเมตตาอาศัย ค้างคืน บริเวณนอกประตูเมืองได้..
คืนนี้ ลูกขอจบบันทึกการเดินทาง ฉบับที่ 3 ไว้เพียงเท่านี้..นะเจ้าคะ..
ด้วยความรักและเคารพอย่างที่สุด,
หนูฆฤณของคุณพ่อ คุณแม่
-
หนูฆฤณ ม้วนกระดาษจดหมาย และเก็บปากกาขนนกเข้าไปในย่ามส่วนตัว
ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาฟัง
เรื่องราวที่พรานเฒ่านำกลับมากระซิบ ให้คุณหลวงหนุ่ม
และทุกคน ฟังว่า ที่แห่งนี้คือ “เมืองลับแล”..
“ขอให้ทุกคนเตรียมรับมือ กับอาเพทแปลกประหลาดบางประการที่อาจจะเกิดขึ้นในคืนนี้..กันนะขอรับ” พรานเฒ่าพูดจบก็แยกออกไป คุยกับพวกควาญช้าง และลูกหาบที่ติดตาม..
คุณหลวงจึงแหงนหน้าดูฟ้า แล้วทำปากขมุบขมิบท่องอะไรบางอย่าง..ก่อนที่จะหันไปพูดเบาๆ ให้นายทหารหนุ่มรูปงาม นั้นจดบันทึก คำว่า
“จงหา.. หมากเรือ.. ของเจ้า..ให้พบ..”
จากนั้นจึงเดินไปสมทบกับกลุ่มควาญช้าง และพรานเฒ่า อย่างรีบเร่ง..
ขณะเดียวกัน ในคืนนั้น ที่มุมหนึ่งของท่าจอดเรือ แม่น้ำเจ้าพระยา
ณ.สยามประเทศ ในปีพุทธศักราช 2426
จ่าปาวี นอนในเปลบนดาดฟ้าเรือ “ปิแอร์”..
กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และอัดควันบุหรี่แคว้นเบรอตาญ เข้าปอด.. ก่อนจะระบายควันยาว..
พร้อมถอนหายใจ..
และ ค่อยๆหลับตาลงพักสายตา.. ฟังเสียงเพลงหวาน ที่แว่วลอยลมมาจากบนฝั่ง ..
ก่อนที่จะเข้าสู่ภวังค์นิทรา..จ่าปาวีได้ยินเสียง เจ้าหนูปิแอร์ พูดกระซิบว่า “.. Siam est mon pays, ton ton Pavie”
“สยาม คือ ประเทศของผมครับ ลุงปาวี”
....,
จบบทที่ 2 ตอนที่ 4
...
...
#เกร็ดเพิ่มเติม,
-กัปตันริเชอลิเออ เป็นชาวเดนมาร์ก เชื้อสายฝรั่งเศส โดยสืบเชื้อสายมาจากพระคาร์ดินัล อาร์ม็อง ฌ็อง ดูว์ เปลซี เดอ รีเชอลีเยอ (Armand Jean du Plessis de Richelieu) อัครเสนาบดีและที่ปรึกษาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส เข้ามารับราชการในกองทัพเรือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2418 เป็นผู้บังคับกองเรือ พิทยัมรณยุทธ (Regent) ที่ภูเก็ต..
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงเรื่องราว (T.Mon)
21/6/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา