Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
จักรภัทร :)
•
ติดตาม
6 ก.ค. 2020 เวลา 14:20 • ปรัชญา
นี่จะเป็นบทความสุดท้ายในซีรีส์แรกของผมนะครับ
คำถามที่ต้องถามตัวเองเพื่อตอบมัน #5
คุณกล้ายืดหยัดในสิ่งที่ถูกไหม ?
บทความนี้ผมได้แรงบันดาลใจมากจาก
คุณ Nimid Kripin ที่ได้ให้นิยามคำว่าฮีโร่ว่า
“ Hero = ผู้ที่ยอมทำสิ่งดีๆเพื่อผู้อื่นซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ยอมทำเพราะความกลัวหรือไม่อยากทำ “
นี่ทำให้ผมนึกถึงงานวิจัยหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นเพื่อทดสอบ
ความสามารถของคนเราในเรื่องที่ว่ามานี้
ถ้าพร้อมแล้วผมจะเริ่มเล่าเลยนะครับ :)
Dr. Stanley Milgram แห่งมหาวิทยาลัยเยล
ได้ทำการวิจัยทางจิตวิทยาหนึ่งขึ้นมา
โดยที่ตอนนี้มันเลื่องชื่อมากในแวดวงนักจิตวิทยา
เขาได้ประกาศรับผู้เข้าร่วมวิจัยโดย “ หลอก “ ว่างานวิจัยนี้เป็นการทดสอบความทรงจำ ทั้งที่จริงๆแล้ว...
เป็นการทดสอบพฤติกรรมมนุษย์ภายใต้คำสั่งและความกดดันต่างหาก!
ในการทดสอบแต่ละครั้งนั้นจะใช้คน 3 คน
1. ผู้เข้าร่วมวิจัย (ทำหน้าที่เป็นครู)
2.หน้าม้าที่ดร.จ้างมา (ทำหน้าที่เป็นนักเรียน)
3.ผู้ทำการวิจัย (ตัวดร.เอง)
ในการทดสอบนี้ดร.จะสั่งให้ “ ครู “ (ผู้เข้าร่วมวิจัย)
ให้ทำโทษ “ นักเรียน “ (หน้าม้า)
ด้วยการปล่อยกระเเสไฟฟ้าช็อร์ตนักเรียนทุกครั้งที่
นักเรียนจำชื่อวัตถุผิด
โดยที่ความแรงของกระแสไฟฟ้าเริ่มตั้งแต่ระดับต่ำ
( 15 v ) ซึ่งไม่ทำให้เจ็บปวด
ไปจนถึงระดับที่ “ อันตรายถึงชีวิต “ (450 v )
ปล. ถามว่าแรงแค่ไหน 1/4 ของเก้าอี้ประหารไฟฟ้า
หรือประมาณ 2 เท่าของไฟที่ใช้ในบ้าน !
หลักการคือทุกๆครั้งที่นักเรียนตอบผิดครูจะต้องเพิ่มระดับความรุนแรงไฟที่ใช้ช็อร์ตไปเรื่อยทีละ 15 v
ในการทดลอง
หน้าม้าจะนั่งอยู่คนละห้องกับครูและผู้วิจัย
แต่ครูก็สามารถได้ยินเสียงของนักเรียน (หน้าม้า)
ผ่านทางลำโพงได้
และแน่นอนครับนักเรียนไม่ได้ถูกไฟฟ้าช็อร์ตจริงๆครับ
(55555555แสบมากครับ)
แต่ดร.มิลแกรมก็จะเขียนสคริปไว้ว่า
เมื่อถูกช็อร์ตในระดับต่างๆควรส่งเสียงยังไง
อวดครวญยังไงพูดยังไงบ้าง
และหลังจาก 400 w ก็ไม่ให้ส่งเสียงใดๆอีกต่อไป
(หลอกว่าตายหรือสลบไปครับพูดกันง่ายๆ)
ก่อนการทดลองดร.ได้สำรวจความเห็นของนักศึกษา
จิตวิทยาปีสุดท้ายและนักจิตวิทยากว่า50คน
ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เชื่อว่า มีเพียง 1-3 คนเท่านั้นที่กล้าเพิ่มระดับไฟเกิน 300 v
ปล.หน้าม้าทุกคนจะหลอกผู้เข้าร่วมวิจัยว่าเป็นโรคหัวใจด้วย
คุณคิดว่าจะมีคนเพิ่มไฟเกิน 300 v กี่คนครับ
จากผู้เข้าร่วมวิจัยทั้งหมด 40 คน ?
มาดูเฉลยกันครับ......
คนที่เพิ่มไฟเกิน 300 v มีทั้งหมด.....
26 คนครับ !
ไม่ต้องตกใจครับตาไม่ได้ฝาด 26 จริงๆครับ
มีคนถึง 26 คนใช้กระแสไฟฟ้าสูงถึง 450 v ช็อร์ตคนที่ตัวเองไม่รู้จัก ถึงเเม้บนที่ช็อร์ตจะมีป้ายติดไว้ว่า
“ ระวัง อันตรายถึงชีวิต ! “
ประเด็นสำคัญของการทดลองคือ ดร.มิลแกรมจะนั่งอยู่ในห้องช็อร์ตกับผู้เข้าร่วมวิจัยตลอดเวลา
เมื่อกระเเสไฟฟ้าเพิ่มสูงถึง 100 v
ผู้เข้าร่วมวิจัยส่วนใหญ่จะหันไปทาง ดร.มิลแกรม
เพื่อถามว่าควรช็อร์ตต่อไปหรือไม่ ?
เพราะนักเรียนเริ่มส่งเสียงร้องและบอกให้หยุด
(ตามสคริปต์เลยครับ5555)
ซึ่งดร.มิลแกรมก็จะทำสีหน้านิ่งๆและตอบว่า
“งานวิจัยยังไม่สิ้นสุด โปรดทำหน้าที่ของคุณต่อไป “
(เหมือนมาเฟียเลยไหมครับ)
และเมื่อถึง 300 v ผู้เข้าร่วมวิจัยเกือบทั้งหมด
( ซึ่งมีทุกระดับชั้นตั้งแต่คนงานก่อสร้างไปจนถึงนักธุรกิจ) จะเหงื่อแตก หัวเราะอย่างประหม่า
บางคนถึงกับร้องไห้เลยนะครับ!
แต่ก็ยังคงช็อร์ตต่อไป....
เหลือเชื่อไหมครับแต่ก็ต้องเชื่อครับเพราะงานวิจัยนี้ถูกนำไปทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายๆประเทศ
โดยเปลี่ยนตัวแปรให้แตกต่างกันออกไป
แต่มีอันหนึ่งที่น่าสนใจที่สุดครับ
เมื่อเพิ่มหน้าม้าอีกคนเป็นซึ่งรับบทเป็นผู้เข้าร่วมวิจัยที่นั่งอยู่ด้วยอีกคน และหน้าม้าเหล่านั้นไม่ยอมช็อร์ตต่อ
ผลปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมวิจัย 4 จาก 40 คนเท่านั้น
ที่เชื่อฟัง ดร.มิลแกรม
ในทางกลับกัน! เมื่อหน้าม้ายอมทำตามทุกอย่างที่ดร.มิลแกรมบอกผู้เข้าร่วมวิจัยถึง 37 จาก 40 คน
ได้ช็อร์ตจนถึงขั้นสูงสุด
และสำหรับคนที่ไม่ช็อร์ตต่อ
ก็ไม่มีใครกล้าเดินออกจากห้องโดยไม่ขออนุญาต
ไม่มีใครเอ่ยปากว่าการทดลองนี้มันผิด
น่าตกใจใช่ไหมครับ ?
ที่น่าตกใจกว่านั้นคืองานทดลองนี้แค่เป็นการทดสอบเพื่อเข้าใจปรากฎการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในโลก
ฉะนั้นนี่เองก็เป็นเหมือนกระจกสะท้อนโลกใบหนึ่งนั่นเองครับ
ถามว่าหลังจากได้ฟังการทดลองนี้ทุกท่านรู้สึกอย่างไรครับ ?
หดหู่ โกรธ หงุดหงิด ?
แต่ผมคิดว่าการทดลองนี้สอนอะไรบางอย่างให้กับเราครับ :)
เรารู้ได้เลยว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่รับมือกับ
“ แรงกดดัน “ ได้ไม่เก่งจริงๆครับ
เราตัดสินไม่ได้เลยว่าใครคือ “ คนดี “ หรือ “ คนเลว “
เพราะต่อให้เขาเป็น “ คนดี “ มากแค่ไหน
เมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันก็อาจบีบบังคับให้เขา
ต้องกลายเป็น “ คนเลว “ ก็ได้จริงไหมครับ
ไม่มีใครเชื่อหรอกครับ
ว่าเขาจะสามารถช็อร์ตคนๆหนึ่งที่ไม่รู้จักจนตายอย่างทรมาณได้ลง
แต่เรื่องราวเหล่านี้กำลังบอกอะไรเราอยู่ครับ :)
ผมเชื่อว่าคนเรารู้แน่นอนครับว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด
สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร
แต่.....
เราจะกล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องจริงๆไหมครับ ?
เราจะกล้าสู้กับสิ่งที่ผิดเพื่อทำให้มันถูกไหมครับ ?
ผมเชื่อว่าหลายๆคนอยากทำแต่ติดตรงที่ว่า
“ กลัว “ คำเดียวเลยครับ
กลัวว่าจะผิดพลาดในหน้าที่
กลัวว่าจะสูญเสียอะไรบางอย่างไป
กลัวว่าจะทำให้ใครบางคนผิดหวัง
แต่กลับกันก็ดัน กลัวที่จะทำความผิดด้วย
ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในชีวิตคุณ
ผมอยากให้คุณลองถามคำถามสักสามคำถามให้กับตัวเองครับ
1. สิ่งที่เรากำลังทำมันถูกต้องไหม ?
2. หากมันไม่ถูกเราจะทำยังไง ?
3. ถ้าครอบครัวของฉันมาเห็นเขาจะภูมิใจในตัวฉันหรือเปล่า ?
ตอบคำถาม 3 ข้อนี้ให้ได้ แล้วผมเชื่อว่า
คุณจะกล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้นแน่นอน
อย่าให้คำว่าหน้าที่มาบดบังคุณธรรมของคุณ
จงยืนหยัดในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องและอย่ายอมแพ้มัน
และคุณจะได้เป็น “ ฮีโร่ “
ที่คุณและคนที่รักคุณภูมิใจ :)
เช่นเคยครับสุดท้ายนี้ผมก็หวังว่าทุกคนจะได้ข้อคิดที่ดีและมุมมองใหม่ๆจากบทความนี้
และแน่นอนครับ ผมต้องจบบทความพร้อมคำคม :)
แต่รอบนี้ขออนุญาตเอาของคนอื่นมานะครับ ;)
The world is a dangerous place to live
Not because of the people who are evil ,
But because the people who don’t do anything about it. - Albert Einstein
แปล -
โลกใบนี้ไม่ได้น่าอันตรายเพราคนเลวหรอก
แต่เพราะคนดีที่เพิกเฉยต่อความเลวเหล่านั้นต่างหาก
- อัลเบิรต์ ไอน์สไตน
ส่งท้าย* หวังว่าบทความนี้จะช่วยเป็นอีกหนึ่งแรกผลักดันให้ทุกคนยืดหยัดในสิ่งที่ถูกต้องนะครับ
และอย่าลืมถามตัวเองก่อนล่ะ
ว่ามันถูกต้องจริงๆหรือเปล่า ? :)
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ
- จักรภัทร :)
อ้างอิงงานวิจัย
nature.berkeley.edu
Milgram’s Experiment on Obedience to Authority
อันนี้คลิปวิดิโอเผื่อมีคนสนใจเรื่องงานวิจัยครับ
ปล.ไม่โหดครับๆเสียงร้องค่อนข้างปลอม555
youtube.com
Milgram Experiment - Big History NL, threshold 6
Clip with original footage from the Milgram Experiment. For educational purposes only!
**แรงบันดาลใจให้เขียนบทความเกี่ยวกับงานวิจัยนี้
มาจากหนังสือ รู้มากไปทำไม รู้ใจก่อนดีกว่า
เขียนโดน คุณขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร ครับ:)
ขอบคุณพี่ขุนเขา มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
2 บันทึก
18
11
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
คำถามที่ต้องถามตัวเองเพื่อตอบมัน :)
2
18
11
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย