2 ก.ค. 2020 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
“จอร์จ วอชิงตัน (George Washington)” ประธานาธิบดีคนแรกแห่งสหรัฐอเมริกา ตอนที่ 5
ดูเหมือนว่าชาวอาณานิคมนั้นมีโอกาสที่จะชนะอังกฤษน้อยมาก
กองทัพของจอร์จนั้นขาดการฝึกซ้อม ทหารส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจนและไม่มีการศึกษา มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 15-25 ปี
หลายคนที่เข้าร่วมกับกองทัพก็เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องเข้ามาเพื่อค่าจ้าง
ทหารของกองทัพนั้นก็มีจำนวนน้อย สภาพความเป็นอยู่ก็เลวร้าย กระสุนก็มีไม่พอ เสบียงก็ร่อยหรอ ทหารส่วนมากก็ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้าง และยิ่งสงครามยืดเยื้อ จอร์จก็เริ่มประสบปัญหา ไม่สามารถหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายกองทัพ
เมื่อเทียบกับแม่ทัพฝั่งอังกฤษ จอร์จนั้นด้อยกว่ามาก
ในสงครามเก้าครั้งที่เขาเข้าร่วม เขาชนะเพียงแค่สามครั้ง และศัตรูของเขาก็คือกองทัพอังกฤษที่น่าเกรงขาม โดยเฉพาะกองทัพเรือที่เรียกได้ว่าครอบครองทะเลไว้ทั้งหมด
แล้วอเมริกาจะชนะได้อย่างไร?
4
เหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาไม่ยอมแพ้ ยิ่งกองทัพของพวกเขาต้านไว้ได้นานเท่าไร อังกฤษก็อาจจะยอมแพ้ไปเอง กองทัพอเมริกันไม่จำเป็นต้องชนะ ขอแค่ไม่แพ้ก็พอ
นานวัน จอร์จก็เริ่มจะเป็นแม่ทัพที่ฉลาด เขาคิดได้ว่าการลอบโจมตีศัตรูนั้นเป็นวิธีการที่ดี กองทัพไม่จำเป็นต้องเอาชนะกันในการปะทะครั้งใหญ่ ซึ่งวิธีการลอบโจมตีนี้ไม่นับเป็นวิธีของสุภาพบุรุษ แต่มันได้ผล
กองทัพของจอร์จนั้นก็มีจุดมุ่งหมายในการรบ นั่นคือต้องการอิสรภาพ และยังต่อสู้ในแผ่นดินของตน ในขณะที่กองทัพอังกฤษนั้นมาสู้ในดินแดนต่างถิ่น และทหารส่วนมากก็แค่มาตามหน้าที่
ค.ศ.1778 (พ.ศ.2321) ฝรั่งเศสตัดสินใจจะช่วยเหลืออเมริกา
นอกจากสนับสนุนด้านการเงินและส่งเรือมาช่วยแล้ว ฝรั่งเศสยังส่งกองทหารมาช่วยอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือขุนนางชื่อ “มาร์ร์กี เดอ ลา ฟาแย็ต (Marquis de La Fayette)”
มาร์ร์กี เดอ ลา ฟาแย็ต (Marquis de La Fayette)
เดอ ลา ฟาแย็ต ได้กลายเป็นผู้ที่จอร์จใกล้ชิดและให้ความไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง และเป็นเหมือนลูกของจอร์จเลยทีเดียว
ในปีนี้เอง ได้มีชายคนหนึ่งเข้ามาในค่ายของกองทัพอเมริกันที่เพนซิลเวเนีย โดยชายผู้นั้นกล่าวว่า ตนนั้นเป็นนายพลชาวเยอรมันและเรียกตัวเองว่า “บารอนฟอนสเตเบน (Baron von Steuben)”
ฟอนสเตเบนไม่ได้เป็นนายพล และก็ไม่ได้เป็นบารอนจริงๆ แต่เขาก็เป็นทหารตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี และเชี่ยวชาญในการฝึกทหาร
บารอนฟอนสเตเบน (Baron von Steuben)
ฟอนสเตเบนสอนทหารของจอร์จอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแบ่งทหารออกเป็นกอง สอนทหารให้สู้ต่อไปแม้จะหวาดกลัว และด้วยการฝึกของเขานี่เอง กองทัพของจอร์จจึงมีความชำนาญขึ้น
อีกเหตุผลสำคัญก็น่าจะเป็นตัวของจอร์จเอง ถึงแม้จะแพ้ แต่เหล่าทหารก็ยังมีศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเขา
ในช่วงสงครามที่ยาวนานนี้ นายพลฝั่งอังกฤษนั้นมาๆ ไปๆ มีการเปลี่ยนแม่ทัพถึงสี่คน แต่สำหรับกองทัพอเมริกันนั้น มีเพียงจอร์จคนเดียวที่ยังยืนหยัด ไม่ไปไหน
1
จอร์จนั้นไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาที่มีอารมณ์ขัน หยอกล้อคุยเล่นกับทหาร แต่เขานั้นให้เกียรติทหารทุกคน และทำให้ทหารภักดีต่อเขา
แต่สำหรับจอร์จนั้น ความกดดันต่างๆ พุ่งเข้าหาเขา
ชีวิตทหารทั้งกองทัพอยู่ในมือของเขา และไม่ใช่แค่เรื่องการรบเท่านั้น แต่เรื่องความเป็นอยู่ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องหาทางจัดการ
หนึ่งในปัญหาสำคัญคือทหารขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร และสภาที่ฟิลาเดลเฟียก็ไม่มีเงินพอที่จะสนับสนุนหรือส่งกองทัพมาเพิ่ม อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่ต้องการจะขึ้นภาษีเพื่อมาสนับสนุนสงครามที่ยาวนานนี้
จอร์จนั้นครุ่นคิดอย่างหนัก นี่คือสงครามเพื่ออิสรภาพ แต่หากอังกฤษเป็นฝ่ายชนะล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้น?
หากจะต้องมีประเทศเกิดใหม่ ประเทศนั้นจะต้องมีรัฐบาลกลางที่เข้มแข็ง เช่นเดียวกับกองทัพที่ต้องมีผู้บัญชาการที่เข้มแข็ง
จอร์จเชื่อว่าประเทศเกิดใหม่ที่ประกอบด้วยอาณานิคมหลายแห่ง จำเป็นต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง ไม่ใช่กษัตริย์ แต่เป็นผู้นำที่ผ่านการเลือกจากประชาชน
มาดูกันว่าจอร์จจะนำพากองทัพของเขาไปสู่ชัยชนะได้หรือไม่
ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา