5 ก.ค. 2020 เวลา 17:04
the Arrival Fallacy คืออะไรนะ ?
เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยเป็น ทำไมการที่จะพึงพอใจในตัวเองเนี่ย ยากจัง..
มาลองทำความเข้าใจเค้าดูกันสักนิดนะ !
เพื่อนๆคงเคยเห็นข่าวเรื่องของนายฌอน ที่เค้าเคยให้สัมภาษณ์ว่า หาเงิน(ยังไงไม่รู้นะ) จนถอย BMW i8 ราคาเกือบ 10 ล้านได้ แถมมีเฟอรารี่อีก แต่ตัวเองก๋ไม่เคยมีความสุขกับสิ่งนั้น .....
หรือเพื่อนๆเคยคิดถึง to-do list ทั้ง10อย่าง ในทุกๆวัน แล้วต่อให้เราทำจนครบแล้ว ก็ยังคงคิดถึง 10 อย่าง ในวันพรุ่งนี้ต่อไม๊ ?
คือ อันนี้ขอกล่าวถึงกรณีนายฌอนก่อนเพราะคิดว่าน่าจะ related กับ the arrival fallacy ได้ดีมากอันนึง (แต่บทความนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับไลฟ์โค้ชน้าเพื่อนๆ)
และด้วยความที่เราอยากรู้ ก็เลยไปค้นหามา แล้วเลยขอเอามาย่อยซะหน่อยย
the Arrival Fallacy คือ ?
- เป็น term ที่ถูกตั้งขึ้นมาโดย Dr.Tar Ben Shahar นักจิตวิทยาแง่บวกชื่อดัง
- เจ้า term นี้ว่าด้วยเรื่องของการให้รางวัลตัวเองเมื่อได้ทำภารกิจบรรลุเป้าหมาย
แต่ที่นี้ โดยทั่วไปเวลาเรา คาดหวังจะได้เกรด B+ ได้วิชาที่ตัวไม่ถนัดเลย (ถือว่ายากนะ) แต่แล้วก็พยายามจนได้เกรด B+ ........ แต่สมองเจ้ากรรมดันพาความคิดเราไปในเชิงลบว่า "โห ขนาดไม่เก่งยังได้ B+ เลย รู้งี้ชั้นนน่าจะหวังเอา A ไปเลย ทีนี้เกรดชั้นสวย A ทุกตัว"
- ทั้งๆที่ เพื่อนๆทำได้ตามที่คาดหวังเลยนะ B+
- ก็เจ้ากระบวนการความคิดนี้ละที่ทำให้ Reward center ของสมองเราบิดเบือนไปนั้นเอง ทำให้เราไม่พอใจกับผลลัพธ์นั้นๆ แม้จะเป็นไปดั่งที่หวัง
- เค้าบอกที่คืออาการของคนที่ Being So much ในเรื่องของการพัฒนาตัวเอง ซึ่ง เพื่อนๆไม่ควรคิดแบบนั้นกับตัวเองน้าา
2
Dr. Tar Ben คือนีัดจิตวิทยาที่แต่งหนังสือเล่มนี้ๆ
- เพื่อนๆรู้ไม๊ว่า สิ่งสุดท้ายที่ ชาว Arrival Fallacy เค้าจะได้สัมผัสคืออะไร ?
>>ติ้กต่อก......ไม่อยากเลยยย นั้นคือ "ความสุข" นั้นเอง เพราะพวกเค้าไม่เลือกที่จะมองมันเองงะ
- และสิ่งหนึ่งที่พวกเค้าจะได้มาเป็นการตอบแทน คือ "Burn out" หรือ การหมดไฟนั้นเอง
แล้วเจ้า อาการ Arrival Fallacy มันจะหายได้อย่างไร ?
ถ้าพูดถึงคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็น
- พวกเค้าจะรู้สึก complete หรือ happy ได้ ไม่ใช่กับผลลัพธ์ตามคาดหวัง แต่คือ .... การกำหนดเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่ยิ่งขึ้น
- ใช่แล้วเพื่อนๆ พวกเค้าแค่บอกตัวเองนี้ละว่า "ชั้นทำยอดได้ถึง 1ล้าน ในเดือนนี้แล้ว ไม่มีเวลาให้มานั่งดีใจ อีก 15วันข้างหน้า ชั้นต้องทำให้ได้อีก1 ล้าน เพื่อที่เดือนหน้าจะได้บรรลุ 2ล้าน"
ปรับมุมมองของพวกเค้าให้ดีขึ้นกันน้า :)
คือเข้าใจว่า หลายๆคนคงเคยเป็นเนาะ บางคนเป็นแล้วรู่ตัว บางคนไม่รู้ซ้ำยังถลำลึก
เอาเป็นเราขอเอาใจช่วยให้เห็นคุณค่าตัวเองเพิ่มขึ้นและให้รางวัลตัวเองด้วย วิธีการคิดเหล่านี้
1. Ease into living in the moment จงอยู่กับปัจจุบัยบ้างนะเพื่อนๆ
- เพราะว่าเจ้า Arrival Fallacy มันคือการที่เรามองแต่อนาคต เราไม่เคยอยู่กับปัจจุบัน
- เรากลับมองว่าปัจจุบันคืออดีต ซะงั้น แงงงง (เราก็เป็น เราเข้าใจ)
- อยู่กับปัจจุบัน และเฉลิมฉลองกับความสำเร็จตรงหน้าบ้างนะเพื่อนๆ
2.Achievement doesn’t equal happiness อันนี้ดีนะคือ การบรรลุเป้าหมาย ไม่ใช่ความสุขเสมอไป
- Dr.Ben ยังบอกว่า คนเรามักจะมีความสุขในตอนที่เราตั้งเป้าหมาย เพราะนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเห็นได้ในขณะนี้ pre-goal-attainment positive effect
- แต่ถ้าเพื่อนๆมองอีกมุมนึง การตั้งเป้าหมาย และถลุงตัวเองจนไปถึงตรงนั้น ไม่ใช่ความสุขของชีวิตนะ อาจจะต้องลอง reflect ดีๆเนอะ
3. Enjoy happiness along the way to reach to goal
- อันนี้เราขอนิยามมาเอง 555 อะไรเนี่ย มี tie-in ของตัวเองมาด้วย อิอิ
- คือ เราปิ้งขึ้นมาว่า ถ้าเราลองสนุกและมีความสุขกับสิ่งที่เราทำ(แต่อาจจะถึงจุดนึง หรือ daily goal) สักอย่าง 2 อย่างต่อวันเนี่ย เราก็จะพบว่า จริงๆแล้ว เราสามารถให้รางวัลความสุขกับตัวเองได้
- ถ้าของเรานะคือ อาจจะเป็นการกินเค้กสักชิ้นนึง สำหรับตัวเองที่ปิดภารกิจวันนี้ได้ แล้วก็จะไม่คิดเรื่อง goal ระหว่างที่กินด้วย 5555 กินเสร็จแล้ว มีความสุขแล้ว กลับมาคิดต่อนะ
4. Set a Benchmark for Happiness and Failure time
- จะคล้ายๆกับข้อ 3 เลย แต่วิธีนี้น่าจะเห็นเป็นรูปธรรมมากกว่า
- คือสมมุติถ้าเราจะรู้สึก Fail เรารู้สึกได้นะ เรารู้สึกแบบ overcome thinking สำหรับเป้าหมายในอนาคตได้ แต่เพื่อนๆต้องกำหนดเช่น โอเค 5 นาทีนี้ แค่5นาทีเท่านั้นที่ชั้นจะเซงตัวเอง
- หลังจากนั้น ลอง reflect ดูใหม่สิว่า สิ่งที่เพื่อนๆเคยเขียนเป้าหมายไว้ ณ วันนี้ เราทำได้เป็นกี่เซนเอ่ย เช่น ตั้งใจว่าจะวิ่ง 21 กิโล แต่ ฝึกซ้อมมาเพียงสัปดาห์เดียว กลับทำได้ตั้ง 5 โล แบบ ไม่หยุดพัก (สมมุตินะ 555) คือ เพื่อนๆควรจะมองด้วยว่า โอเค 5 โล สำหรับคนที่เป็นนักวิ่ง อาจจะไม่ยากนะ แต่ สำหรับเรา นี้เรา achieved มาได้ 20% แล้วน้ะ ! โดยที่งานการเราก็ทำอย่างเคร่งเครียด .... นี่เราก็ไม่เลวน้ะ ! อาจจะให้รางวัลตัวเองด้วยการ เล่นเกมส์อย่างสบายใจ หรือ การวางแผนการกินของอร่อยๆสุดสัปดาห์เป็นต้น
5. Rediscover your goal
- ถ้า 4 ข้อข้างบนไม่ช่วยเพื่อนๆละก็ วิธีที่จะ reflect ได้ดีที่สุดคือ
- ถามตัวเองว่า "ทำไมชั้นต้องการสิ่งที่มันยิ่งใหญ่ต่อไปเรื่อยๆ?"
- แล้วชั้นจะได้สิ่งไหนกลับมา ?
- เมื่อไรที่ชั้นจะสามารถให้รางวัลตัวเองได้ ? (กำหนดมาเลยยย)
- ถ้าสิ่งที่เราต้องการจากการบรรลุเป้าหมายคือ เงิน..... งั้น เงินก้อนนี้ที่ได้มา จะทำอะไรให้เราได้บ้าง ? (และนี่เรากำลังหลอกเพื่อนๆให้คิดถึง Rewards system ให้ตัวเพื่อนๆเองอยู่น้ะ อิอิ)
จบแล้วจ้า เป็นไงบ้างเพื่อนๆ ?
ก็ต้องเคยมีความรู้สึกนี้กันบ้างเนอะ
ไม่สำคัญหรอกว่า เราจะเป็นอยู่หรือเคยเป็น แต่สำคัญที่ว่า เพื่อนๆรู้ตัวเองรึไม่ ? แล้วเราจัดการกับเจ้านี้ยังไงอะเนอะ ?
ถ้าไม่ระวังให้ดี เพื่อนๆที่เป็นระดับหัวหน้า มีลูกทีม ระวัง Arrival Fallacy ของตัวเอง จะไปทำให้ลูกทีมรู้สึกแย่นะ เพราะเราไม่เคยพอใจอะไรเลยที่เกี่ยวกับความสำเร็จเนอะ
อาหารสมองเบาๆ อิอิ ^___^

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา