8 ก.ค. 2020 เวลา 09:21 • กีฬา
เรื่องน่ารู้ที่เทรนเนอร์ไม่เคยบอกคุณ
การออกกำลังกายให้ถูกวิธีมันไม่ยาก แต่ต้องรู้ข้อมูลมาอย่างถูกต้องด้วย
เนื่องจากทุกวันนี้คนเราเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพร่างกายมากขึ้น รวมถึงอยากมีกล้ามเนื้อสวย รูปร่างที่ดี ดังนั้นแล้วจึงมีความรู้ต่างๆ ทั้งจากมืออาชีพและคนที่ไม่ใช่มืออาชีพ มาทำให้สับสนว่าการออกกำลังกายแบบไหนกันแน่ที่ถูกต้องจริงๆ ดังนั้นเราควรมาเรียนรู้กันเถอะ ว่าสิ่งที่คุณเคยคิดนั้นมันถูกต้องจริงๆ แล้วหรือเปล่า
1. อย่าออกกำลังกายตอนป่วย
หลายๆ คนที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ ก็ฟิตไฟแรง แม้กระทั่งตอนที่ไม่สบายก็ยังอยากรักษาวินัย โดยการยังคงออกกำลังกายอยู่เสมอ หรือมีความเชื่อที่ว่ายิ่งออกกำลังกายให้เสียเหงื่อมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งหายป่วยเร็วมากขึ้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การออกกำลังกายตอนที่ป่วยกล้ามเนื้อจะทำงานได้ไม่เต็มที่ และบางทีวันต่อมาคุณกลับจะยิ่งทรุดหนักลงไปอีก ที่แย่กว่านั้นคืออาจจะแพร่เชื้อโรค ทำให้คนที่มาใช้บริการฟิตเนสอื่นๆ พลอยติดโรคตามไปด้วย อย่างเช่น เชื้อหวัด เป็นต้น
2 ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ให้ครบ
หลายๆ คนอาจจะอยากใช้ฟิตเนสให้คุ้มกับเงินที่เสียไป จึงพยายามที่จะใช้เครื่องเล่นทุกชนิดที่มีอยู่ในฟิตเนสนั้นๆ แต่นั่นมีแต่จะทำให้คุณเสียเวลา และเสียพลังงานโดยใช่เหตุ อาจจะทำให้คุณไปไม่ถึงเป้าหมายของการออกกำลังกายของตัวเองได้ เช่น คุณเป็นคนอ้วนที่ต้องการจะลดน้ำหนัก แต่กับได้รับการแนะนำให้ยกเวทหนักๆ ไปเสียทุกครั้ง แทนที่จะใช้วิธีคาร์ดิโอเพื่อเบิร์นไขมันส่วนเกิน เป็นต้น ทำให้น้ำหนักไม่ได้ลดลงตามที่คาดหวัง และรู้สึกท้อแท้จนเลิกออกกำลังกายไป
3. ยิ่งปวดกล้ามเนื้อยิ่งต้องซ้ำให้หายจริงหรือ?
การที่ออกกำลังกายแล้ววันต่อมารู้สึกตึงๆ ปวดๆ กล้ามเนื้อ อาจทำให้คุณกระหยิ่มยิ้มย่องว่าการออกกำลังกายนี้ได้ผลโดยตรงกับกล้ามเนื้อ จึงพยายามที่จะออกให้หนักมากยิ่งขึ้น เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นแข็งแรงขึ้นไปอีก แต่นั่นเป็นวิธีที่ผิดเพราะจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บให้มีอาการหนักมากยิ่งขึ้น แทนที่จะพักให้หายจากความเจ็บปวดเสียก่อน การเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกายซ้ำไปตรงจุดที่กล้ามเนื้อเจ็บปวด จะยิ่งทำให้คุณมีอาการบาดเจ็บจากกล้ามเนื้อหนักมากยิ่งขึ้น บางครั้งอาจจะต้องพักยาวเลย เพราะกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรง ดังนั้นหากเจ็บปวดก็ไม่ควรฝืนทำจนกว่าจะหายเสียก่อนนะ
4. กินอาหารเสริมเพื่อเสริมโปรตีน ดีกว่าการกินเนื้อสัตว์
แน่นอนว่าหากต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแล้ว การกินโปรตีนให้เยอะก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และมักจะมีทั้งเทรนเนอร์และคนอื่นๆ แนะนำให้กินอาหารเสริม หรือเวย์โปรตีน พร้อมกับแนะนำว่าดีกว่าการกินเนื้อสัตว์หรืออาหารอื่นๆ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว การกินเนื้อสัตว์ก็สามารถเพิ่มโปรตีนให้กับเราได้อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นสารอาหารที่มาจากธรรมชาติดีกับร่างกายกว่ากันมากด้วย และที่จริงแล้วการที่จะมีร่างกายสมบูรณ์และแข็งแรงได้ จะต้องรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่เพื่อให้ร่างกายได้สารที่ครบถ้วนต่างหาก
5. ชุดและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับฟิตเนสคือสิ่งฟุ่มเฟือย
หลายๆ คนมองว่าพวกชุดกีฬาและอุปกรณ์ต่างๆ นั้น เป็นเพียงการตลาดแบบทุนนิยม ไม่มีความจำเป็น เพราะถ้าอยากออกกำลังกายใช้แค่ร่างกายก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับกีฬาหลายๆ ชนิดนั้น ความปลอดภัยมีส่วนสำคัญซึ่งการใช้เสื้อผ้า รองเท้า รวมถึงสิ่งอื่นๆ ที่เหมาะสมเวลาออกกำลังกายนั้น ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นในตอนออกกำลังกายได้
6. อยากลดพุงให้ซิทอัพเข้าไว้จริงหรือ?
หากต้องการมีหน้าท้องที่แน่น หรืออยากมีซิกแพค เทรนเนอร์ทุกคนคงแนะนำให้คุณออกกำลังกายในท่าซิทอัพเพื่อกำจัดพุงให้สิ้นซาก แต่ถ้าคิดตามการออกกําลังกายที่ถูกต้องแล้ว การที่จะมีซิกแพคหรือลดพุงได้นั้น ไม่ใช่เอาเพียงแต่ซิทอัพอย่างเดียว เพราะร่างกายของเราต้องเผาผลาญโดยรวม ไม่มีการออกกำลังกายลดส่วนเฉพาะที่เท่านั้น ต้องออกกำลังกายให้เหมาะสมทั้งเวทและคาร์ดิโอ รวมถึงมีการควบคุมอาหารด้วย จึงจะลดไขมันหน้าท้องได้ผลนะ
7. ควรทำ Chest-up ไม่ใช่ Chin-up
แม้ว่าท่าดึงข้อจะเรียก Chin-up แต่การออกกำลังจริงๆ ควรจะดึงแขนไปให้ถึงหน้าอกไม่ใช่เพียงแค่คาง เพื่อที่ให้ท่านี้ได้ประสิทธิภาพที่แท้จริง ต้องยกตัวให้อกเสมอกับบาร์โหนไม่ใช่ให้ถึงเพียงแค่คางเท่านั้นนะ
8. ท่าซิทอัพ และท่าวิดพื้นนั้นสำคัญ
ท่าซิทอัพ และท่าวิดพื้นแม้ว่าจะเป็นท่าการออกกำลังกายที่ดูเป็นพื้นฐานเอามากๆ แต่การวางตำแหน่งผ้าให้ถูกนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้การบริหารร่างกายในท่านี้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อออกกำลังกายในท่านี้ไม่มีความจำเป็นเลย และไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะปวดคอหรือปวดหลังตามที่เครื่องออกกำลังกายซึ่งขายในทีวีนั้นกล่าวอ้างเอาไว้ เพราะถ้าคุณออกกำลังกายได้ถูกต้องจริงๆ แล้ว จะได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ เลย
9. ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเสมอไป
การออกกำลังกายนั้น อยู่ที่การออกให้ถูกวิธีและใช้ช่วงเวลาที่เหมาะสม เพียงเท่านี้การออกกำลังกายของคุณก็ถือว่าได้ผลอย่างดีและมีประสิทธิภาพแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลายืดเยื้อยาวนาน ตั้งใจทำให้เต็มที่ไม่ใช้เวลาในการพักนานเกินไป ไม่ติดเล่น เดินชิล ดื่มน้ำ ถ่ายรูป ให้เสียเวลาไปเปล่าๆ จะดีกว่ากันเยอะนะ
ดังนั้นสิ่งใดที่เคยเรียนรู้และเข้าใจมาผิดๆ ก็จงเปลี่ยนซะ และแนะนำบอกคนอื่นๆ ที่ยังเข้าใจผิดอยู่ให้เข้าใจอย่างถูกต้องด้วย เพื่อที่จะได้ออกกำลังกายได้อย่างมีคุณภาพกับตัวเองจริงๆ
ปกติจะได้ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายมาจากไหน?
บทความ โดย : Akine_noxx
เผยแพร่ครั้งแรกในเว็บ Spice/Pepper
ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา