28 ก.ค. 2020 เวลา 11:09 • ประวัติศาสตร์
“มาร์โค โปโล (Marco Polo) นักเดินทางในตำนาน” ตอนที่ 2
ภารกิจที่ล้มเหลวของสองพี่น้องโปโล
เมื่อนิคโคโลและมาฟฟีโอเดินทางกลับมาถึงอิตาลีในปีค.ศ.1269 (พ.ศ.1812) พระสันตะปาปาก็ได้สิ้นพระชนม์แล้ว
ทั้งสองพี่น้องตัดสินใจรอให้มีการเลือกพระสันตะปาปาองค์ต่อไป แต่เมื่อผ่านไปกว่าสองปี ในปีค.ศ.1271 (พ.ศ.1814) สองพี่น้องก็ตัดสินใจไม่รอและเดินทางกลับไปจีน
ในเวลานี้ มาร์โคมีอายุได้ 17 ปีแล้ว และเขาก็ต้องการจะไปจีนด้วยเช่นกัน ซึ่งพ่อและลุงของเขาก็ทราบดีว่าการเดินทางนี้ต้องเต็มไปด้วยอันตราย แต่ก็ยอมให้มาร์โคตามมาด้วย
ครอบครัวโปโลเดินทางเข้าไปในทะเลเอเดรียติก จากนั้นก็ล่องใต้เข้าไปในทะเลเมดิเตอเรเนียน
ในเวลานั้น ชาวเรือส่วนมากเชื่อว่าในท้องทะเลมีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และบางทีนิคโคโลก็อาจจะคิดว่าความน่ากลัวนี้จะทำให้ลูกชายเปลี่ยนใจและกลับบ้าน แต่มาร์โคไม่เกรงกลัวเลย
1
ครอบครัวโปโลได้แวะที่เยรูซาเลม
สำหรับชาวยิว ชาวคริสต์ และมุสลิม เยรูซาเลมคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ๆ พระเยซูประทับและสิ้นพระชนม์ และมีการจัดพิธีสำคัญทางศาสนาที่นี่หลายครั้ง
เมืองเยรูซาเลมถูกเปลี่ยนมือหลายครั้ง โดยในปีค.ศ.1099 (พ.ศ.1642) กองทัพอัศวินคริสเตียนได้บุกยึดเมืองนี้ในคราวสงครามครูเสด (Crusades) (หาอ่านได้ในซีรีส์สงครามครูเสดที่ผมเคยเขียนไว้ได้ครับ)
กองทัพอัศวินครูเสดยึดเยรูซาเลม ค.ศ.1099
ต่อมาในปีค.ศ.1187 (พ.ศ.1730) มุสลิมก็ได้เข้าควบคุมเยรูซาเลม โดยในเวลาที่ครอบครัวโปโลแวะที่เยรูซาเลมเพื่อเก็บน้ำมันศักดิ์สิทธิ์จากโบสถ์ เยรูซาเลมก็ยังคงอยู่ใต้การปกครองของมุสลิม
ภายหลังจากแวะที่เยรูซาเลม ครอบครัวโปโลก็ได้ออกเดินทางไปจีนต่อ
แต่เมื่อเดินทางออกมาได้ไม่นาน พวกเขาก็ได้ข่าวว่ามีการเลือกพระสันตะปาปาแล้ว และโชคดีที่พระองค์อยู่ไม่ไกล อยู่ในเมืองอาเกร
1
ครอบครัวโปโลจึงไปเมืองอาเกรเพื่อทูลพระสันตะปาปาถึงคำขอของกุบไลข่าน
พระสันตะปาปาทรงรับฟังคำขอของกุบไลข่าน แต่พระองค์ก็เพียงแต่ประทานแก้วที่มีราคาแพงไปให้กุบไลข่าน และส่งนักบวชไปกับครอบครัวโปโลเพียงสองรูปเท่านั้น
พระสันตะปาปาทรงเขียนจดหมายถึงกุบไลข่าน โดยเนื้อความมีอยู่ว่า นักบวชเพียงสองรูปก็เพียงพอที่จะสั่งสอนคนของกุบไลข่านให้เข้าใจในศาสนาคริสต์ได้ และต่อไป ชาวมองโกลและชาวจีนก็สามารถนำความรู้เรื่องศาสนาคริสต์ไปเผยแพร่ต่อไปได้
ครอบครัวโปโลต่างก็กังวล
กุบไลข่านขอบาทหลวงถึง 100 รูป แต่กลับได้นักบวชเพียงสองรูปเท่านั้น เมื่อเป็นอย่างนี้ กุบไลข่านจะโกรธหรือไม่?
1
พวกเขาทำได้เพียงหวังว่าท่านข่านจะไม่กริ้ว
1
ครอบครัวโปโลจำเป็นต้องเป็นมิตรกับกุบไลข่าน เพื่อที่จะเป็นหลักประกันความปลอดภัยว่าจะไม่มีใครในอาณาจักรของกุบไลข่านกล้าคิดร้ายต่อพวกเขา ทำให้พวกเขาสามารถนำสินค้าต่างๆ จากจีน กลับมาขายในยุโรปได้
ครอบครัวโปโลไม่เพียงต้องการจะนำผ้าไหมจากจีนกลับไปยุโรปเท่านั้น แต่ยังต้องการนำเครื่องลายครามจากจีนกลับไปยุโรปอีกด้วย
ครอบครัวโปโลคาดหวังว่าจะเจอกับเพชรพลอย อัญมณีล้ำค่าในดินแดนของกุบไลข่าน พวกเขาจะซื้อพรมสีสวยในตุรกี และซื้อเครื่องเทศจากอินเดียและบริเวณที่เป็นอินโดนีเซียในปัจจุบัน
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน พวกเขาจะสามารถนำสินค้าต่างๆ จากจีนมาขายที่บ้านเกิดและมีฐานะร่ำรวย
พฤศจิกายน ค.ศ.1271 (พ.ศ.1814) ครอบครัวโปโลและนักบวชอีกสองรูปได้เดินทางไปจีน
พวกเขาแล่นเรือไปทางเหนือ เข้าไปในทะเลเมดิเตอเรเนียน และได้แวะพักที่อาร์เมเนีย แต่พวกเขาก็ต้องเจอปัญหาหนัก
พวกเขาถูกชาวอียิปต์บุกโจมตี
1
นักบวชที่ตามมาด้วยสองรูปนั้นหวาดกลัวอย่างมาก แค่เริ่มออกเดินทาง ก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว นักบวชทั้งสองจึงตัดสินใจกลับไปยุโรป
แต่ถึงบาทหลวงทั้งสองจะไม่ไปด้วยแล้ว แต่ครอบครัวโปโลก็ยังต้องเดินทางไปจีน โดยในเวลานี้ พวกเขามีเพียงน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ไปให้กุบไลข่านเท่านั้น ส่วนบาทหลวงที่กุบไลข่านต้องการจำนวน 100 รูป ตอนแรกได้มาสองรูป แต่ในเวลานี้ไม่เหลือเลย
1
พวกเขากำลังเดินทางไปจีน ไปเฝ้ากุบไลข่านพร้อมคำถามสำคัญที่ชี้เป็นชี้ตายพวกเขา
กุบไลข่านจะกริ้วหรือไม่? พวกเขาจะโดนลงโทษหรือเปล่า?
มาหาคำตอบในตอนต่อไปนะครับ
1
โฆษณา