12 ก.ค. 2020 เวลา 13:41
#จันทร์เจ้าขาบทที่2ตอนที่10,
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
วันนี้ผมขอส่ง บทที่ 2 ตอนที่ 10 มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านเพลิดเพลินกันในวันหยุดสัปดาห์นี้นะครับ.. 😊❤️💙
สุขสันต์วันอาทิตย์นะครับ..
บทที่ 2 รุ้งวาริท
ตอนที่ 10 จันทมณี..
#สยามประเทศในเขตป่า ไม่ไกลจากวัดพระธาตุเสด็จ
ท่ามกลางความชุลมุลนั้น
..ก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น..
ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีดำที่อยู่ด้านหลังคุณหลวงหนุ่ม ก็แอบโยนวัตถุสีดำชิ้นหนึ่งลงพื้นดินบริเวณใกล้เท้าของคุณหลวงที่ไม่ทันระวังตัว.. แล้วชายผู้นั้น..จึงประนมมือขึ้น เป่าระบายลมตามเข้าไป..
ทันใดนั้น คุณหลวงก็อุทานเบาๆ คล้ายมีสิ่งหนึ่ง เข้ามากัดเข้าทีหนึ่ง..ก่อนที่จะล้มลงนอนนิ่งไม่ขยับตัว และสิ่งนั้นก็รัดตัวคุณหลวงแน่น..รัดแน่นเสียจนเสียงกระดูกที่ค่อยๆบดเข้าหากัน..ดังเป็นระยะๆ..ปานจะแตกเป็นเสี่ยงๆ..
พรานเฒ่า และผู้กอง ที่ยืนอยู่ถัดไปจากคุณหลวง เมื่อเห็นคุณหลวงลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น..ก็รีบรุดวิ่งเข้ามาดูอาการของคุณหลวง..ในทันที..
พรานเฒ่า รีบพลิกร่างคุณหลวงให้นอนหงาย และหยิบมีดพรานลงอาคม ปักลงกลางอก คุณหลวง อย่างรวดเร็ว...
“ เอ้ย ..นี่หนานพัน กำลังจะช่วยหรือจะฆ่าคุณหลวงท่านกันแน่..ฮึ?” ผู้กองหนุ่ม ร้องเสียงหลงถามพรานเฒ่า
“กระผมใช้มีดอาคม ปักสะกดงูผี ..ที่กำลังรัดคุณหลวง ไว้ชั่วคราวน่ะขอรับ..
ระหว่างนี้ผู้กองรีบแบกคุณหลวงไปให้ห่าง ไอ้พรานดำที่มันลอบทำของใส่คุณหลวง ก่อนเถิดขอรับ.. เราสองคนสู้มันไม่ได้หรอกขอรับ.. แต่กระผมจะพยายามถ่วงเวลามันให้ได้ สักพักหนึ่งละขอรับ.. รีบพาคุณหลวงท่านไปอยู่ที่หลังแนวกำแพงโบราณ ตรงนั้นก่อนเถิดขอรับ ผู้กอง..” พรานเฒ่า รีบพูดไล่ผู้กอง ขณะที่มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในย่ามพราน .. ตั้งท่าเตรียมพร้อม..และมืออีกข้างหนึ่งที่ถือมีดพรานลงอาคม ก็ชูขึ้นเตรียมเผชิญหน้า กับชายผิวดำ ร่างใหญ่คนนี้..
ผู้กองหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ รีบแบกคุณหลวงขึ้นหลัง แล้วรีบเดินจากไป..
“มันจะมากไปแล้วนะเจ้าคะ .. มาทำสุนัขลอบกัดคุณหลวงท่าน..” หนูพาพูดอย่างโมโห เมื่อเห็นการ
กระทำดังกล่าว และเผลอพุ่งตัวเข้าไป แบบนักเลงโต..
หม่อมทินกรท่านจึงคว้าฉวยข้อมือหนูพาไว้..
และพูดเตือนหนูพาเบาๆ ว่า
“กรรมวาระ ปรากฏแล้ว
หาแก้ได้..”
“แต่หนูพา สงสารคุณหลวงนี่เจ้าคะ.. เราเข้าไปช่วยไม่ได้จริงๆ หรือ เจ้าคะ.. หม่อมท่านเจ้าขา..” หนูพาพูดอ้อนวอนเมตตาจากหม่อมท่าน..อย่างที่สุด...
หม่อมทินกร ถอนหายใจยาว พลางส่ายหน้าช้าๆ..
ทันใดนั้น เสียงคำรามของฝูงเสือ ก็ดังขึ้นพร้อมกัน อยู่รอบๆ บริเวณนั้น..
ท่านขุนพินิจฯ จึงตะโกนร้องเรียกชายรูปร่างใหญ่ ผิวสีดำนั้นว่า
“...พรานดำ เจ้าช่วยจัดการอะไรสักอย่าง..ให้ข้าได้เห็นฝีมือ ที่เขาร่ำลือ ถึงพรานดำล่าสมิงผู้โด่งดัง ..ให้สมราคาค่าจ้าง ที่ข้าจ้างเจ้าสักนิดเถิด...”
พรานดำ ละสายตาจากพรานเฒ่า หันกลับมาจ้องหน้าท่านขุนพินิจฯ อย่างน่ากลัว..ก่อนที่ตะโกนบอก ลูกหาบของเขาว่า..
“ หากพวกเจ้า ณ. ที่นี้เห็นเสือตัวใด เข้าใกล้ท่านขุน ให้เล็งยิงเข้าที่หัวมันทันที.. กระสุนทุกนัดข้าได้ปลุกเสกอาคมให้แล้ว..
เข้าใจหรือไม่..”
แต่เร็วกว่าที่ทุกคนจะทันได้ตอบพรานดำ.. เสียงปืนนัดหนึ่ง ก็ระเบิดก้องป่า ดัง..
“..ตู้ม!!!..”
ทุกคนหันไปมอง อย่างไม่เชื่อสายตา..
ภาพกระสุนนัดนั้น..พุ่งเข้าที่หน้าผากของพรานดำ ตรงหว่างคิ้วอย่างพอดิบพอดี
จนพรานดำ กระเด็นลอยไปไกล ราว สองวา นอนแน่นิ่งอยู่ในกอพุทธสร..
จากนั้นทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว..ที่กระบอกปืนเล็กยาว Fusil Gras mle 1874 ของฝรั่งเศส ที่ยังคงมีควันขาวฉุยเบาๆ.. ตั้งประทับท่ายิงจากชายหนุ่มรูปงาม.. ที่ยืนนิ่ง แต่อุทานเบาๆตามหลัง..ว่า
“..ขอประทานโทษด้วยนะขอรับ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน..
เห็นได้ชัดว่า ท่านผู้นี้ตะโกนสั่งทุกคนว่า..ให้ยิงที่หัว.. กระผมเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ท่านผู้นี้ที่สุด ..กระผมก็เลย..”
“..ยิงก่อน คุยทีหลังน่ะขอรับ..” คุณหนูกร อ้าปากพะงาบๆ ในประโยคสุดท้าย ที่ชายหนุ่มลึกลับพูด..พร้อมกับเอามือกุมขมับส่ายหัวเบาๆ..
“ พุทโธ่ .. พ่อคุณ เอ๊ย!!
พรานดำ เค้าบอกว่า หากเห็นเสือตัวใด ก็ให้ยิงเข้าที่หัวน่ะ พ่อคุณ..
โธ่ๆๆ พรานดำเอ๊ย.. แล้วใครจะช่วยเราสู้กับเสือสมิง ที่ล้อมรอบเราอยู่ ล่ะทีนี้..” ท่านขุนพูดพลางเอามือกุมขมับ ส่ายหัวช้าๆ..ท่าเดียวกับลูกสาว..”
เมื่อเหล่าลูกหาบของพรานดำหายตกตะลึง..ก็ลุกขึ้นหยิบคว้ามีด คว้าไม้กันคนละเล่มสองเล่ม ล้อมวงเข้ามา หาชายหนุ่มผู้นี้..ด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร..
ชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ก็ตั้งท่าประทับปืน ขึ้นอย่างตั้งใจกว่าเดิม และพูดออกมาด้วยรอยยิ้มงามอย่างน่าพิศวง ว่า..
“กระผม ก็ยิงที่หัวของเสือ อย่างที่ ท่านบอกนั่นแหละขอรับ..
คราวนี้ ขอให้ทุกท่าน โชคดีเตรียมพบกับการกลับมาของสมิงเสือดำ คืนชีพ ที่อยู่ด้านหลัง พวกท่านในบัดนี้นะขอรับ..”
ทุกคนจึงหันหลังกลับไปมอง ที่บริเวณกอพุทธสรที่สั่นไหว..ตรงที่พรานดำนอนอยู่..ภาพที่ปรากฏโผล่ขึ้นมา กลับเป็น เสือดำตัวใหญ่มากกว่าปกติ ยกตัวยืนขึ้นพร้อมส่งเสียงคำรามดังก้องกังวาลทั่วบริเวณ..
“..โฮกกกก!!!! “
ลิ้นของมันแลบเลีย เลือดที่ไหลซึมจากแผลตรงหน้าผาก.. ดวงตาสีแดงก่ำของมัน กวาดสายตามองเหยื่ออันโอชะด้านหน้า.. แล้วจึงหันไปด้านหลัง เรียกพรรคพวก ให้เดินตามขึ้นมา..
เสือโคร่งสมิงเฒ่า และเสือดาวสมิง จึงค่อยๆเยื้องย่าง ออกมายืนฝั่งซ้าย ขวาของ เสือสมิงดำ.. นอกจากนี้ยังมี เสือโคร่งยืนอยู่แถวด้านหลัง อีก 4 ตัว.. และฝูงโป่งค่างฝูงใหญ่ ดวงตาสีแดงวูบไหว ห้อยโหน อยู่บนต้นไม้ ไหว.. โยนตัวกันสลับไปมา..ส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน...
“.. พวกเจ้า.. รีบจุดคบไฟ โดยเร็ว..” พรานเฒ่า ตะโกนสั่ง เรียกสติพวกลูกหาบของพรานดำที่สติเริ่มกระเจิดกระเจิง..
ไฟจากคบ จึงถูกจุดส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว .. โดยส่วนหนึ่งถูกนำมาปักกับพื้น ล้อมเป็นอาณาเขต..
และ ส่วนหนึ่งถูกถือในมือลูกหาบที่พอจะมีอาคมบ้าง
“ ตั้งจิตของพวกเอ็ง ให้แน่วแน่ในพระพุทธคุณ.. เพราะมันกำลังเลือกที่..จะจู่โจม คนที่จิตอ่อน เป็นคนแรก..”
พรานเฒ่า พูดเตือนสติ เหล่าลูกหาบของพรานดำ..
เหมือนเมื่อครั้งคุณหลวงเป็นผู้นำ คอยเตือนสติ และสั่งการ..
“..ถ้าพวกเอ็ง กับข้ารอดไปคราวนี้.. รับรอง มีเรื่องเล่ากัน 7 ชั่วคน แน่ๆ .. หึหึหึ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ของบรรดาลูกหาบ ดังรับขึ้นเบาๆอย่างฮึกเหิม .. เปลี่ยนบรรยากาศ ให้กลับมีพลังขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ..
สมิงไพรหนุ่ม ใช้สายตา กวาดนับจำนวน เสือสมิงได้ 7 ตัว ฝูงโป่งค่าง ประมาณ 40 ตัว.. แล้วจึงหันมาคะเน ลูกหาบ และทุกคนในบริเวณนี้ได้ ประมาณ 30 คน.. จากนั้นจึงก้มนับจำนวนกระสุนอาคมในมือได้ 24 นัด .. กระสุนปกติ ได้ประมาณ 40 นัด..
แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนเงยหน้า ตะโกนข้ามไปหาผู้กองหนุ่ม ว่า
“ผู้กอง..ขอรับ.. ผู้กองพอจะมีกระสุน แบ่งให้กระผมซัก สี่ห้าสิบนัด ได้มั้ย ขอรับ..”
พร้อมยิ้มหวานกว้างให้ผู้กอง.. ค้างไว้อย่างนั้น..
ผู้กองหนุ่มตะโกนตอบกลับมาด้วยเสียงดังลั่น ประหนึ่งสิงโตคำราม..จนทั้งฝูงเสือสมิง และโป่งค่าง ต้องเงียบลงหันมามองเป็นตาเดียว..
“นี่มันกระสุนของหลวง..
.. มาขอแบ่งอย่างข้าวเปลือกกันง่ายๆแบบนี้ ไม่ได้นะขอรับ..ยิงประหยัดๆ ยิงให้แม่นๆ เอาเถิดนะขอรับ..พ่อพราน”
“หึหึ.. ได้ยินกันแล้วใช่มั้ยขอรับ คุณสมิงดำ และลูกสมุนทั้งหลาย.. นี่คือ..
กระสุนของหลวงนะขอรับ
กระสุนหลวงนี่ทรงอานุภาพยิ่งกว่า กระสุนลงอาคม อีกนะขอรับ..ยิงทีเดียว ตายแล้วส่งลงนรก..เลยนะ
ขอรับ ..หึหึ..
ซะ คือ เลอะ เน่ สิ ยา บะ นา ยินดีที่ได้รู้จักกัน..นะขอรับ
ผู้กอง..”
สมิงไพรหนุ่มตะโกนข้ามฟาก ตอบผู้กองหนุ่ม แล้วจึงเหล่ตามายิ้มทะเล้นให้ คุณหนูกรอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะรำพึงเบาๆ ว่า.. “ พร้อมรบกันแล้ว..นะขอรับ..”
“โฮกกกกก!!!” เสือสมิงดำคำรามให้ฝูงสัตว์ปีศาจเข้าโจมตี.. ส่วนตัวมันเองก็พุ่งกระโจนเข้าขย้ำที่ไหล่ของพรานเฒ่า .. นำฝูงสัตว์ปีศาจ ให้เริ่มพุ่งเข้ากัดเหยื่อเคราะห์ร้าย อย่างกระหายเลือด..
“ปังงง..” “ตู้มมม..”
“เปรี้ยงงง!!!” “เปรี้ยงง!!”
“อ๊ากกกกกกส์” เสียงปืนระดมยิงเข้าใส่.. สลับกับเสียงร้องโหยหวน และกลิ่นเลือดสาดคลุ้งระอุ อยู่ทั่วสมรภูมิในครั้งนี้..
ขณะที่ ร่างโปร่งแสงของหม่อมทินกร..ยืนอยู่นิ่งบริกรรม คาถาครู่หนึ่ง แล้วจึงแบมือ เป่าพุทธมนต์บางอย่างให้กระจายออก เป็นอักษรสีทอง..ลอยฟุ้งกระจาย และวิ่งเข้าสู่ร่างมนุษย์ที่กำลังต่อสู้กับฝูงสัตว์ปีศาจในขณะนี้..
หนูพาทำตาโต ก่อนจะร้องถาม ว่า “..ทำไมหม่อมท่านช่วยคนอื่นๆ ..แต่ไม่ยอมช่วย คุณหลวงท่านล่ะเจ้าคะ..แล้วอักษรพุทธมนต์นั้นคือ สิ่งใดกันรึเจ้าคะ..”
หนูพา พูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างน่าสงสาร..
หม่อมท่าน เอามือมาลูบปลอบศีรษะหนูพา ก่อนจะตอบว่า ..
“เมื่อเจ้าเขียน..ด้วยจิตนิ่ง
ชำนาญแม่น..,
นะทรงแผ่น..ดินทรงปาด
วาดอักษร..,
แล้วจึ่งลบ..เกิดผงปถมัง
ธรณ์..,
ฟุ้งกำจร..อยู่ยง
คงกระพัน..,”
“คุณหลวงท่าน กรรมวาระ
ปรากฏแล้ว..,
บ่วงกรรมแก้ว..สาบานไว้
ไม่เปลี่ยนผัน..,
เจ้ากรรมเก่า..เฝ้าตามหา
กี่ชาติวัน..,
เมื่อพบกัน..เขาจึงถาม
ตามรังควาน..”
“แล้วคุณหลวงท่านจะตาย หรือ เจ้าคะ..” หนูพาถามหม่อมท่าน ด้วยดวงตาแดงๆ เสียงเครือๆ..
หม่อมท่าน ทอดสายตายาวออกไปยังเมืองตุ่น แล้วรำพึงว่า
“ ก็แล้วแต่.. เจ้ากรรมแห่งคำสาบานนั้น จะยอมปล่อยคุณหลวงท่าน หรือไม่..นั่นแหละ หนูพา..”
#ณ.ราชอาณาจักรตองอูบริเวณใกล้พระธาตุมุเตาในสมัยพระเจ้าบุเรงนอง..
ในปีพุทธศักราช 2109
“ท่านพี่ ทรงคิดเห็นประการใดกัน เพคะ..ถึงนำทัพนาคราช ขึ้นมาช่วยพระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา ปราบกบฏเช่นนี้”
จันทมณีเทวี เอ่ยถาม ด้วยความสงสัย..
“พี่มิได้ช่วยเหลือ
บะยิ่นเหน่าว์ (บุเรงนอง).. แต่หน้าที่ของพี่ คือ ปกป้องดูแล พระธาตุเขี้ยวแก้ว และพระเกศาธาตุ..ในทุกราชอาณาจักรที่สายน้ำของ(แม่น้ำโขง) ไหลผ่าน..
แต่อีกส่วนหนึ่ง ที่พี่ปฏิเสธมิได้ คือ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ผู้เป็นดั่งอนุชาที่รักของ
บะยิ่นเหน่าว์ เป็นผู้ทำนุบำรุง พระธาตุมุเตา เสมอมา..และยังถวายมงกุฏเป็นพุทธบูชา ที่พระธาตุแห่งนี้อีก..ดังนั้น เมื่อคราวเหล่ากบฏนำโดย สมิงสอตุต กระทำทุรยศ ต่อคำสัตย์สาบาน สังหารพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และยังไล่ตามล่าสังหารบะยิ่นเหน่าว์นั้น..
พี่จึงตัดสินใจนำทัพนาคขึ้นมาร่วมปราบเหล่ากบฏ..”
วิสุทธิภุชงค์นาค กล่าวตอบจันทมณีอย่างชัดเจน นุ่มนวล แต่สายตากลับครุ่นคิด กังวล ถึงอะไรบางอย่าง..
จันทมณีเทวี จ้องหน้าวิสุทธิภุชงค์นาคนิ่ง พลางแตะที่หลังแขน แล้วจึงพูดว่า..
จันทมณีเทวี
“แล้วท้ายที่สุด..
พระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา ก็จะกระทำอุบายให้ท่านพี่ ต้องร่วมให้สัตย์ปฏิญาณกับพระองค์..ในพิธีของท่านเกี๊ยะจ้อง (พระมหาเถรคันฉ่องในเวลาต่อมา) โดยให้เหล่านาคและราชวงศ์ตองอูร่วมเป็นพันธมิตรที่จะดูแลทุกพระธาตุในราชอาณาจักรตองอู..ตลอดจนราชอาณาจักรทั้งหลายอันเป็นเมืองขึ้นนั้นด้วย..
เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าวิสุทธิภุชงค์นาคเป็นผู้ที่ยึดมั่นในคำสัตย์สาบาน..”
วิสุทธิภุชงค์นาค ถอนหายใจยาว..พลางหันหน้ามามองหญิงอันเป็นที่รัก.. แล้ว เอ่ยถามว่า..
“แล้วพี่ควรจะทำเยี่ยงไร ฤาน้องหญิง..”
จันทมณีเทวี จึงยิ้มให้กำลังใจ และกล่าวตอบว่า
“เมื่อท่อนคำสัตย์สาบาน ถึงขอบขัณฑสีมา และเอ่ยถึงเงื่อนแห่งการผิดคำสาบาน ว่า หากพี่ท่านกระทำทุรยศคำสัตย์สาบานต่อพระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา..
ขอให้ท่านพี่กล่าวเพิ่มว่า..*ครบทุกข้อ รวมถึงผิดต่อความรักมั่นคงของจันทมณีเทวี.. จึ่งขอให้ท่านพี่วิสุทธิภุชงค์นาคผู้เป็นใหญ่เหนืองูพิษทั้งหลาย.. ต้องตายด้วยพิษของงูอาคมชั้นต่ำ..
หรือเว้นแต่จันทมณีเทวีผู้จงรักต่อวิสุทธิภุชงค์นาค และภักดีต่อพระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา จะเป็นผู้ถอนคำสัตย์สาบานนี้ ..”
วิสุทธิภุชงค์นาค พยักหน้า และหัวเราะอย่างพอใจ กับสติปัญญาของจันทมณีเทวี
ก่อนที่จะเชยแก้มขึ้นแล้วจึงดึงเข้ามากอดไว้ พร้อมจ้องตาของนาง แล้วพูดว่า ..
“ ยอมตาย ..ในมือของน้องหญิง ดีกว่าให้พี่ต้องตายด้วยน้ำมือของมนุษย์อย่างแน่นอน..”
“ อย่าพูดเช่นนั้น..นะเพคะ
น้องไม่มีวันที่จะทำร้าย ท่านพี่ให้ถึงชีวิต หรอกนะเพคะ..
จะกระทำก็คงเพียงหยิกให้เป็นเขียวจ้ำๆ ให้ท่านพี่ได้อายเท่านั้นแหละเพคะ.. หากท่านพี่มีใจให้มนุษย์หญิง..” จันทมณียิ้มแหย่ และกล่าวตอบวิสุทธิภุชงค์นาค..
#ณเวียงจันทร์ราชอาณาจักรล้านช้างในปีพุทธศักราช2322เมื่อรัชกาลที่1ทรงยกทัพมาตีเมืองเวียงจันทร์
“ขอน้องหญิงจงรีบพากองทัพเหล่านาคหนีออกไปจาก พระธาตุทองคำแห่งนี้ โดยเร็ว..
พระธาตุนี้กำลังโดนเผา และถูกกำกับลงอาคมปิดล้อมทางเข้าออกของเราในไม่ช้านี้..ทำให้เราไม่สามารถออกไปช่วยร่วมรบกับราชอาณาจักรล้านช้างดังคำสาบานได้อีกแล้ว..”
วิสุทธิภุชงค์นาคกล่าวสั่งนางอันเป็นที่รัก..
“ไม่เพคะ ท่านพี่.. น้องจะขอร่วมรบเคียงข้างท่านพี่ ตราบจนลมหายใจสุดท้าย..” จันทมณีเทวีพูดพร้อมกับกอดด้านหลังของวิสุทธิภุชงค์นาคแน่น
วิสุทธิภุชงค์นาค ค่อยๆแกะอ้อมกอดนั้น และหันหน้ากลับจับมือจันทมณีเทวี พลางพูดว่า
“เราไม่อาจต้านทานทัพนี้ได้..
แม้แต่พระแก้ว และพระบางยังถูกยกย้ายได้ด้วยพระบารมีของผู้นำทัพของราชอาณาจักรสยามนี้..
“ขอเจ้าจงมีชีวิตต่อไปเพื่อพี่ เถิดน้องหญิง..
พี่จะตามหาน้องหญิงให้พบ.. ขอเจ้าจงรอพี่.. และขอเจ้าโปรด..จงอย่าลืมพี่
จันทมณีเทวี..
ข้าวิสุทธิภุชงค์นาค ได้ให้สัตย์สาบานกับจันทมณีเทวีอันเป็นนางที่รัก แล้วว่า..
เราจะได้พบกันอีก
จันทมณี..
..สิ้นลมบ่สิ้นรัก
รอเจ้า,
..สู้ขาดใจสู้เฝ้า
ห่วงหา,
..เสียชีพไป่ลืมเศร้า
โถมทับ..นานมา,
..สิ้นศึกใดห่อนล้า
เทียบเจ้า..ลืมสิ้น “
ขอเพียงน้องอย่าลืมพี่วิสุทธิภุชงค์นาค..
จันทมณี ค่อยๆคลายมือลง จ้องหน้าชายที่รัก น้ำตาที่ไม่ขาดสายได้ถูกเช็ดอย่างช้าๆ แต่เสียงพูดอันสั่นเครือร้องไห้ กลับดังชัดเจน ว่า..
“น้องจะไม่มีวัน..ที่ไม่คิดถึงท่านพี่แม้ชั่วเสี้ยวเวลา..
น้องจะรอ..ท่านพี่เสมอ..
..น้องจะรอแม้จะนานกี่กัปกี่กัลป์.. น้องก็จะรอ ท่านพี่อย่างไม่มีวันลืม นะเพคะ..”
จันทมณีหายใจลึกยาว ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหลับตา..
หันหลัง สั่งให้เหล่านาค .. รีบติดตามนางออกไป ก่อนที่ผนังจะถูกไฟอาคมนั้นทำลายให้พังถล่มลงมา
#ณสยามประเทศในเขตป่า ไม่ไกลจากวัดพระธาตุเสด็จ
จันทมณีเทวี ปรากฏกายในร่างทิพย์ มองคุณหลวงหนุ่มที่นอนแน่นิ่ง พลางลูบแก้มด้วยความอาลัยรัก .. ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา เหมือนคราที่ต้องจากกัน ที่เวียงจันทร์ เมื่อ 104 ปีก่อน..
“น้องไม่มีวันที่จะทำร้าย ท่านพี่ให้ถึงชีวิต หรอกนะเพคะ..จะกระทำก็คงเพียงหยิกให้เป็นเขียวจ้ำๆ ให้ท่านพี่ได้อายเท่านั้นแหละเพคะ.. หากท่านพี่มีใจให้มนุษย์หญิง..”
จันทมณีกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมน้ำตา เมื่อนึกถึงความสุขเมื่อหนหลัง..
“น้องขอถอนคำสัตย์ปฏิญาณสาบาน ทั้งปวง และขอมอบชีวิตคืนกลับให้ชายผู้ที่รักอย่างสุดหัวใจวิสุทธิภุชงค์นาค ..
ขอให้ท่านพี่สุขสวัสดิ์สมบูรณ์ ด้วยพรอันดีทุกประการ ตามที่น้องได้สั่งสมตบะ บารมี มาจนถึงวันนี้..โอม..จงสำเร็จ..”
“..ครืนๆ.. “
เสียงฟ้าร้อง และพื้นดินสะเทือนไหว ขานรับคำถอนสัตย์สาบานของจันทมณีเทวี..ที่พร้อมกับคุณหลวงหนุ่มหายใจเข้าเฮือกใหญ่
ก่อนที่จะอุทานร้องเรียกชื่อ
“จันทมณี..” พร้อมกับลืมตาในทันที..
“เมื่อสิ้น..คำสัตย์..สาบาน
น้องจึงนำ..ลมปราณ.คืนให้
สิ้นกรรม..สิ้นสัญญาทำ
จำไว้..
น้องจึงขอลาไป
ครานี้..จากพี่..นิรันดร์..”
จันทมณีเทวี เอ่ยลาคุณหลวงหนุ่มครั้งสุดท้าย.. ก่อนที่ร่างค่อยๆ จางสลายไป..
#เกร็ดเพิ่มเติม
#ผงปถมัง
อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ผู้ชำนาญทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์คนสำคัญของไทย ได้อรรถาธิบายเรื่องการทำผงไว้ในคัมภีร์พุทธศาสตราคมว่า "...การทำผงนั้นเป็นการหัดทำสมาธิขั้นแรกอย่างเอกอุ กระทำพร้อมกันทั้งองค์ ๓ คือทางกาย ใช้มือขีดเขียนตัวอักขระลงไป พร้อมกับทางวาจา ซึ่งบริกรรมท่องบ่นสูตรและคาถาที่ทำต่าง ๆ ไปพร้อมกับอาการกิริยาที่เขียน ทางใจก็ต้องสำรวมควบคุมเพ่งเล็งตัวอักษรมิให้เขียนผิดพลาด...นับว่าเป็นเครื่องล่อในการหัดทำสมาธิเป็นอย่างดี เพราะมิใช่แต่จะเขียนอย่างเดียว พอเขียนเสร็จบังเกิดขึ้นแล้ว ก็ลบเสียบังเกิดเป็นขึ้นใหม่ต่อไปอีก เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปฉะนี้สลับกันไป จนท้ายที่สุดถึงองค์พระและลบเข้าสู่สูญนิพพาน..." ผงปถมังนี้เมื่อทำตัวนะปถมังสำเร็จแล้ว ต่อมาคือฝึกหัดเพ่งจนเกิดเป็นนิมิตในลักษณะอย่างอุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิต เพราะโดยแก่นแท้แล้วหลักการทำผงของไทยโบราณก็คือการฝึกสมาธิที่ประยุกต์ขึ้นตามแนวทางของสมถกรรมฐาน ซึ่งหากพิจารณาให้ถ่องแท้จึงจะเห็นถึงหลักไตรลักษณ์ ในความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ดังเช่นผงที่กำเนิดขึ้นและลบดับสู่นิพพานไปบนกระดานชนวนนั่นเอง
จบบทที่ 2 ตอนที่ 11
เพียงเท่านี้..
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงเรื่องราว
(T.Mon)
12/7/2020
-

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา