18 ก.ค. 2020 เวลา 14:20 • การตลาด
5Ps Marketing ในปี 2020 ที่จะมาแทน 4Ps แบบเดิม ยังไงนะ?
วันนี้เราได้ไปอ่านบทความหนึ่งใน medium ซึ่งก็เปิดมุมมิงในการค้นหาตัวอย่างต่อ
ว่า เอ....ทำไมเจ้าการตลาด 5P อันใหม่นี้ถึงมาแทน 4P Marketing ได้นะ ?
งั้นมาดูกันว่าในปี 2020 นี้ 5Ps Marketing คืออะไร ?
เดี๋ยวเราจะมาย่อยให้เพื่อนๆฟังเองง
ปกติแล้วพวกเราก็จะเรียนวิชา marketing ที่จะต้องเริ่มด้วย 4P คือ Product Price Place และ Promotion เนอะ ซึ่งก็คงใช้ได้ในทุกๆสถานการณ์ หรือมีในเรื่องขง 5Cs หรือแม้กระทั่ง 8Ps ที่เพิ่มเข้ามาเน้อะ
อ้ะ งั้นเรามาดูกันว่า 5Ps Marketing ที่สามารถปรับใช้ในปี 2020 - 2021 ได้มีอะไรบ้าง ?
1. Purpose
- เอาง่ายคือการทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ว่า เพื่อนๆหรือบริษัทสามารถแสดงเจตจำนง ตามความต้องการหรือสอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของลุกค้า
ตัวอย่างให้เพื่อนๆเห็นภาพ
- AWC hotel group ของ เบียร์ช้างมีจัดโปรโมชั่นลด 50% ของราคาห้องพักโรงแรมในเครือ ในช่วงที่รัฐบาลออกแคมเปญ "เราเที่ยวด้วยกัน" โดย โรงแรมที่ลดราคาเกือบ 50% ล้วนแต่เป็นโรงแรมชั้นนำ5 ดาวทั้งนั้งเลย
- Online booking หรือ โรงแรม มีการรณรงค์ช่วยลูกค้าให้มีการ Free cancel สำหรับการจองที่มาในช่วงของ Covid ได้ ก็คือไม่เก็บค่าธรรมเนียมยกเลิกการจอง
- บริษัท Alo Move ที่เป็นบริษัทที่ทำคลาสออกกำลังกาย ได้ออกมาผลิตคลาสออนไลน์ต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้คนได้ออกกำลังกายแลมีสุขภาพดีมากขึ้น (ขณะอยู่บ้าน)
2. Pride
- คือความภาคภูมิใจของลูกค้าที่ได้ใช้แบรนด์ของเรา หรือสินค้าของเรา
- อาจจะเป็นในเรื่องของภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่บริษัทเรา inspire สิ่งต่างๆให้กับสังคม ก็จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจในแบรนด์ได้
ตัวอย่างให้เพื่อนๆเห็นภาพ
- เช่นการที่บริษัทมีการโปรโมทหรือเข้าร่วมแคมเปญแนว Pride LGBTQ+ หรือแนวรณรงค์พวก Inclusive & diversion อย่างอันนี้แน่นอนฃะ ได้ใจกลุ่มตลาดมาอีกกลุ่มเบย
- หรือจะเป็นการที่ Online Fitness class เนี่ย มีการเอาดาราที่เก่งออกกำลังกายมานำสอนในคลาสแบบนี้ก็ไม่เลวนะ แล้วยังทำให้เมมเบอร์รู้สึกภูมิใจที่ชั้นเลือกใช้บริการฟิตเนสนี้ (แต่เอาจริงๆก็ใช้ cost เยอะนะ เข้าใจ)
3. Partnership (หรือ Customer engagement)
- การทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราไม่ใช่ผู้ขาย และเค้าไม่ใช่แค่เพียงลูกค้า แต่เรามีความสัมพันธ์อันดีแบบ partnership
- คือในตอนนี้สิ่งที่เหนือกว่าการซื้อ-ขาย ของ ก็คือความสัมพันธ์นี้ละ ยิ่งในช่วงนี้เงินยิ่งหายากอยู่ด้วยเน้อะ
ตัวอย่างให้เพื่อนๆเห็นภาพ
- การสร้าง Partnership และความสัมพันธ์ที่ดีคือการเอาใจใส่เค้า และการอัพเดท content กับลูกค้าอยู่บ่อยๆ
- เช่น Apple มีการอัพเดท iOS firmware อย่างต่อเนื่อง โดยในการอัพเดทแต่ละครั้ง เป็นสิ่งที่ได้รับ feedback จากทั้ง ผู้ทดลองใช้ developer หรือแม้กระทั่งผู้ใช้งานทั่วไปที่มี complain มา เช่นระบบ crash แอพเด้ง
- หรืออย่างบริษัทรถยนต์อย่าง BMW ที่พยายามเอาใจลูกค้าโดยการพัฒนาแอพที่ใช้งานร่วมกับ iOS ที่ใช้เป็นเสมือนกุญแจรถผ่านมือถือ และยังมีการที่ให้ลูกค้าอัพเดท firmware ใน ตัว idrive เพื่อปรับปรุงระบบ entertainment ของรถยนต์
1
ยังไม่มีในไทยนะจ้ะ ยังเป็นตัวทดลองอยู่ โดยจะมีผูกไว้กับ Wallet เพราะส่วนนี้เป็นส่วนที่ privacy มากๆของมือถือเราเน้อะ
4. Protection
- ความรู้สึกว่าปลอดภัยในการใช้งาน หรือ สินค้าเราสามารถรับประกันการใช้งานให้ลูกค้าได้
ตัวอย่างให้เพื่อนๆเห็นภาพ
- Virgin Fitness ได้มีการ freeze ค่าบริการฟิจเนสให้ในช่วง Lock down ที่ผ่านมา โดยมีข้อความส่งไปแจ้งลูกค้าอยู่ตลอด รวมถึงตอนเปิดแรกในช่วงเดือนมิถุนาที่มีการลดการตัดรอบบิล 2 รอบบิล เพื่อเป็นการให้ลูกค้าสบายใจแล้วจึงมาออกกำลังกาย
- หรือบริษัทประกันสุขภาพที่มีการ cover ในส่วนของทุนเอาประกันภัยที่ขยายครอบครุมในส่วนของการตรวจ Covid และ การรักษาหากเป็น (เพราะถ้าตามสัญญา บริษัทประกันเองมีสิทธิปฏิเสธพวกค่าใช้จ่ายการตรวจโควิดได้)
5. Personalization
- จะคล้ายๆกับข้อ 3 แต่ในส่วนของ Personalization พูดอีกมุมก็คือการ tailor-made production แต่ในที้นี้ก็คือจะเป็นส่วนของ new product
- สินค้าชนิดใหม่ๆต้องมีการแมทช์กับ personal lifestyle ของลุกค้าแต่ละกลุ่มให้ได้
ตัวอย่างให้เพื่อนๆเห็นภาพ
- Online Yoga class ที่มีการอัพเดทคุณภาพของวีดีโอ ก็เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเสมือนอยู่ในคลาสจริงๆมากขึ้น
- Netflix ที่มีการจับตลาและเทรนด์ของการดูซีรี่ย์ได้อย่างดี อย่างโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ content korean drama ที่มีเพิ่มมาเยอะมากก และเป็น content ของ netflix เองก็เยอะด้วย จนตอนนี้นึกว่าดูแอพ Viu อยู่เลยละ
จบแล้วจ้าาา ก็จริงๆทั้งหมด 5P นี้ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอะไรเลยเนอะ แต่เหมือนเป็นการเน้นย้ำในเทรนด์การตลาดที่สำคัญที่เราควรจะต้องมอง (ออกมาในรูปของตัว P 5555) หวังว่าคงเป็นอาหารสมองสั้นๆให้กับเพื่อนๆนะ :)
โฆษณา