Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คลังความรู้ by SpokeDark
•
ติดตาม
9 ก.ค. 2020 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
กดขี่จนโกรธแค้น! ย้อนรอย 'สงครามดาโกตา' เมื่อชนพื้นเมืองอินเดียนแดงลุกฮือ
เข่นฆ่าคนผิวขาว
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
หลังจากที่ชาวอาณานิคมมาตั้งรกรากในทวีปอเมริกา และก่อตั้งประเทศสหรัฐฯ ขึ้นมา ก็ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวอเมริกันผู้มาอยู่ใหม่และชนพื้นเมืองขึ้นมาหลายครั้ง และหนึ่งในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ก็คือ สงครามดาโกตา หรือ การลุกฮือของชนเผ่าชู (Sioux) ที่ไม่พอใจกลุ่มผู้ตั้งรกรากชาวสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมชำระค่าใช้จ่ายการเกษตร และไม่พอใจกลุ่มคนผิวขาวและกดขี่ข่มเหงชนพื้นเมืองจนเกิดเป็นความไม่พอใจ และทำให้ชนเผ่าอินเดียนแดงหลายคนต้องอดอยากและพบกับความยากลำบาก จนนำมาสู่การลุกฮือไล่เข่นฆ่าคนผิวขาวในรัฐมินเนโซตาของสหรัฐฯ จนกลายเป็นสงครามขึ้นมา
WIKIPEDIA PD
จุดเริ่มต้นของสงครามเกิดจากการที่ผู้นำชนเผ่าซูเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายเงินเยียวยาให้พวกเขาโดยตรงเป็นรายปี โดยเฉพาะเรื่องการค้าขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางที่ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับพวกเขาในกลางปี ค.ศ. 1862 แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการตอบสนอง สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เมื่อมีกลุ่มนายพรานชนเผ่าซูสังหารชาวเมืองมินเนโซตาหากคนระหว่างการล่าสัตว์ ในคืนนั้นสภาชนเผ่าซูจึงตัดสินใจขับไล่พวกคนผิวขาวออกไปจากพื้นที่ และทำการสังหารเข่นฆ่าผู้คนมากมาย ทว่ากลับไม่มีรายงานแน่ชัดเกี่ยวกับยอดผู้เสียชีวิตของชาวเมืองในเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่เชื่อกันว่ามียอดผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 800 คน ซี่งรวมถึงผู้หญิงและเด็กด้วย
ทางการสหรัฐฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการระดมกำลังทหารเข้ามาปราบปรามชนพื้นเมืองซูอย่างรุนแรง สงครามครั้งนี้จบลงในช่วงปลายเดือนธันวาคม ค.ศ.1862 เมื่อทหารสหรัฐฯ สามารถจับกุมเชลยชนเผ่าซูได้มากกว่าหนึ่งพันคน โดยในจำนวนนี้รวมถึงเด็กและผู้หญิง เชลยเหล่านี้ส่งตัวไปขังในเรือนจำของรัฐมินเนโซตา สงครามดาโกตาจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของชนเผ่าซู โดยฝ่ายสหรัฐฯ สูญเสียกำลังทหารไปราว 80 นาย และคาดว่าพวกเขาน่าจะสูญเสียพลเรือนไปกว่า 800 คน จากสงครามครั้งนี้ ส่วนชนเผ่าซู สูญเสียทหารไป 150 นาย มีชนพื้นเมืองชนเผ่าซูถูกจับนับพันคน มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สั่งประหารชีวิตชายชาวเผ่าซูจำนวน 38 คน ด้วยการแขวนคอ ซึ่งนับได้ว่านี่คือเหตุการณ์ประหารชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เลยทีเดียว
WIKIPEDIA PD
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับชนเผ่าซู ด้วยการเนรเทศพวกเขาออกจากรัฐมินเนโซตา ดาโกตา และเซาท์ดาโกตา ภายหลังจากสงครามสิ้นสุดลง พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำมินเนโซตาถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้จากภัยสงคราม หลายครอบครัวอพยพออกไป เนื่องจากหวาดกลัวชนพื้นเมืองจะลุกฮือขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1870 ได้มีชาวอเมริกันเชื้อสายยุโรปเข้าไปตั้งรกรากอีกครั้งเพื่อทำการเกษตร พร้อมกันนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้จัดตั้งเขตสงวนเผ่าอินเดียนแดงขึ้นมาอีกครั้ง
1
อาจกล่าวได้ว่านี่คือสงครามที่สร้างความบาดหมางระหว่างชาวสหรัฐฯ และชนเผ่าอินเดียนแดง จนกลายเป็นบาดแผลลึกทั้งสองฝ่าย ที่ต่างสูญเสียญาติพี่น้องจากสงครามในครั้งนี้ ฝ่ายพลเรือนของสหรัฐฯ ก็หวาดระแวงชนพื้นเมือง กลัวว่าพวกเขาจะลุกฮือขึ้นมาเข่นฆ่าคนผิวขาวอีก ส่วนชนพื้นเมือง ก็มองว่าฝ่ายตนนั้นสูญเสียยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะต้องสูญเสียญาติพี่น้องที่เป็นที่รักแล้ว พวกเขายังต้องเสียดินแดนของบรรพบุรุษไปให้พวกคนผิวขาวนั่นเอง
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA PD
9 บันทึก
25
1
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สงครามในประวัติศาสตร์โลก
ประวัติศาสตร์ I
9
25
1
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย