Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
จักรภัทร :)
•
ติดตาม
13 ก.ค. 2020 เวลา 09:50 • ปรัชญา
นิพพานคืออะไร ?
รูปภาพจาก Go to know
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน :)
เคยได้ยินคำว่านิพพานกันไหมครับ ?
หลายคนอาจเคยหลายคนอาจไม่เคยแต่ไหนๆก็จะพูดถึงแล้วผมขอเจาะคำว่า “ นิพพาน “ ให้ทุกท่านเข้าใจความหมายก่อนแล้วกันนะครับ :)
นิพพานหนือนิรฺวาณ (ภาษาสันสกฤต)
หมายความว่าความดับสนิทแห่งกองกิเลสแห่งทุกข์
แต่เมื่อแยกคำออกมาจะได้เป็น นิพ+วานนะ
นิพ แปลว่า ไม่
วานนะ แปลว่า ยึดมั่น ผูกมั่น ยึดติด
ดังนั้นเมื่อรวมคำแปลออกมาจะได้ความหมายจริงๆว่า
“ การไม่ยึดมั่นถือมั่นผูกมัด “
แล้วผูกมัดที่ว่าคืออะไรล่ะ ?
คือการยึดมั่นกับกิเลสตัณหาทั้งหลายครับ
พูดง่ายๆก็คือความอยากได้อยากมีอยากเป็นนั่นเองครับ
แล้วทำยังไงถึงจะไปถึงนิพพาน ?
คำถามนี้แหละครับที่น่าสนใจ :)
งั้นผมจะขอพาทุกๆท่านกลับไปเยี่ยมชม “ คุก “
กันอีกรอบนะครับ :)
หมายเหตุ* หากท่านผู้อ่านเพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก
ผมแนะนำให้กลับไปอ่านบทความเรื่อง
“ นักโทษประหาร “ ก่อนเพื่อความเข้าใจนะครับ :)
งั้นถ้าพร้อมแล้วตามผมมาเลยครับ :)
ผู้คุมพาผมเดินขึ้นไปบนหอคอยที่สูงตระหง่าน
ความสูงของมันมากพอจะมองเห็นคุกอันกว้างใหญ่นี้ได้แทบทั้งหมดแล้วผมก็ได้เห็น “ สาเหตุ “ ที่ไม่มีใครหนีคุกนี้เลย
คุกนี้มีกำแพงล้อมรอบอยู่ถึง 3 ชั้นด้วยกัน !
ผมจึงหันไปพูดกับผู้คุมว่า
“ กำแพงท่านหนาซะขนาดนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครหนีไปจากคุกนี้ “
ผู้คุมหัวเราะเบาๆแล้วตอบ
“ ไม่เสมอไปหรอก
ท่านลองมองไปที่ฐานกำแพงด้านในสุดสิ “
ผมมองลงไปที่กำแพงชั้นแรกมันเป็นกำแพงอิฐหนาและสูงและที่ผมตกใจกว่านั้นคือผมเห็นนักโทษมากมายกำลังใช้ท่อนไม้ ทุบ ตี ต่อย ให้กำแพงเป็นรูเพื่อจะหนี
ผมตกใจมากเลยรีบไปหันไปหาผู้คุมแล้วถามว่า
“ นั่นนักโทษกำลังหลบหนีนะท่าน
ท่านไม่ห้ามปรามหน่อยเหรอ “
ผู้คุมตอบกลับมา
“ ไม่ เราไม่ห้ามปรามนักโทษที่พยายามจะหลบหนี
แต่นักโทษนั้นเมื่อจะหนีก็หนีได้แค่ทีละคน
รูใคร รูมัน ไม่สามารถพาใครเข้ารูตัวเองไปด้วยได้
ทุกครั้งที่มีนักโทษเจาะกำแพงสำเร็จ เราจะปิดกำแพงทันที “
“ แต่ไม่ต้องห่วง “ ผู้คุมพูดต่อ
“ น้อยคนนักจะไม่ล้มเลิกและไปถึงกำแพงชั้นต่อไป “
ผมจึงมองไปที่ฐานของกำแพงชั้นที่ 2
มันเป็นกำแพงหินที่หนากว่าเดิม สูงตระหง่านกว่าเดิม
และตรงนั้นมีนักโทษไม่ถึง 10 คน กำลังใช้ค้อนเหล็ก
ทุบไปที่กำแพง แต่มันก็แทบไม่ช่วยให้เจาะกำแพงได้เลยบางคนถึงกับท้อแท้และนั่งถอดใจอยู่ตรงนั้น
ท่านผู้คุมเห็นท่าทีของผมจึงพูดต่อว่า
“ กำแพงนี้ยังไม่ใช่จุดที่ท้าทายที่สุด “
“ กำแพงสุดท้ายต่างหากที่ตัดสินว่านักโทษคนนั้นจะหลบหนีได้หรือไม่ “
ผมจึงมองไปที่ฐานกำแพงสุดท้าย
ผมเห็นนักโทษเพียงคนเดียว
พยายามเอาขวานสับไปที่กำแพงเหล็กหนาตรงหน้าเขา
ด้วยความตั้งใจอย่างไม่ลดละ
ผมจึงถามต่อว่า
“ แล้วถ้าหากเขาหนีไปได้ล่ะ ท่านจะตามจับเขาไหม “
“ ไม่เลย “ ผู้คุมตอบ
“ ผู้ใดก็ตามที่หนีจากคุกนี้ได้ เราจะยกย่องเขาคนนั้น
และให้เขาเข้าหรือออกที่นี่ได้ตามใจชอบ “
“ แล้วมีใครเคยออกไปได้บ้างหรือเปล่า “ ผมถาม
“ มี “ ผู้คุมตอบ
“ เมื่อ 2500 กว่าปีที่แล้วเคยมีนักโทษคนนึงแหกออกไปได้ และเขาพานักโทษจำนวนมากออกไปด้วย
ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกของคุกนี้ทีเดียว “
หลังจากนั้นท่านผู้คุมจึงบอกว่า
“ ตามผมมา ผมมีคนๆหนึ่งจะให้ท่านดู “
ผมเดินตามลงไปด้านล่างหอคอย
ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่มีชายชราคนหนึ่งกำลังสอนวิธีแหกคุกให้กับนักโทษกลุ่มหนึ่งที่มานั่งฟังเขา
เขาพูดเตือนใจนักโทษทุกคนว่า
“ ท่านทุกคนเป็นนักโทษประหาร
สักวันหนึ่งเพชรฆาตจะมาเอาชีวิตท่านไป
รีบแหกคุกเสียตอนนี้ไว้ก่อนเถิด “
พร้อมกับอธิบายโทษของคุกนี้มากมาย
แต่น่าแปลกใจมีนักโทษน้อยคนนักที่ฟังเขาอย่างตั้งใจ
หลายคนกลับคุยกันบ้าง หลับบ้าง คัดค้านเขาก็มี
แต่ชายคนนั้นกลับใจเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ
เขาล้วงไปในกระเป๋าข้างกายเขาแล้วหยิบขวานอันหนึ่งขึ้นมา แล้วชูไปรอบๆพร้อมพูดว่า
“ ท่านทั้งหลาย นี่คือขวานหิน สำหรับเจาะกำแพงอิฐ
หากท่านอยากได้รับอิสรภาพ จงรับขวานนี้ไป “
แต่ช่างน่าแปลกใจ
ไม่มีใครสนใจในขวานของเขาเลย
เขาชูต่อไปจนมีชายคนหนึ่งเดินมารับขวานของเขาไปถือดู
ชายคนนั้นถือสักพักและโยนกลับไปให้เจ้าของ
พร้อมพูดว่า
“ มันหนักเกินไปข้าถือไม่ไหวหรอกท่านจงเก็บกลับไปเถอะ “
แต่เขาก็ยังใจเย็นพร้อมกับเก็บขวานกลับไป
และหยิบขวานอันใหม่ขึ้นมา
และพูดต่อว่า
“ ท่านทั้งหลาย นี่คือ ขวานเหล็ก เอาไว้เจาะกำแพงหินหากท่านใดต้องการข้าจะวางขวานไว้ตรงนี้จงมาหยิบไปเถิด “
หลังจากนั้นเขาก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าอีกรอบพร้อมกับหยิบขวานอีกอันขึ้นมา
“ นี่คือขวานเพชร “ เขาพูดต่อ “ ที่มันแข็งแรงพอจะทำลายเหล็กได้ “ พูดจบแล้วเขาก็หยิบแท่งเหล็กอันนึงขึ้นมา
เขาใช้ขวานฟันไปที่แท่งเหล็กนั้นทำให้แท่งเหล็กนั้นขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย
“ นี่คือขวานใช้สำหรับเจาะกำแพงเหล็ก “
“ หากท่านใดต้องการโปรดมารับขวานนี้ไปด้วยเถิด “
แต่ก็ไม่มีนักโทษคนใดสนใจ
แต่เขาก็ยังใจเย็น เก็บขวานของเขา
พร้อมกับลุกขึ้นและเดินทางไปยังนักโทษกลุ่มต่อไป...
งงกันอีกแล้วใช่มั้ยครับ ?
ไม่เป็นไรครับผมจะอธิบายให้ทุกท่านเข้าใจเอง
เรื่องนี้อาจจะลึกหน่อยแต่ถ้านึกภาพตามนิทานที่ผมเล่าไปอาจจะเข้าใจได้มากขึ้นครับ :)
กำแพงอิฐชั้นแรกคือ กรรมดี กรรมชั่ว อันเป็นเหตุให้
ต้องวนอยู่ใน 3 ภพ คือ สววรค์ โลกมนุษย์และ นรก
ต้องใช้ “ ขวานหิน “ ซึ่งก็คือ ศีล ที่จะช่วยควบคุมให้เราทำแต่กรรมดีเพื่อไม่ต้องวนเวียนใน3ภพนี้
กำแพงหินคือ กิเลสหยาบ ซึ่งก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง
อันเป็นเหตุให้สัตว์ต้องทำกรรมไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม
จึงต้องใช้ “ ขวานเหล็ก “ ซึ่งคือสมาธิ เพื่อที่จะทำให้เรามีสติรู้ตัว ทำให้ระงับตัวเองได้ทัน
กำแพงสุดท้ายคือกำแพงเหล็ก คือ กิเลสละเอียด
หรือ อวิชชา คือความไม่รู้ความเป็นจริงของสิ่งต่างๆที่เราเผชิญหน้ากับมัน ไม่รู้กาย ไม่รู้จิต คืออวิชชา
จึงต้องใช้ “ ขวานเพชร “ ซึ่งคือ ปัญญา มาทำลายกิเลสละเอียดเหล่านี้ ทำให้เรารู้แจ้งเห็นจริง ไม่หลงไปในความคิด
แล้วคนที่นำขวานเหล่านั้นมาคือใคร ?
พระอริยเจ้าทั้งหลายนี่แหละครับ
ผู้ที่หลุดพ้นจากกำแพงทั้ง3มาแล้ว
แล้วจำได้ไหมครับว่าที่มีนักโทษคนนึงเมื่อ 2500 ปีก่อนพานักโทษออกไปจำนวนมาก
เดาออกไหมครับว่าใคร ?
พระพุทธเจ้าของเรานี่แหละครับ :)
จุดประสงค์ที่เล่าเรื่องราวของนิพพานให้ทุกคนได้ฟังคืออยากให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างมีสติมากกว่าเดิมครับ
2
หากเราต้องการนิพพานเราจะต้องละทิ้งทางโลกทั้งปวงจึงจะได้พบกับมันจริงๆ
แต่หากยังละทิ้งไม่ได้ก็ให้ฝึกใช้ ขวานหิน กับ ขวานเหล็กให้คล่องจะดีที่สุดครับ
แค่ประพฤติตัวในศีล 5 ได้ก็ประเสริฐแล้วครับ
ผมเองยังทำได้ไม่ตลอดเลยยากใช้ได้เลยครับ555
แต่ที่ดีกว่าคือสมาธิครับ :)
สมาธิช่วยให้เรามีสติรู้เท่าทันตัวเอง
วันๆหนึ่งเรามีอารมณ์มากมายมาปะทะกับเราทั้งดีและไม่ดีหากเรามีสติรู้เท่าทัน เมื่อมีอารมณ์ไม่ดีมาเราก็จะรู้ตัวและระงับมันได้ไวครับ
นั่นแหละคือสาเหตุที่ชายชราผู้มาชี้ทางนักโทษใจเย็นได้แม้มีคนไม่สนใจและแย้งเขามากมาย :)
หวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อคิดดีๆและความรู้จากบทความนี้นะครับ ผมจะขอรวบรวมบทความเกี่ยวกับหลักธรรมเหล่านี้
ไว้ในซีรีส์ “ ธรรมมะไม่ยาก “ ครับ
ซีรีส์นี้ผมจะอธิบายหลักธรรมจากพระพุทธเจ้า
โดยใช้ภาษาทั้วไปและเรื่องราวที่ทำให้ทุกคนนึกภาพตามได้ครับ :)
เช่นเคยผมต้องจากไปพร้อมคำคมสั้นๆไว้เตือนใจทุกท่านครับ แต่ซีรีส์นี้ผมจะขอนำคติธรรมสั้นๆจากพระพุทธองค์มาแทนนะครับ
สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
บางครั้งมีสุข
บางครั้งทุกข์บ้าง
แต่ทุกอย่างไม่จีรัง
-สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ :)
จักรภัทร :)
ขอขอบคุณเรื่อง นักโทษประหาร ประพันธ์โดย
อ.แสง จันทรงาม ที่ผมได้นำมาเล่าในบทความนี้ครับ
ครั้งที่แล้วหาต้นทางไม่เจอต้องขออภัยด้วยครับ
3 บันทึก
16
15
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ธรรมมะไม่ยาก
3
16
15
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย