1 ส.ค. 2020 เวลา 01:27 • ไลฟ์สไตล์
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยนิสัย 5 อย่างที่ผมทำอยู่
1
ทำได้ง่าย แปปเดียวเสร็จ
ส่งผลต่อ Productivity ไปตลอดทั้งวัน
5 Habits rule day.
หากคุณเป็นคนที่ชอบพัฒนาตัวเอง ก็คงจะมีนิสัยมากมายที่คุณอยากพัฒนาใช่ไหมล่ะครับ
ผมเองก็เป็นเหมือนกัน
ผมมีนิสัยแย่ ๆ ที่อยากปรับปรุงมากมาย มันเยอะถึงขนาดต้องปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว
เอาล่ะ ลอง List ออกมาดูดีกว่า จะได้พิจารณาว่านิสัยไหนที่จะส่ง Impact ให้กับชีวิตมากที่สุด
ผมเลือกมา 5 อย่าง ที่ทำได้ง่าย ๆ ส่งอิมแพคสูง และทำเสร็จได้เร็วในช่วงเช้า
เดี๋ยวผมจะไล่อธิบายเหตุผลที่ผมเลือกในแต่ละหัวข้อ เพื่อที่คุณอาจจะนำไปปรับใช้ได้ด้วยนะครับ ^ ^
1. ตื่นเช้า (ตี 5 ครึ่ง)
การตื่นเช้าคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เป็นไปตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย
มีงานวิจัยระดับนานาชาติสรุปออกมาแล้วว่า การนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง และนอนในช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 2 นั้นดีที่สุด
ผมเอง วันนี้ก็เพิ่งกลับมาตื่นตี 5 ครึ่งอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ตื่นเช้ามาเป็นเวลาเกือบเดือน
สำหรับผม ผมชอบความรู้สึกที่ตื่นแล้วบรรยากาศยังมืดอยู่ มันทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย อีกทั้งยังรู้สึกว่ามีเวลาเหลือให้ทำเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น
แต่พอตื่นสาย (8 โมงถึงเที่ยง) ผมจะรู้สึกผิดกับตัวเอง แปป ๆ ก็เที่ยงหล่ะ ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักกะอย่าง พลันความรู้สึกหม่นเศร้าแล่นผ่านหัวใจ
>> ผมเชียร์ให้คุณนอนก่อนเวลา 4 ทุ่ม และตื่นก่อนเวลา 6 โมงเช้าครับ
2. ออกกำลังกาย (10-30 นาที)
พอร่างกายอ่อนแอ หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตจะดูมืดมนทันที
เหมือนคุณถูกเกาะขาไว้แน่น จะเดินไปไหนก็ไม่สะดวก ไม่มีอิสรภาพที่จะทำเรื่องที่เราอยากทำ
หากคุณก็รำคาญกับความไม่จีรังของร่างกายเช่นนี้ ผมแนะนำให้คุณออกกำลังกายครับ
ผลของการออกกำลังกาย คือทำให้ร่างกายแข็งแรง ลดอาการปวดเมื่อยเวลานั่งนาน ๆ ทั้งยังเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย
ผมเองวันนี้ก็ไปออกกำลังกายที่โรงยิมส่วนกลาง (ผมเช่าคอนโดอยู่)
>> แต่หากคุณอยู่บ้าน ผมก็แนะนำให้คุณ "วิ่ง" ครับ เพราะมันง่าย เสียค่าใช้จ่ายน้อย ทั้งยังได้สูดกลิ่นยามเช้าอันแสนสดชื่น
3. ท่อง/ทบทวนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ (5 นาที)
แม่ชอบให้ผมอ่านภาษาอังกฤษให้ท่านฟัง เวลาเล่นเกมปลูกผักแล้วมีคำที่ไม่เข้าใจ หรือให้ผมอ่านป้ายโลโก้แบรนด์ยี่ห้อต่าง ๆ
ท่านมักบ่นให้ฟังว่า อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกเลยแฮะ ถ้าไม่มีภาษาไทยกำกับก็อ่านไม่ออกเลย
ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาสากล ที่หากเป็นก็เหมือนเปิดประตูสู่คลังความรู้อันมหาศาล และโอกาศ ต่าง ๆ มากมาย แต่หลายคนกับกลัวมัน
1
ในความเป็นจริง ของแบบนี้มันฝึกกันได้
วิธีฝึกที่ผมรู้สึกว่าได้ผลคือ การท่องศัพท์ครับ
ีมีคน List คำศัพท์ 3,000 คำ ที่เป็น 70% ของคำที่ชาวต่างชาติใช้กันในชีวิตประจำวัน
หากคุณรู้ศัพท์เหล่านี้ ก็จะเข้าใจบทสนทนาภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมดบนโลก
>> ผมแนะนำให้คุณเริ่มจากตรงนี้ครับ เสิร์ชคำว่า the oxford 3000 words pdf
ผมเซฟเก็บไว้ แล้วก็เอามาท่องวันละ 1-3 คำ
1 ปี คุณจะมีคลังคำ 365 คำ (1 คำต่อวัน)
หรือ 1,095 คำ (3 คำต่อวัน)
// เคล็ดลับ ผมจำมาจากหนังสือครับ จำไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน แต่ผมเอามาใช้แล้วรู้สึกว่ามันทุ่นแรงมาก ๆ
นั่นคือ การเริ่มท่องศัพท์ตอนเย็น และทบทวนอีกครั้งในตอนเช้าครับ
ผมใช้วิธีนี้มาซักพัก รู้สึกเอ็นจอยกับมันมาก ผมไม่ต้องพะวงกับการจำศัพท์ในช่วงวัน แค่ทำตอนก่อนนอนกับหลังตื่นนอนก็พอ //
แถม:
ผมชอบเล่นเกม กับอ่านบทความภาษาอังกฤษ นี่เป็นการฝึกใช้จริงของผม ซึ่งสำคัญเช่นกัน
แต่ถ้ารู้สึกว่ามากไป เอาไว้ก่อนก็ได้ครับ เอาไว้พอท่องศัพท์ได้มาก ๆ คุณจะอยากหาอะไรทำเอง
ถึงตอนนั้นคุณอาจอยากดูหนังภาษาอังกฤษ หรือพูดคุยกับเพื่อนต่างชาติ ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน
4. ทำสมาธิ (5 นาที)
ผมเป็นคนสมาธิสั้นมาก
ผมทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะไม่สามารถอยู่กับมันได้นาน
สมาธิ ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับของคนประสบความสำเร็จ สมาธิทำให้เรา Focus กับงานตรงหน้า ทำให้เกิดภาวะ Flow เวลาทำงาน
เป็นสิ่งที่คนอยาก Productive ล้วนต้องการ
ไม่ได้การ หากสมาธิสั้นแบบนี้ต่อไปคงแย่แน่ เห็นทีต้องทำอะไรซักอย่าง
>> ผมเลือกการทำสมาธิด้วยการนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก เวลาเผลอไปคิดอะไรก็ให้รู้ทันความคิดนั้น
ผมทำหลังออกกำลังกายเสร็จทันที นอกจากจะเป็นการพักเหนื่อยแล้ว ผมยังฝึกดูสภาวะนี้ได้อีกด้วย
ตรงนี้ไม่ฟิกครับ คุณสามารถปฏิบัติตามความเชื่อของตัวเองได้เลย ขอเพียงมันช่วยทำให้มีสมาธิ จิตใจไม่วอกแวกก็ยอดเยี่ยมแล้ว
5. เขียนบทความ (10-30 นาที)
หากคุณเป็นคนคิดอะไรไม่เป็นระบบระเบียบ คิดตามที่คนอื่นพูดไม่ทัน หรือไม่สามารถพูดให้คนเข้าใจได้ ผมแนะนำให้คุณฝึกเขียนบทความครับ
การเขียนบทความ มันทำให้เราสามารถเชื่อมต่อ ร้อยเรียงเรื่องราวให้เป็นเหตุเป็นผล ลำดับความสำคัญของเรื่องได้ ประเด็นหลักมาก่อน ค่อยเสริมประเด็นรอง และประเด็นเสริมอื่น ๆ
>> เริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการนึกประเด็นสำคัญที่ต้องการสื่อ จากนั้นก็ร่างโครงแบบคร่าว ๆ ออกมาก่อน เปิดเรื่องยังไง จะเล่าอะไรบ้าง และปิดท้ายด้วยการสรุปเรื่อง
การทำแบบนี้จะทำให้ผู้อ่านไม่งง หรือสับสนกับเรื่องที่เรากำลังเล่า ทำให้สารที่เราต้องการจะสื่อ ส่งถึงมือผู้รับได้อย่างไม่ผิดจากที่ตั้งใจ
อนึ่ง แม้ผมจะอธิบายได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ดี เห็นได้จากโพสต์นี้ที่ยังสะเปะสะปะ ดูมั่ว ๆ อยู่เลย
เดี๋ยวเขียนไปเรื่อย ๆ ก็คงดีขึ้นแหละ (มั้ง)
สรุป
นิสัย 5 อย่างนี้ เป็นสิ่งที่ผมกำลังทำมันอยู่ เพราะรู้สึกว่ามันมีประโยชน์ ส่ง Impact ให้กับชีวิต หากมีมัน
ก่อนจะจากกันไป คุณมีนิสัยใดที่อยากพัฒนาบ้างครับ มาแชร์กันหน่อยสิ
เลือกมา 5 อย่างที่มีผลกับชีวิตคุณที่สุดนะครับ
1
เผื่อผมจะได้เอาไปทำบ้าง
โฆษณา