6 ก.ค. 2020 เวลา 15:31
Doomscrolling คืออะไร ?
แล้วเจ้าสิ่งนี้มันทำร้ายชีวิตประจำวันของพวกเราได้ยังไงนะ ?
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆ เรียกได้ว่า ถ้าเพื่อนเป็นคนที่ใช้ social network อย่างเป็นประจำเนี่ย จะต้องเจอปัญหา Doomscrolling แทบทุกคนเลย แต่เราจะรู้ตัวไหมน้ะ ?
Doomscrolling คือ ?
- จริงๆแล้วนี่เป็นศัพท์ Slang สมัยใหม่ ที่ใช้เรียกพฤติกรรมการ เสพหรือรับข้อมูลในเชิงลบ เช่นพวก criminal news, sad news หรือแม้กระทั่งวิดีโอต่างๆที่มีการใช้ความรุนแรง (หมายถึงพวกคลิปที่แบบ "คลิปวินาทีชีวิต คนนั้นคนนี้ตาย" "วินาทีบิ้กไบท์แหกโค้งชนรถรรทุก" เป็นต้น
- แล้วอย่าง Facebook ถ้าเราเริ่มต้นดูข่าวหรือวีดีโอประเภทนี้ ก็มักจจะมี recommend วีดีโอประเภทเดียวกันมาอีก
- หรือแม้กระทั่งการติดตามข่าว Covid-19 อยู่ตลอดเวลา
- ที่มากกว่าการเสพติดข่าวในเชิงลบแล้ว การที่เราติดการเล่น Social network เป็นระยะเวลาเดิมๆ เช่น ตี1 ตี2 เราควรจะถึงเวลานอน แต่สมองเจ้ากรรมดันชินกับพฤติกรรมการ ไถ feed ขึ้นลงใน twitter, facebook ทั้งๆที่ เราก็อ่าน recent feed ไปหมดแล้ว....แต่นิ้วโป้งของเพื่อนๆยังคงขยับ refresh อยู่ตลอดเวลา (สารภาพว่า เราก็เป็นนะ)
- หรือเราสามารถเรียกอีกชื่อได้ว่า "doomsurfing"
ข่าวร้ายคือ ยังไม่มีทางแก้อาการเหล่านี้ได้เลย
- Nicole Ellison บุคคลที่ทำงานวิจัยด้าน communication and social media ที่ มหาวิทยาลัย Michigan ก็ออกมาพูดว่า เค้าได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเทรนด์อันนี้แล้ว พบว่า เหมือนจะมีปัจจัยหลายๆอย่าง ที่เกี่ยวกับความต้องการของสมองและการรับรู้ของเรา ที่ทำให้การเสพข่าวเหล่านี้ กระตุ้นตัวพวกเรา ....... อย่างน้อยๆก็ความสนุกและความตื่นเต้น
- จริงๆแล้ว Facebook หรือ Twitter เคยออกมายืนยันอยู่บ่อยๆว่า วิธีการที่ใช้ social network ให้ส่งผลในแง่บวกนั้นเยอะมาก เพียงแต่ขึ้นอยู่กับวิจารณญานของผู้ใช้งาน โดยเจ้า Machine learning มีหน้า feed ในสิ่งที่ผู้ใช้งานเข้าชมบ่อยนั้นเอง
ในโลกธุรกิจ ทุกอย่างคือการดึงดูดความสนใจ งั้นเหรอ ?
- Lee Kum Sheung, Health and Happiness at Harvard’s ได้บอกว่า ถ้าอ้างอิงจากความเป็นมนุษย์ในตัวของทุกคน ทุกคนย่อมต้องการสิ่งแปลกใหม่ บนโลกใบนี้มีคำสอนทีสอนให้เราทำดีและเป็นคนดี.......... ดังนั้นไม่แปลกที่การกระทำผิด รุนแรง หรือ แหกกฏข้อบังคับต่างๆ จึงได้รับความสนใจ เพราะว่าพวกเค้าต้องการเสพและรับรู้ว่า เรื่องราวเหล่านั้นจะจบลงยังไง
- และด้วยความแปลกใหม่ที่แสนจะดึงดูดการรับชมเหล่านี้ ก็ยังเป็นหนทางสำหรับวงการข่าว ด้วยเช่นกัน
"Mean World Syndrome" ตัวละครเก่าที่ยังคงใหม่
- จริงๆตั้งแต่ปี 1970 ที่มนุษย์ได้รู้จักคำนิยามของ "Mean world syndrome"
- โดยเจ้าอาการนี้คือ มนุษย์เริ่มเข้าใจว่า บนโลกใบนี้ล้วนโหดร้ายขึ้น ความรุนแรงและการขาดสติพบเห็นได้ทั่วไป
- และด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ เลยทำให้ข่าวทางทีวี (ที่เมื่อก่อนรายการข่าวต่างๆจะมีระยะเวลาที่สั้นและจำกัด) ก็จะเผยแพร่ข่าวสารในแง่นี้ให้กับผู้ชม
- สมัยก่อนยังดีเพราะว่าเวลาการรับข่าวสารเนี่ยจำกัด แต่สมัยนี้ เข้าถึงได้ตลอดเวลา
- และเพื่อนๆเชื่อไม๊ คนเรามักจะชอบเสพข่าวเหล่านี้ในเวลา 30 นาทีก่อนนอน ..... ซึ่งนั้นคือตัวการที่ทำให้เกิด Bad Mental health หรือสุขจิตเสียนั้นเองงง
Covid-19 ถึง Blacklive ถึง การประท้วงต่างๆ และกลับมาที่ Covid 2nd wave
- เราจะบอกว่าการติดตามข่าวสารเป็นเรื่องที่ดีและสมควรทำ เราจะได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน
- แต่เพื่อนๆเห็นไม๊ว่า ข่าวที่ตามติดกันมา มีแต่ข่าวที่สร้างผลกระทบเชิงลบ กับจิตใจของเรา
- เสพได้ แต่ต้องพอดีนะ !
สิ่งที่ทำให้ Doomscrolling มีพลังที่แรงยิ่งขึ้นคือ ?
- แน่นอนว่าเราเพิ่งผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้นั้นคือ ช่วง Lockdown
- ทุกคนมีแต่ความกลัว, ไม่มีการวิ่งมาราธอน, ไม่มีกิจกรรมกลางแจ้ง, ไม่มีห้างสรรพสินค้า, ทุกคนอยู่ในห้อง, ทุกคนอยู่กับมือถือ
- สิ่งเดียวที่ยังใช้การได้ดีคือ Internet........
อ้ะ จบแล้วจ้า ..... ! 55555 ห้วนไปไม๊อะถ้าจบแบบนี้
คืออย่างที่บอกว่า มันยังไม่มีใครค้นพบวิธีแก้หรือหลุดพ้นจากอาการเหล่านี้ (ไม่พูดถึงการบวชนะ)
แต่สิ่งที่ควรมองต่อคืออ สาเหตุอันดับต้นๆของการฆ่าตัวตาย ก็มาจากการรับรู้ข่าวสารที่เสริมสร้างความคิดในแง่ลบออกมาจนมากเกินพอดี จนออกมาทางการกระทำ
หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมโหดร้ายต่างๆ ซึ่งไม่นับในเรื่องของคนเป็นโรคจิตน้าาา
แล้วคิดดูว่าพวกเราเจอ feed ที่เป็นข่าวแบบนี้ อย่างน้อยก็ 2-3 เรื่องต่อวัน ใครที่จิตใจอ่อนหน่อยก็อาจจะตกหลุมพรางทางอารมณ์ได้ง่าย
แล้วถ้า Covid 2nd wave เกิดมีการเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเราต้อง Lockdown อีกละ ?
อันนี้ฝากให้คิดต่อกันเอาเองน้าเพื่อนๆ อิอิ
วันนี้คุณได้หยุดพักจากการเล่นโทรศัพท์บ้างรึยังเอ่ย ?
อย่าลืมดูแล Mental Health ของเพื่อนๆกันด้วยน้าาาา :):)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา