31 ก.ค. 2020 เวลา 03:44 • ประวัติศาสตร์
ยุคขันทีกินเมือง
นิมิตและลางจากสวรรค์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ก่อให้เกิดความประหวั่นพรั่นพรึงในหมู่อาณาประชาราษฎร พระเจ้าเลนเต้เองก็ทรงสังเกตเห็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ จึงทรงตรัสถามขึ้นในที่ประชุมเหล่าขุนนางว่า นิมิตวิปริตดั่งนี้จะดีร้ายประการใด
ปรากฏว่าไม่มีใครยอมตอบว่า นิมิตวิปริต นั้น ว่าจะดีร้ายและหมายความว่าประการใด เหล่าขุนนางต่างนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก และอาการนิ่งเงียบเป็นเป่าสากของเหล่าขุนนางนี้ควรจะต้องถือว่าเป็น นิมิตวิปริต ที่เกิดขึ้นในราชสำนัก เช่นเดียวกับ นิมิตวิปริต ที่เกิดขึ้นแต่ธรรมชาติ
เพราะเหล่าขุนนางทั้งปวงนั้นย่อมมีวิสัยที่ชอบเพ็ดทูล และมักจะแข่งแย่งกันเพ็ดทูลเพื่อหาความดีความชอบ และเพื่อแสดงภูมิรู้แห่งตนให้เป็นที่ประจักษ์
หลังพระเจ้าเลนเต้เสด็จขึ้นแล้ว ก็มีขุนนางชื่อ ยีหลง ทำหนังสือลับกราบทูลพระเจ้าเลนเต้ว่า เหตุทั้งปวงนี้เพราะขันทีประพฤติล่วงพระราชอาญา จึงเกิด นิมิตให้พระองค์ปรากฎ
การที่ยีหลงต้องทำเป็นหนังสือลับ ประกอบกับอาการเงียบเป็นเป่าสากของเหล่าขุนนางนั้น เป็นอาการที่บ่งบอกว่าคนรอบข้างของพระเจ้าเลนเต้ ซึ่งก็คือขันทีประพฤติล่วงพระราชอาญา คิดกันกระทำการหยาบช้าต่างๆ และควบคุมราชสำนักไว้ได้โดยสิ้นเชิง และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปในเหล่าขุนนาง
อันขันทีนั้น คือคนใช้ของพระเจ้าแผ่นดิน หากยามใดที่พระเจ้าแผ่นดินเข้มแข็ง ขันทีก็มีฐานะเป็นคนรับใช้ แต่ยามใดที่พระเจ้าแผ่นดินอ่อนแอเหลวไหล ขันทีก็จะมีฐานะเป็นคนใช้พระเจ้าแผ่นดิน คือใช้ให้พระเจ้าแผ่นดินทำอะไรได้ตามใจชอบ
ขันทีนั้นไม่ใช่กะเทยเหมือนกับที่เห็นในภาพยนตร์ แต่เป็นชายซึ่งถูกตัดองคชาติไม่ให้สืบเผ่าพันธุ์ และสิ้นความรู้สึกทางเพศอย่างสิ้นเชิง
เหตุทั้งนี้เนื่องจากขันทีสามารถเข้านอกออกในได้ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน โดยที่ฝ่ายในนั้นเต็มไปด้วยพระสนม นางกำนัล เหตุนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ขันทียุ่งเกี่ยวในทางเพศกับพระสนม นางกำนัล จึงมีกฎให้ต้องตัดองคชาติของขันทีเสียก่อนจึงจะรับเข้าบรรจุในตำแหน่งขันทีได้
เหตุที่มีผู้ยอมถูกตัดองคชาติเพื่อรับราชการเป็นขันทีก็เพราะขันทีนั้นอยู่ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นศูนย์แห่งอำนาจรัฐ เป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจวาสนา ทรัพย์สมบัติและหน้าตา ดังนั้นจึงมีพ่อแม่ของคนจำนวนมากเอาลูกชายไปขายเป็นขันทีเพื่อหวังลาภยศในเบื้องหน้า ชายจำนวนมากก็ยอมตัวถูกตัดองคชาติเป็นขันที เพื่อหวังอำนาจวาสนาอย่างหนึ่ง และหวังรายได้ไปส่งเสียให้กับครอบครัวอีกอย่างหนึ่ง
แต่คนเรานั้นมีปกติติดยึดอยู่ในเรื่องกิน กาม เกียรติ ดังนั้นเมื่อตัดความต้องการหรือความสามารถในเรื่องกามออกไปเสียแล้ว ความติดยึดในเรื่องกินและเกียรติ ซึ่งก็คือเรื่องของอำนาจและวาสนาก็ยิ่งมีมากขึ้นผิดคนธรรมดา
