26 ก.ค. 2020 เวลา 17:24 • การตลาด
Salience Experience คืออะไรนะ ?
แล้วเราพบเห็นจากอะไรได้บ้าง ?
ไหนเราขอลองไม่เกริ่นแล้วเค้าเรื่องดูเลยบ้าง 5555 เพื่อจะทำให้บทความสั้นลงมาอีกนิดได้ (กลัวหลายๆอันเกริ่นซะยาว^^")
"ไม่มีใครสนใจหรอกว่าคุณลงทุนในเรื่องของการโฆษณาไปเท่าไร ใช้ดาราคนไหน พวกเค้าจดจำแค่เพียงว่า คุณสร้างความประทับใจ (Impression) ให้พวกเค้าได้ยังไง" Bill Bernbach
Salience แปลว่า ทุกอย่างที่มีความดึงดูดหรือน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น คน สิ่งของหรือพฤติกรรม การกระทำ
Experience ประสบการณ์ ตรงๆเนอะ
Salience Experience ก็คือออ
- การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ หรือดึงดูดความสนใจ
- ผลก็คือต้องการเรียกคะแนน ความประทับใจของลูกค้าให้กับแบรนด์ของเพื่อนๆ
ไปอ่านเกี่ยวกับ Salience Experience ของการใช้โถปัสสาวะผู้ชายนสนามบิน Schiphol Airport มา จากบทความใน Medium (เค้ายกตัวอย่างสั้นๆได้ดีมาก 555)
- ก็คือเค้ามีการแปะสติกเกอร์แมลงวัน เป็นเป้าหมายในการเล็งของเพื่อนๆผู้ชายเน้อะ ก็คงเป็นการแก้เบื่อในการปัสสาวะ
- และจุดที่เค้ากำหนดมาพบว่าลดการกระเซ็นของปัสสาวะได้ 80% (โหวว ใครไปวัดอ้ะ อันนี้ก็อยากรู้นะ 555) และการที่มันลดได้ 80% เนี่ย ทางสนามบินลดค่าทำความสะอาดเพิ่มเติมไปได้เกือบ 8%
- อยากรู้เพิ่มเติมเราคงต้องให้เพื่อนๆไปถามเพื่อนๆผู้ชายข้างตัวซะแล้วมั้ง >.<
น้องจุดเดียว (หวังว่าคงไม่มีใครไปนั่งวัดความแม่นกันนะ T^T)
แล้วอะไรละ ที่ทำให้สิ่งๆนั้นเกิดความ Salience
1. Luminance ความสว่างงกระแทกตา (โอ้ยย)
- ยิ่งสิ่งนั้นสามารถให้ความสว่าง สดใสได้เนี่ย จะได้รับความสนใจจากผู้คนได้อย่างง่าย (แต่ต้องใช้แสบตาน้ะ)
2. Texture
- ข้อนี้ขอให้ภาพน้องไก่ทอด KFC Cheese เป็นตัวช่วยเพื่อนๆนะ
- เพื่อนๆรู้สึกอย่างไรกับภาพข้างล่างบ้าง ? แน่นอนเราขอตอบว่า กรอบบ เยิ้มม ดูมันส์
นี้ละคือ Texture ที่โดดเด่น
KFC Thailand
3. Contrast
- ใช่ว่าสีที่ขัดหรือตัดกันจะทำให้เรารำคาญตาไปซะหมด
- แต่กลับเป็นการเรียกความสนใจชั้นยอดดดดด (เช่น เหลือง/ดำ, ดำ/แดง)
โอเคจ้ะ ห้ามจอดจ้ะ
4. Scale หรือระดับ
- ก็คือ ใกล้ไกล กว้างลึก ของภาพนั้นๆ ทำให้ภาพหรือแบรนด์นั้นๆเด่นชัดเจนจนเป็นจุดสังเกตได้
ก็คือ iPhone ชัด ภาพข้างหลังเบลอ พอเห็นแบบนี้ก็รู้เลยว่า ต้องมีการโปรโมทเครื่องใหม่
อ่านจากข้างบนแล้ว ทำไมดูง่ายจัง
แบรนด์ต่างๆนำวิธีสร้างความน่าสนใจง่ายๆนี้ มาใช้ยังไงบ้างงง ?
Salience Experience in action !
1. Apple
- ใช้ concept ของความ Simplicity เป็นความ Salience
- เน้นการใช้สีในการโปรโมทรุ่นโทรศัพท์อย่างง่าย ก็คือ Contrast B/W
- จากภาพข้างล่างเพื่อนๆจะเห็นเลยว่า Scale ที่เน้นความดึงดูดเช่น ตัวชื่อรุ่นที่ใหญ่และหนา จุดเด่นตัวใหญ่ไม่หนา และรวมถึงภาพที่แสดงจุดเด่นแบบที่เขียน ไม่เยอะมาก
- แม้กระทั่งภาพในมือถือยังโชว์เป็น ดำ-ขาวเลยจ้าาา
- แต่ Apple สามารถทำอย่างนี้ได้ เพราะทุกๆคนรู้จักแบรนด์นี้รวมถึงจุดยืน จุดเด่นของแบรนด์ดีอยู่แล้ว เพราะงั้นการเน้นความ Simple, Minimal ของเค้าก็จะง่ายขึ้น
2. Google กับแผนการซื้อ G-suite
- ที่เด่นๆเลยคือ Contrast มีการใช้สีไม่กี่สี
- Scale ในรูปแบบ Centre effect
- Luminance แน่นอนพี่กูเกิ้ลเลือกใช้สีฟ้าอ่อน ที่แสดงถึงความคุ้มค่าใน option ที่ 2
3. Netflix
- คือเราใช้เป็นตัวอย่างแทบจะทุกบทความเลยละ
- เค้ามีการใช้ Contrast ที่เน้นฉากหลังเป็นสีดำ เพราะไม่ว่าสีอะไรก็จะตัดกับสีดำได้หมด
- ส่วนตัวเรามองว่า Texture ก็เป็นสื่งที่ทำให้เกิดจุดสนใจ เช่น "Trending Now" หรือ "Top show for US"
4. Shopee
- ที่เคยเขียนไปแล้วในเรื่องราวเกี่ยวกับ สีและจิตวิทยาเน้อะ เวลาที่เราเห็นสีส้มเนี่ย เราจะนึกถึงแบบ พวกลดราคา ความราคาถูก ความอยากรู้อยากเห็น
- งั้น Shopee Interface ก็เน้นง่ายๆเลย เอาเป็นสีส้มไปซะ 70% เลยยย และโทนสีที่อกโปรโมชั่นต่างๆก็จะเป็นการเล่น Luminance
5. Pillow Menu, SO Sofitel Huahin
- ตัวเลือกที่เยอะในเรื่องของหมอนของโรงแรม SO Sofitel Huahin ก็เป็น 1 สิ่งที่ดึงดูดได้ไม่เบาเลยละ
- และพอเห็น Texture หมอนที่ใหญ่และตึงเนี่ย ก็ยิ่งเน้นจุดเด่นนี้และทำให้อยากนอนน (แต่ราคาห้องก็ว่ากันอีกเรื่องนะ 555)
ภาพจาก Foodie Journie
ภาพจาก Friendmily
จาก SO Sofitel Huahin
จบแว้วจ้าเพื่อนๆ :)
หวังว่าคงเป็นของว่างสะกิดสมองของเพื่อนๆอ่านสนุกๆกันเน้อะ ^_^"
โฆษณา