นาย A และนาย B ร่วมกับหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ลงทุนทำธุรกิจบ่อนคาสิโนที่ประเทศกัมพูชา
ต่อมานาย B ได้ยักยอกเงินจากการทำธุรกิจการพนัน เป็นเงินจำนวน 20 ล้านบาท และถูกจับได้ในภายหลัง
นาย A จึงให้นาย B ทำสัญญากู้ยืมเงิน และให้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 2 ฉบับ เพื่อชำระเงินคืนให้แก่นาย A และหุ้นส่วนคนอื่น ๆ
เมื่อถึงกำหนดคืนเงิน นาย A นำเช็คไปขึ้นเงิน แต่ปรากฏว่าเช็คเด้ง.. นาย A จึงได้นำเช็คมาฟ้องบังคับเพื่อให้นาย B ชำระเงินจำนวน 20 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย
ผลปรากฏว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง
นาย A ได้ยื่นฏีกา โดยต่อสู้ว่า..
เช็คทั้ง 2 ฉบับนั้น นาย B ไม่ได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้การพนัน เพราะไม่ใช่เรื่องของหนี้การพนันที่นาย Aและนาย B เล่นพนันหรือขันต่อกัน แต่เกิดจากนาย B กู้ยืมเงินของตน
ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษาว่า..
1. นาย A นาย B และหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันทำธุรกิจบ่อนคาสิโนในราชอาณาจักรกัมพูชา โดยอ้างว่าชอบด้วยกฎหมายของราชอาณาจักรกัมพูชา ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย
การที่นาย A นำคดีมาฟ้องในราชอาณาจักรไทยจึงต้องบังคับใช้ตามกฎหมายไทย
2. การที่นาย B ทำสัญญากู้ยืมเงินก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากหนี้ในการทำธุรกิจบ่อนคาสิโน ซึ่งเป็นธุรกิจการพนันอันมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ย่อมตกเป็นโมฆะ นาย B จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้
เมื่อนาย B สั่งจ่ายเช็ค จึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คเช่นเดียวกัน