ด้วยเหตุนี้ขันทีทั้งปวงจึงเป็นคนที่มีความต้องการในเรื่องอำนาจวาสนามากเป็นพิเศษผิดวิสัยมนุษย์ทั่วไป จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นคนวิปริตจำพวกหนึ่งที่พร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจวาสนา
มองในแง่นี้ก็จะเห็นได้ชัดว่า การที่พระเจ้าแผ่นดินหรือฮ่องเต้มีชีวิตอยู่ท่ามกลางฝูงคนวิปริตเหล่านี้ จะมีความเป็นปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไปย่อมไม่ได้ ย่อมมีสิ่งวิปริตผิดปกติอาบเอิบพระองค์อยู่เป็นเนืองนิจ
เพื่อแสวงหาความดีในหน้าที่ และความชอบในทางส่วนตัว ขันทีจึงพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อฮ่องเต้ และยอมให้ฮ่องเต้ทำทุกอย่างเพื่อความพึงพอใจสูงสุด
ดังนั้นข่าวคราววิปริตในทางเพศ จึงคราคร่ำอยู่ในราชสำนักของจีนตลอดระยะเวลาอันยาวนานของประวัติศาสตร์
เพราะฮ่องเต้มีเมียมาก ก็ย่อมมีลูกมากตามไปด้วย ลูกของฮ่องเต้จะถูกเลี้ยงดูโดยขันที หรือพระสนมนางกำนัล ลูกคนใดถูกเลี้ยงดูโดยขันที ก็จะถูกกล่อมเกลาอุปนิสัยใจคอให้วิปริตแปรปรวนไปด้วย ลูกคนใดถูกเลี้ยงดูโดยพระสนมนางกำนัล ก็จะถูกกล่อมเกลาอุปนิสัยใจคอให้เอนเอียงไปในทางของอิสตรีมากกว่าปกติ
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นไปในทางใด ลูกของฮ่องเต้ซึ่งคนหนึ่งย่อมเป็นรัชทายาทก็ต้องมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปในทางวิปริตผิดปกติ จะมียกเว้นบ้างก็แต่เพียงบางคนเท่านั้น ที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีโดยวิธีเลี้ยงดูของมนุษย์ทั่วไป
ดังนั้นฮ่องเต้ของจีนจำนวนมากจึงเป็นคนจำพวกวิปริตผิดปกติ จะมียกเว้นอยู่บ้างที่เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่เข้มแข็งเกรียงไกร เหตุนี้อายุรัชกาลของแทบทุกราชวงศ์ในเมืองจีนจึงมักไม่ค่อยยืนยาว
พระเจ้าเลนเต้เองก็ถูกเลี้ยงโดยขันที ดังนั้นเมื่อครองราชย์แล้ว จึงทรงยกย่องขันทีคนหนึ่งชื่อ เตียวเหยียง เป็นบิดาบุญธรรม และเพราะเหตุที่ถูกเลี้ยงดูโดยขันที ดังนั้นจึงมีความใกล้ชิดสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจขันทีเป็นพิเศษ มีความเคารพยำเกรงขันทีเป็นพิเศษ
ขันทีที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมในลักษณะเช่นนี้ มีอยู่สิบคน ซึ่งสามก๊กเรียกว่า สิบขันที คือเทาเจียด เตียวต๋ง เตียวเหยียง ฮองสี ต๋วนกุย เหาลำ เกียนสิด เห้หุย ก๊กเสง และเชียกง
ในจำนวนขันทีสิบคนนี้ได้ยกย่องให้เทาเจียดเป็นหัวหน้า ในขณะที่เตียวเหยียงเป็นคนที่พระเจ้าเลนเต้เคารพและยำเกรงเป็นพิเศษในฐานะที่ทรงยกย่องเป็นบิดาบุญธรรม
ความจริงชื่อของบุคคลในสามก๊กมีเป็นจำนวนมาก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจดต้องจำ แต่การจะไม่กล่าวถึงชื่อขันทีทั้งสิบคนเห็นจะไม่ได้ เพราะเป็นตัวละครสำคัญที่เป็นต้นตอทำให้แผ่นดินเกิดจลาจลวุ่นวายแล้วแตกเป็นสามก๊ก ทั้งเป็นตัวละครที่ก่อปัญหาวุ่นวายถึงสองรัชกาล
ขันทีทั้งสิบคนได้ร่วมคิด ร่วมมือกันครอบงำอำนาจบริหารของพระเจ้าเลนเต้ อย่างสิ้นเชิง กิจการภายในราชสำนักทั้งปวงขึ้นอยู่กับความคิดความเห็นของขันทีทั้งสิบคน จึงเป็นเหตุให้เหล่าขุนนางทั้งปวง เกรงกลัวไม่กล้ากระทำการหรือเพ็ดทูลสิ่งใดให้เป็นที่ขัดใจของขันที
ขุนนางคนใดแสดงอาการให้เห็นว่าไม่เป็นพวก ไม่เคารพ หรือไม่ยำเกรง ก็จะถูกสิบขันทีแกล้งเพ็จทูลให้พระเจ้าเลนเต้ถอดออกจากตำแหน่ง หรือโยกย้ายไปทำราชการในถิ่นทุรกันดาร หรืออาจถูกเพ็ดทูลให้ลงโทษประหาร
หนังสือราชการที่หัวเมืองต่างๆ รายงานเข้ามายังราชสำนักจะถูกกลั่นกรองโดยขันทีเสียชั้นหนึ่งก่อน หนังสือออกจากราชสำนักรวมถึงพระบรมราชโองการต่างๆ ก็เกิดขึ้นจากความคิดความเห็นของขันที จัดทำโดยเหล่าขันที และจัดส่งไปยังหัวเมืองต่างๆ โดยคนของขันที เป็นหนทางให้ลูกน้องของขันทีได้ค่าน้ำร้อนน้ำชาอีกทางหนึ่ง
อำนาจวาสนามีถึงเพียงนี้แล้วก็ยังไม่เป็นที่พึงใจ ความหิวกระหายในอำนาจวาสนายิ่งทวีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง กลายเป็นว่าอำนาจวาสนาที่มีมากขึ้นโดยลำดับนั้นไม่ต่างกับฟืนที่สุมทับเข้าไปในกองไฟก็ยิ่งทำให้กองไฟลุกโชติช่วงมากขึ้น ต้องการฟืนมากขึ้น ยิ่งเติมฟืนเข้าไปอีก กองไฟก็ยิ่งใหญ่ขึ้น โชติช่วงมากขึ้น อุปมาฉันใดก็อุปไมยฉันนั้น
ความหิวกระหายในอำนาจของขันทีได้ทำให้ราษฎรเกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เหล่าขุนนางทั้งในเมืองหลวงและในหัวเมืองต่างต้องเดือดร้อน และต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของขันที
การแต่งตั้งเจ้าเมืองไปครองเมืองต่างๆ ขันทีก็จะเรียกเอาสินบนทุกเมืองไป คนใดไม่ยอมให้สินบนแก่ขันทีก็จะถูกกลั่นแกล้ง ในชั้นต้นอาจจะแกล้งไม่ให้ได้รับแต่งตั้ง หากขัดขวางในชั้นนี้ไม่ได้ ในภายหลังก็จะกลั่นแกล้งเพ็จทูลเอาเป็นโทษ ซึ่งอาจจะเป็นโทษปลดออกจากราชการ หรือโทษถึงลงพระราชอาญา หากข้อหาหนักก็ต้องถูกประหาร
เจ้าเมืองคนใดยอมอยู่ในอำนาจ ขันทีก็จะจัดส่งคนไปเรียกเก็บส่วยทุกปี และจำนวนส่วยก็จะเพิ่มขึ้นทุกปีดุจกัน เจ้าเมืองบางคนในระยะแรกสามารถทนกับระบบส่วยได้ แต่นานไปทนแรงส่วยไม่ไหวก็ต้องลาออกเพราะขืนทนรับราชการต่อไปก็ต้องถูกปลด ถูกถอดหรือต้องโทษ
สิบขันที
ค่าภาษีต่างๆ ที่หัวเมืองจัดเก็บส่งเข้าเมืองหลวงตามปกติก็ถูกขันทีชักส่วนแบ่งตั้งแต่ร้อยละ 10 หนักเข้าก็ชักส่วนแบ่งถึงร้อยละ 50 ทำให้รายได้ของแผ่นดินไม่พอเพียงกับรายจ่าย เป็นเหตุให้พระเจ้าเลนเต้ต้องขึ้นภาษีเอากับราษฎรบ่อยครั้ง
จึงกล่าวได้ว่าราษฎรในยุคสมัยของพระเจ้าเลนเต้ถูกขูดรีดภาษีหนักที่สุด ด้านหนึ่งหนักเพราะการฉ้อราษฎร์บังหลวงของเหล่าขันทีและขุนนางที่เป็นพวก ด้านหนึ่งหนักเพราะรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นเพื่อบำรุงบำเรอความสุข และเพื่อจัดส่วนแบ่งให้แก่ขันทีและขุนนาง
ว่ากันว่างบประมาณแผ่นดินในสมัยพระเจ้าเลนเต้รั่วไหลไปกว่าร้อยละ 30 เท่าๆ กับตัวเลขการรั่วไหลของงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลไทยในบางยุค
เมื่อขุนนางข้าราชการทั้งในเมืองหลวงและหัวเมืองต้องจ่ายเงินค่าส่วยสินบน และมีความรั่วไหลเกิดขึ้นในงบประมาณแผ่นดินมากมายเช่นนี้ ราษฎรก็ถูกรีดนาทาเร้นหนักขึ้นทุกวัน ราษฎรกลายเป็นคนยากจนและยากไร้ ไม่มีที่ทำกิน และไม่มีกิน จนต้องปล้นชิงวิ่งราวกันทั่วทั้งแผ่นดิน
หนักเข้าข้าราชการทั้งในเมืองหลวงและในหัวเมืองต่างประพฤติตนเป็นโจร ปล้นชิงวิ่งราวเสียเองอย่างหนึ่ง เลี้ยงโจรให้ปล้นชิงวิ่งราวมาแบ่งกันอย่างหนึ่ง ค้าของหนีภาษี ค้าของเถื่อนอย่างหนึ่ง และเอาที่หลวง เอาประโยชน์ของหลวงไปทำมาหากิน ไปแสวงหาประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง
คดีความทั้งปวงก็ตัดสินไปตามน้ำหนักของเงินสินบน ขาวถูกกลับเป็นดำ ดำถูกกลับเป็นขาว ความเดือดร้อนจลาจลจึงเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน โดยที่ไม่มีใครกล้าพูด กล้ากราบทูล
พระเจ้าเลนเต้เห็นหนังสือลับของยีหลงแล้ว ก็ทอดพระทัย มิได้ตรัสประการใด แต่ขันทีทราบความเข้าก็ผูกอาฆาตยีหลง เพราะเห็นว่าเป็นการกราบทูลที่จะทำให้พวกตนเสียหาย และแสร้งเพ็ดทูลเสียใหม่ว่าการทั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากฉลองพระองค์เก่า เพราะทรงมานาน ดังนั้นเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศและราษฎรจึงต้องเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ พระเจ้าเลนเต้ก็กระทำตามคำแนะนำนั้น
หลังเหตุการณ์นี้แล้วสิบขันทีได้กราบทูลยุยงฮ่องเต้ให้ปลดยีหลงออกจากราชการไปทำไร่ไถนา ณ ภูมิลำเนาเดิม
สิบขันทียิ่งมีอำนาจวาสนามากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น ในที่สุดได้กราบทูลให้พระเจ้าเลนเต้แต่งตั้งคณะสิบขันทีเป็น เซียงสี หรือเป็น องคมนตรี ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาราชการแผ่นดินหรือนัยหนึ่งก็คือ คนใช้ฮ่องเต้ แต่บางแห่งแปลโดยความหมายว่าเป็นตำแหน่งหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
การที่ขันทีสามารถเวียนว่ายดำรงอยู่ในอำนาจท่ามกลางความขัดแย้งและผลประโยชน์ในราชสำนักได้อย่างยาวนาน แม้ถึงขนาดมีบทบาทครอบงำอำนาจรัฐของฮ่องเต้นั้น มิใช่ด้วยเหตุบังเอิญหรือโชคช่วย
หากเกิดจากจันทีมีสุดยอดวิชาประจำอาชีพของตนอยู่ถึงห้าวิชา ซึ่งคนปกติทั่วไปไม่มีวันที่จะรู้หรือร่ำเรียนสุดยอดวิชาเหล่านั้นได้อย่างครบครัน
ห้าสุดยอดวิชาขันทีเป็นไฉน ห้าสุดยอดวิชาขันทีได้แก่วิชาว่าด้วยการพินอบพิเทาและสร้างความพอใจสูงสุดอย่างหนึ่ง วิชาว่าด้วยการสร้างความแตกแยกเพื่อแสวงประโยชน์หรือเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง วิชาว่าด้วยการฆ่าคนซึ่งมีกระบวนท่าสุดยอดคือการใช้วาจาเป็นอาวุธสังหารผู้คนอย่างหนึ่ง วิชาว่าด้วยการเรียกรับสินบนอย่างหนึ่ง และวิชาว่าด้วยการติดสินบนซื้อน้ำใจคนอีกอย่างหนึ่ง
รายละเอียดแห่งสุดยอดวิชาทั้งห้านี้มิใช่เรื่องในสามก๊ก แต่ตลอดเรื่องราวของสามก๊กก็มีปรากฏให้เห็นการใช้ห้าสุดยอดวิชาขันทีอย่างลึกซึ้ง ในชั้นนี้จึงกล่าวถึงเรื่องสุดยอดวิชาขันทีไว้แต่เพียงเท่านี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา